วานนี้ ( 11 ธ.ค.47 ) ขบวนคาราวานประชาธิปไตย คาราวานประชาธิปัตย์ นำโดยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค นายสัมพันธ์ ทองสมัคร นายสุทัศน์ เงินหมื่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้เดินไปพบปะพี่น้องประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นขบวนคาราวานได้เดินทางไปนมัสการหลวงปู่สุขธรรมโชโต ณ วัดโพธิ์ทรายทอง ต่อมาได้เดินทางไปไหว้ศาลเจ้า ณ อำเภอละหานทราย และได้จัดปราศรัยใหญ่ ( 15.00น. ) ที่สนามกีฬาหน้าที่ว่าการอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกว่า 5 ,000 คน และได้เปิดตัวผู้สมัคร 10 เขต ดังนี้
เขต 1 นายจารุพงศ์ สมอารยพงศ์
เขต 2 นายชูเกียรติ วิสูตรตระการ
เขต 3 นายวีระยุทธ พะโรงรัมย์
เขต 4 นายสุพันธ์ วังโน
เขต 5 นายมนูญ มนูขจร
เขต 6 นายนพรัตน์ ฉิมรัมย์
เขต 7 นายภุชงค์ เลาหศิริวงศ์
เขต 8 นายปรีชา เข็มบุปผา
เขต 9 นายสมนึก เฮงวาณิชย์
เขต 10 นายสุรวุฒิ เงางาม
ทั้งนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ผู้สมัครเขต 9 ว่า ก่อนการปราศรัยได้มีการใช้อำนาจรัฐสกัดกั้นไม่ให้คนมาฟังปราศรัย และยังได้เปิดเผยอีกว่ามีข้าราชการระดัยสูงในรัฐบาลมากดดันเพื่อให้ตนถอนตัวออกจากการสมัคร
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อมีการสกัดกั้นคนไม่ให้มาฟังปราศรัยแต่มีคนมาฟังเป็นจำนวนมากเราก็สบายใจ เมื่อถามว่ากรณีที่ผู้สมัครได้นำหลักฐานที่ถูกข้าราชการระดับสูงกดดันมาเปิดเผยกลัวจะถูกฟ้องกลับหรือไม่ ตนไม่กลัวเพราะมีพยานหลักฐาน และพยานบุคคลที่พร้อมจะให้ถ้อยคำอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนได้ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง และพร้อมที่จะสู้คดีถึงชั้นศาล
เมื่อถามว่ากรณีนี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่หรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายพื้นที่แต่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เขต 9 ชัดเจนที่สุด และบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว ซึ่งพรรคพร้อมจะรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อย่างแน่นอน วันนี้กกต.ต้องยืนให้เข้มแข็งและต้องทำงานหนักมากขึ้น พรรคจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายโดยส่งเรื่องให้กกต.และบอกให้ประชาชนได้รับทราบซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะไม่มีมาตรการใดมีน้ำหนักมากกว่ามาตรการทางสังคม ถ้าสังคมไม่เอาด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของพรรคไทยรักไทยส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจ เพราะถ้ากระแสดีจริงคงไม่มีความจำเป็นต้องหว่านล้อมให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำท่าว่าจะชนะการเลือกตั้งต้องถอนตัว หรือข่มขู่ว่าหากได้รับการเลือกตั้งก็จะต้องเจอใบเหลือง ใบแดง ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้กกต.ต้องพิสูจน์ตัวเองให้มาก เพราะการกระทำของคนในรัฐบาลที่ออกมาปามให้ผู้สมัครถอนตัวสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเชื่อมั่นในอำนาจนิยม คิดว่าการใช้อำนาจข่มขู่ คุกคาม จะสามารถสยบทุกอย่างได้ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายมาก ทั้งนี้พรรคจะส่งหลักฐานให้กกต.ทราบหลังจากเดินทางกลับจากคาราวาน
เมื่อถามว่าทางพรรคไทยรักไทยได้ตั้ง คณะกรรมการโกงการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมการรับมือในเรื่องนี้อย่างไร หน.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในจังหวัดบุรีรัมย์มีปัญหาในทำนองนี้บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยของพล.ต.อ.เสรี เตมียเวช ที่เข้ามามีบทบาทในช่วงนั้นก็มีการโกงกันอย่างมาก ซึ่งพรรคได้บอกกับผู้สมัครทุกคนว่าต้องเข้มแข็ง และพร้อมจะต่อสู้กับอำนาจและอิทธิพลที่มาเหนือกฎหมาย และไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามพรรคก็ได้เตรียมการป้องกันไว้ โดยรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้กกต. ซึ่งพรรคได้กำชับให้ผู้สมัครได้รวบรวมหลักฐานไว้ตลอดเวลา
