แท็ก
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
บัญญัติ บรรทัดฐาน
พรรคประชาธิปัตย์
จังหวัดศรีสะเกษ
คาราวาน
วันนี้ ( 12 ธ.ค.47 ) ขบวนคาราวานประชาธิปไตย ของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มเคลื่อนขบวนตั้งแต่เวลา 06.30น. นำโดยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค นายสัมพันธ์ ทองสมัคร นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ออกเดินพบปะประชาชนในตลาดเทศบาลอำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นได้เดินทางไปสักการะพระนางศรีสระผม และหลวงพ่อโต ณ วัดมหาพุทธาราม จากนั้นได้ขึ้นรถแห่และเดินพบปะประชาชนในตลาดเทศบาลอำเภอกันทรารมย์ ต่อมาขบวนคาราวานได้เดินทางไปอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนและจะเดินทางต่อไปยังอำเภอเคืองในเพื่อปราศรัยใหญ่ต่อไป ซึ่งขบวนคาราวานได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเลื่อนคาราวานประชาธิปไตยในจังหวัดชายแดนภาคใต้จากกำหนดเดิมวันที่ 17-22 ธันวาคม เป็นหลังวันที่ 19 ธันวาคมว่า เนื่องจากในวันที่19ธันวาคม 2547 พรรคจะมีการจัดสัมมนาและเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกรุงเทพมหานครทั้ง 37 เขต เพราะฉะนั้นหากเดินทางไปคาราวานภาคใต้ตามที่กำหนดไว้ก็จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ และต้องเดินทางลงไปในพื้นที่ภาคใต้ต่อ ซึ่งจะทำให้ทุลักทุเล ทั้งนี้การเลื่อนคาราวานภาคใต้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับกรณีที่นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล นำวีซีดีการสลายการชุมนุมหน้าสภ.อ.ตากใบไปเผยแพร่ในพื้นที่แต่อย่างใด
นายบัญญัติกล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 400 เขตว่า คงจะสามารถประกาศได้ครบในช่วงใกล้ถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากขบวนคาราวานของพรรคได้ลงพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ก็ได้กระแสตอบรับจากประชาชนมาโดยตลอด จึงทำให้พรรคไทยรักไทยพยายามทุกวีถีทางเพื่อสร้างกระแสให้ได้รับการเลือกตั้งทั้งการพยายามข่มขู่ คุกคามผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคได้วิเคราะห์แล้วว่าในพื้นที่ภาคอีสานหากพรรคไทยรักไทยไม่ชนะขาดก็จะตกที่นั่งลำบาก ส่วนพื้นที่ภาคเหนือและภาคอื่นๆพรรคไทยรักไทยก็ไม่น่าที่จะได้ที่นั่งมากขึ้น ดังนั้นพรรคไทยรักไทยจึงหันมาเน้นที่ภาคอีสานมากกว่าเก่า
ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยบอกว่าจะฟ้องกับพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีที่ผู้สมัครของพรรคเปิดเผยว่ามีรัฐมนตรีมากดดันให้ถอนตัวออกจากการเลือกตั้งนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่ายินดีที่จะให้ฟ้องเพราะผู้สมัครได้เก็บรวบรวมหลักฐาน และมีพยานที่พร้อมจะต่อสู้ในชั้นศาลไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่นายกฯประกาศจะยึดภาคเหนือทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเพียงการสร้างกระแสนิยมที่นายกฯถนัด ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ต่อข้อถามว่าพรรคไทยรักไทยมีการใช้ทั้งอำนาจและอำนาจเงินจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมาย 230 ที่นั่งที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ หน.