ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจร้านอาหารไทย รวมทั้งการประกอบอาชีพของพ่อครัว/แม่ครัวไทย เนื่องจากอาหารไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากส่งผลให้การขยายตัวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในออสเตรเลียราว 800 ร้าน มากเป็นอันดับ 3 โดยคิดเป็น 4%ของจำนวนร้านอาหารต่างชาติทั้งหมดในออสเตรเลีย รองจากจีน (14.5%) และอิตาลี (9.1%) ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (เมืองซิดนีย์และเมืองนิวคาสเซิล) รัฐวิกตอเรีย (เมืองเมลเบิร์น) รัฐควีนส์แลนด์ (เมืองบริสเบน) และรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย (เมืองเพิร์ท) ตามลำดับ
เป็นที่น่ายินดีว่านอกจากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการตั้งร้านอาหารไทยในต่างประเทศภายใต้โครงการครัวไทยสู่โลก (Kitchen of the World) แล้ว การเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุนภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (Thailand-Australia Free Trade Area: TAFTA) ซึ่งรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลียร่วมกันลงนามเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 นับเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย
สำหรับสิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลง TAFTA ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจร้านอาหารไทยในออสเตรเลียที่สำคัญมีดังนี้
- ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าไปลงทุนประกอบธุรกิจร้านอาหารในออสเตรเลียได้ 100% โดยไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติ (Foreign Investment Review Board: FIRB) ในกรณีที่การจัดตั้งร้านอาหารดังกล่าวมีเงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียหรือราว 300 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยทั่วไปร้านอาหารไทยในออสเตรเลียส่วนใหญ่มีเงินลงทุนเพียงราว 50,000-300,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลียหรือราว 1.5-9.0 ล้านบาท จึงไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจาก FIRB
- ออสเตรเลียยกเลิกเงื่อนไขการเปิดรับสมัครแรงงานท้องถิ่นก่อนจ้างแรงงานไทย ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในออสเตรเลียสามารถประกาศรับสมัครพ่อครัว/แม่ครัวไทยได้ทันที โดยไม่ต้องประกาศรับสมัครแรงงานชาวออสเตรเลียก่อนเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาในช่วงก่อนหน้าที่จะมีข้อตกลง TAFTA
- ธุรกิจร้านอาหารไทยที่เป็นของคนไทยหรือของชาวออสเตรเลียสามารถจ้างพ่อครัว/แม่ครัวไทยได้นานถึง 4 ปีและสามารถต่อใบอนุญาตทำงานได้ ออสเตรเลียอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นพ่อครัว/แม่ครัวไทย หมายถึง ผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ* จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานของไทย และมีสัญญาการจ้างงานจากเจ้าของกิจการร้านอาหารไทยในออสเตรเลียสามารถเข้าไปทำงานในร้านอาหารไทยที่เป็นของคนไทยหรือของชาวออสเตรเลียได้ไม่เกิน 4 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่อนุญาตนานกว่ากรณีที่ให้คนไทยเข้าไปดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นของคนไทยหรือของชาวออสเตรเลีย ซึ่งอนุญาตไม่เกิน 3 ปี
ในส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดตั้งร้านอาหารไทยในออสเตรเลียที่สำคัญได้แก่
ประเภทของค่าใช้จ่าย มูลค่า
เงินลงทุนขั้นต่ำ ราว 50,000 ดอลลาร์
ออสเตรเลียหรือราว 1.5 ล้านบาท
ค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่าย เฉลี่ย 5,000-7,000 ดอลลาร์
ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ออสเตรเลียหรือราว 150,000-210,000 บาท
และการขอใบอนุญาตต่างๆ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของรัฐที่ร้านอาหารตั้งอยู่
ค่าเช่าร้านหรือพื้นที่ เฉลี่ย 3,000-3,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ต่อ 70 ตารางเมตรต่อเดือนหรือราว
90,000-105,000 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง
ของร้านอาหาร
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่าเมื่อข้อตกลง TAFTA มีผลบังคับใช้จะส่งผลให้ผู้ประกอบอาชีพพ่อครัว/แม่ครัวไทยสามารถเข้าไปทำงานร้านอาหารไทยในออสเตรเลียได้สะดวกขึ้น เป็นการบรรเทาปัญหาขาดแคลนพ่อครัว/แม่ครัวในออสเตรเลียและมีส่วนเกื้อหนุนให้ธุรกิจร้านอาหารไทยในออสเตรเลียขยายตัวยิ่งขึ้น
หมายเหตุ * แบ่งเป็น 3 ระดับชั้น คือ