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
เขต 1 นายจารุพงศ์ สมอารยพงศ์
เขต 2 นายชูเกียรติ วิสูตรตระการ
เขต 3 นายวีระยุทธ พะโรงรัมย์
เขต 4 นายสุพันธ์ วังโน
เขต 5 นายมนูญ มนูขจร
เขต 6 นายนพรัตน์ ฉิมรัมย์
เขต 7 นายภุชงค์ เลาหศิริวงศ์
เขต 8 นายปรีชา เข็มบุปผา
เขต 9 นายสมนึก เฮงวาณิชย์
เขต 10 นายสุรวุฒิ เงางาม
ทั้งนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ผู้สมัครเขต 9 ว่า ก่อนการปราศรัยได้มีการใช้อำนาจรัฐสกัดกั้นไม่ให้คนมาฟังปราศรัย และยังได้เปิดเผยอีกว่ามีข้าราชการระดัยสูงในรัฐบาลมากดดันเพื่อให้ตนถอนตัวออกจากการสมัคร
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อมีการสกัดกั้นคนไม่ให้มาฟังปราศรัยแต่มีคนมาฟังเป็นจำนวนมากเราก็สบายใจ เมื่อถามว่ากรณีที่ผู้สมัครได้นำหลักฐานที่ถูกข้าราชการระดับสูงกดดันมาเปิดเผยกลัวจะถูกฟ้องกลับหรือไม่ ตนไม่กลัวเพราะมีพยานหลักฐาน และพยานบุคคลที่พร้อมจะให้ถ้อยคำอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนได้ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง และพร้อมที่จะสู้คดีถึงชั้นศาล
เมื่อถามว่ากรณีนี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่หรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายพื้นที่แต่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เขต 9 ชัดเจนที่สุด และบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว ซึ่งพรรคพร้อมจะรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อย่างแน่นอน วันนี้กกต.ต้องยืนให้เข้มแข็งและต้องทำงานหนักมากขึ้น พรรคจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายโดยส่งเรื่องให้กกต.และบอกให้ประชาชนได้รับทราบซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะไม่มีมาตรการใดมีน้ำหนักมากกว่ามาตรการทางสังคม ถ้าสังคมไม่เอาด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของพรรคไทยรักไทยส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจ เพราะถ้ากระแสดีจริงคงไม่มีความจำเป็นต้องหว่านล้อมให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำท่าว่าจะชนะการเลือกตั้งต้องถอนตัว หรือข่มขู่ว่าหากได้รับการเลือกตั้งก็จะต้องเจอใบเหลือง ใบแดง ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้กกต.ต้องพิสูจน์ตัวเองให้มาก เพราะการกระทำของคนในรัฐบาลที่ออกมาปามให้ผู้สมัครถอนตัวสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเชื่อมั่นในอำนาจนิยม คิดว่าการใช้อำนาจข่มขู่ คุกคาม จะสามารถสยบทุกอย่างได้ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายมาก ทั้งนี้พรรคจะส่งหลักฐานให้กกต.ทราบหลังจากเดินทางกลับจากคาราวาน
เมื่อถามว่าทางพรรคไทยรักไทยได้ตั้ง คณะกรรมการโกงการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมการรับมือในเรื่องนี้อย่างไร หน.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในจังหวัดบุรีรัมย์มีปัญหาในทำนองนี้บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยของพล.ต.อ.เสรี เตมียเวช ที่เข้ามามีบทบาทในช่วงนั้นก็มีการโกงกันอย่างมาก ซึ่งพรรคได้บอกกับผู้สมัครทุกคนว่าต้องเข้มแข็ง และพร้อมจะต่อสู้กับอำนาจและอิทธิพลที่มาเหนือกฎหมาย และไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามพรรคก็ได้เตรียมการป้องกันไว้ โดยรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้กกต. ซึ่งพรรคได้กำชับให้ผู้สมัครได้รวบรวมหลักฐานไว้ตลอดเวลา
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-