พรรคปชป. กล่าวว่า ความจริงเป้าหมาย 230 ที่นั่งไม่ได้เป็นเป้าหมายหลัก แต่เป็นเพียงการประเมินตามขั้นตอนของคณะทำงานตรวจสอบในพื้นที่ เป้าหมายหลักจริงๆของพรรคคือต้องการ 200 เสียงเพื่อให้เป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพและทำงานได้ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งขณะนี้จำนวน 200 ที่นั่งก็ยังไม่ถึงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้จึงต้องให้ผู้สมัครขยันทุ่มเทกำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นและต้องพร้อมที่จะต่อสู้กับอำนาจรัฐและอำนาจเงินต่างๆ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนเริ่มเข้าใจและรู้เห็นมากขึ้น นอกจากนั้นยังต้องมีการปรามเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ให้ความร่วมมมือกับฝ่ายการเมืองว่า ฝ่ายการเมืองมาแล้วก็ไปข้าราชการข้างกับประชาชนมากกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเลื่อนคาราวานประชาธิปไตยในจังหวัดชายแดนภาคใต้จากกำหนดเดิมวันที่ 17-22 ธันวาคม เป็นหลังวันที่ 19 ธันวาคมว่า เนื่องจากในวันที่19ธันวาคม 2547 พรรคจะมีการจัดสัมมนาและเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกรุงเทพมหานครทั้ง 37 เขต เพราะฉะนั้นหากเดินทางไปคาราวานภาคใต้ตามที่กำหนดไว้ก็จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ และต้องเดินทางลงไปในพื้นที่ภาคใต้ต่อ ซึ่งจะทำให้ทุลักทุเล ทั้งนี้การเลื่อนคาราวานภาคใต้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับกรณีที่นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล นำวีซีดีการสลายการชุมนุมหน้าสภ.อ.ตากใบไปเผยแพร่ในพื้นที่แต่อย่างใด
นายบัญญัติกล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 400 เขตว่า คงจะสามารถประกาศได้ครบในช่วงใกล้ถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากขบวนคาราวานของพรรคได้ลงพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ก็ได้กระแสตอบรับจากประชาชนมาโดยตลอด จึงทำให้พรรคไทยรักไทยพยายามทุกวีถีทางเพื่อสร้างกระแสให้ได้รับการเลือกตั้งทั้งการพยายามข่มขู่ คุกคามผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคได้วิเคราะห์แล้วว่าในพื้นที่ภาคอีสานหากพรรคไทยรักไทยไม่ชนะขาดก็จะตกที่นั่งลำบาก ส่วนพื้นที่ภาคเหนือและภาคอื่นๆพรรคไทยรักไทยก็ไม่น่าที่จะได้ที่นั่งมากขึ้น ดังนั้นพรรคไทยรักไทยจึงหันมาเน้นที่ภาคอีสานมากกว่าเก่า
ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยบอกว่าจะฟ้องกับพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีที่ผู้สมัครของพรรคเปิดเผยว่ามีรัฐมนตรีมากดดันให้ถอนตัวออกจากการเลือกตั้งนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่ายินดีที่จะให้ฟ้องเพราะผู้สมัครได้เก็บรวบรวมหลักฐาน และมีพยานที่พร้อมจะต่อสู้ในชั้นศาลไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่นายกฯประกาศจะยึดภาคเหนือทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเพียงการสร้างกระแสนิยมที่นายกฯถนัด ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ต่อข้อถามว่าพรรคไทยรักไทยมีการใช้ทั้งอำนาจและอำนาจเงินจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมาย 230 ที่นั่งที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ หน.พรรคปชป. กล่าวว่า ความจริงเป้าหมาย 230 ที่นั่งไม่ได้เป็นเป้าหมายหลัก แต่เป็นเพียงการประเมินตามขั้นตอนของคณะทำงานตรวจสอบในพื้นที่ เป้าหมายหลักจริงๆของพรรคคือต้องการ 200 เสียงเพื่อให้เป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพและทำงานได้ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งขณะนี้จำนวน 200 ที่นั่งก็ยังไม่ถึงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้จึงต้องให้ผู้สมัครขยันทุ่มเทกำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นและต้องพร้อมที่จะต่อสู้กับอำนาจรัฐและอำนาจเงินต่างๆ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนเริ่มเข้าใจและรู้เห็นมากขึ้น นอกจากนั้นยังต้องมีการปรามเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ให้ความร่วมมมือกับฝ่ายการเมืองว่า ฝ่ายการเมืองมาแล้วก็ไปข้าราชการข้างกับประชาชนมากกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-