ชั้น 1 คือผู้ช่วยพ่อครัว/แม่ครัวซึ่งมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง 5 ปี
ชั้น 2 คือพ่อครัว/แม่ครัวซึ่งมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง 4 ปี และ
ชั้น 3 คือหัวหน้าพ่อครัว/แม่ครัวซึ่งมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง 3 ปี
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2547--
-พห-
เป็นที่น่ายินดีว่านอกจากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการตั้งร้านอาหารไทยในต่างประเทศภายใต้โครงการครัวไทยสู่โลก (Kitchen of the World) แล้ว การเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุนภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (Thailand-Australia Free Trade Area: TAFTA) ซึ่งรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลียร่วมกันลงนามเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 นับเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย
สำหรับสิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลง TAFTA ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจร้านอาหารไทยในออสเตรเลียที่สำคัญมีดังนี้
- ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าไปลงทุนประกอบธุรกิจร้านอาหารในออสเตรเลียได้ 100% โดยไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติ (Foreign Investment Review Board: FIRB) ในกรณีที่การจัดตั้งร้านอาหารดังกล่าวมีเงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียหรือราว 300 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยทั่วไปร้านอาหารไทยในออสเตรเลียส่วนใหญ่มีเงินลงทุนเพียงราว 50,000-300,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลียหรือราว 1.5-9.0 ล้านบาท จึงไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจาก FIRB
- ออสเตรเลียยกเลิกเงื่อนไขการเปิดรับสมัครแรงงานท้องถิ่นก่อนจ้างแรงงานไทย ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในออสเตรเลียสามารถประกาศรับสมัครพ่อครัว/แม่ครัวไทยได้ทันที โดยไม่ต้องประกาศรับสมัครแรงงานชาวออสเตรเลียก่อนเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาในช่วงก่อนหน้าที่จะมีข้อตกลง TAFTA
- ธุรกิจร้านอาหารไทยที่เป็นของคนไทยหรือของชาวออสเตรเลียสามารถจ้างพ่อครัว/แม่ครัวไทยได้นานถึง 4 ปีและสามารถต่อใบอนุญาตทำงานได้ ออสเตรเลียอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นพ่อครัว/แม่ครัวไทย หมายถึง ผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ* จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานของไทย และมีสัญญาการจ้างงานจากเจ้าของกิจการร้านอาหารไทยในออสเตรเลียสามารถเข้าไปทำงานในร้านอาหารไทยที่เป็นของคนไทยหรือของชาวออสเตรเลียได้ไม่เกิน 4 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่อนุญาตนานกว่ากรณีที่ให้คนไทยเข้าไปดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นของคนไทยหรือของชาวออสเตรเลีย ซึ่งอนุญาตไม่เกิน 3 ปี
ในส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดตั้งร้านอาหารไทยในออสเตรเลียที่สำคัญได้แก่
ประเภทของค่าใช้จ่าย มูลค่า
เงินลงทุนขั้นต่ำ ราว 50,000 ดอลลาร์
ออสเตรเลียหรือราว 1.5 ล้านบาท
ค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่าย เฉลี่ย 5,000-7,000 ดอลลาร์
ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ออสเตรเลียหรือราว 150,000-210,000 บาท
และการขอใบอนุญาตต่างๆ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของรัฐที่ร้านอาหารตั้งอยู่
ค่าเช่าร้านหรือพื้นที่ เฉลี่ย 3,000-3,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ต่อ 70 ตารางเมตรต่อเดือนหรือราว
90,000-105,000 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง
ของร้านอาหาร
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่าเมื่อข้อตกลง TAFTA มีผลบังคับใช้จะส่งผลให้ผู้ประกอบอาชีพพ่อครัว/แม่ครัวไทยสามารถเข้าไปทำงานร้านอาหารไทยในออสเตรเลียได้สะดวกขึ้น เป็นการบรรเทาปัญหาขาดแคลนพ่อครัว/แม่ครัวในออสเตรเลียและมีส่วนเกื้อหนุนให้ธุรกิจร้านอาหารไทยในออสเตรเลียขยายตัวยิ่งขึ้น
หมายเหตุ * แบ่งเป็น 3 ระดับชั้น คือ
ชั้น 1 คือผู้ช่วยพ่อครัว/แม่ครัวซึ่งมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง 5 ปี
ชั้น 2 คือพ่อครัว/แม่ครัวซึ่งมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง 4 ปี และ
ชั้น 3 คือหัวหน้าพ่อครัว/แม่ครัวซึ่งมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง 3 ปี
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2547--
-พห-