นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีมติส่ง พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา แทน ส.ส.เดิมคือนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค โดยกล่าวว่า พันเอก เฟื่องวิชชุ์ เป็นบุคคลที่มีความสามารถ และตั้งใจจริงที่จะเข้ามารับใช้ประชาชนทางการเมืองหลังจากที่รับราชการทหารมาเกือบตลอดทั้งชีวิต และหลังจากนี้จะได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. นี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม.อย่างป็นทางการ ทั้ง 37 เขต ที่ สนามกีฬา ไทยญี่ปุ่น-ดินแดง และในวันเดียวกันนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการนำเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ทุกด้าน ทั้งหมด
นายองอาจ กล่าวว่าขณะนี้เสียงตอบรับจากประชาชนในสนามเลือกตั้ง กทม. ได้รับการสนับสนุน เป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับกับการเลือกตั้ง ในปี 2544 ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ก็ตาม ทางพรรคจึงเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งในปี 2548 นี้จะได้รับการสนับสนุนมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่ นายกฯทักษิณ ออกมากล่าวหาเสียง โดยได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ตลอดเวลา 4 ปี ที่ผ่านมานั้นพรรคประชาธิปัตย์ ได้ด่ารัฐบาลอย่างเดียวและสิ่งที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ด่านั้นเป็นสิ่งที่โกหก 99.9% นั้น พรรคขอเรียน และฝากไปยังนายกฯทักษิณ ว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้พูดตลอดระยะ 4 ปี นั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น แต่ในทางตรงกันข้าม ทางพรรคประประชาธิปัตย์พบว่านายกฯต่างหากที่เป็นผู้กล่าวคำโกหก มากกว่า
นายองอาจ ได้ชี้แจงถึง คำกล่าวโกหก ที่นายกฯทักษิณ ได้เคยกล่าวไว้ในระยะ 4 ปี ที่ผ่านมา เป็น 10 สุดยอดโกหก ได้แก่ 1. รัฐมนตรีทุจริตจะปลดออกจากตำแหน่ง เป็นแค่การหาเสียง 2.จับโกหก ‘ไม่มีไข้หวัดนกในประเทศไทย’ 3.ลวงโลก ‘ซื้อทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล’ 4. ‘จะตรวจสอบกรฆ่าตัดตอน 2,500 ศพในสงครามยาเสพติด’
5.โกหก ‘ปัญหาไฟใต้ดีขึ้นแล้ว เป็นฝีมือโจรห้าร้อย’ 6. กลบเกลื่อน ‘ทนายสมชายมีปัญหากับครอบครัว’ 7.โกหก ‘ปล่อยกู้พม่า 4 พันล้านบาท ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน’8. เลิกล้มงาน ‘คนด่ารัฐบาล’ แต่เปลี่ยนงาน ‘คนเชียร์รัฐบาล’ แทน 9.จับโกหก เอฟทีเอ ..ใครได้ใครเสียประโยชน์กันแน่ 10. จีเอ็มโอ ..โกหกซ้ำซาก
‘จากทั้ง 10 สุดยอดโกหกนี้ ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่นายกฯทักษิณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดว่า คนที่โกหก 100 % หรืออาจจะโกหก 99.99 % คือท่านนายกฯ ดังรายละเอียดนี้”นายองอาจ กล่าว
สำหรับกรณีที่ ท่านนายกฯทักษิณ กล่าวว่า นโยบาย ของพรรคอื่น เป็นนโยบายที่ทำไม่ได้เพราะจะไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้น นายองอาจ ชี้แจง ว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นนโยบายที่ที่มากเกินกว่าที่จะทำได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริง ถ้าเรามีโอกาสในการบริการประเทศ และเป็นนโยบายที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาวอย่างเด็ดขาด และที่สำคัญ คือนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นนโยบาย ลด แลก แจก แถม แบบประชานิยม แบบสุดกู่ เพื่อหวังคะแนนนิยมเพื่อได้รับการเลือกตั้งตามยุทธศาสตร์ 400 เสียงเท่านั้น แต่เป็นนโยบายที่จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน และเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นไปตามมาตรฐานของประชากรประเทศพึงได้รับจากการบริการของรัฐ ภายใต้ บทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญ และความต้องการปัจจัยพื้นฐาน ของประชาชนโดยทั่วไป
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้รัฐบาล จัดการไม่ให้มีผู้มีอิทธิพล ในจังหวัดต่างๆโดยเฉพาะทางภาคอิสาน มาเกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือมาเกี่ยวข้องกับแกนนำรัฐบาล ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะจากการเดินทางของคาราวานประชาธิไตย ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคอีสาน ครั้งนี้ยังพบว่า มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่มากในสนามเลือกตั้งภาคอิสาน
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าว กรณีสาส์น ประชาธิปัตย์ในภาคใต้นั้น นายองอาจ กล่าวว่า “เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นสาส์นที่แจกเฉพาะพื้นที่ ไม่มีอะไรในสาส์นที่เกินเลยจากความเป็นจริง ล้วนเป็นความเป็นจริงที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ รับรู้อยู่แล้วทั้งสิ้ง เพียงแต่พรรคประชิปัตย์รวบรวมมาลงสาส์นเท่านั้นเอง ยืนยันว่าเรื่องราวที่ลงในสาส์น ไม่มีอะไรที่เป็รข้อความหรือเรื่องราวที่ไม่เหมาะสม ที่จะเผยแพร่ไม่ได้ และไม่ได้เป็นเรื่องราวใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ"
นอกจากนี้ นายองอาจกล่าวว่า นายกฯควรรู้สึกสงสาร ตนเองมากกว่าที่พยายามเอาความมั่นคงของประเทศชาติเป็นความมั่นคงของรัฐบาล และพยายามทำให้ความมั่นคงของรัฐบาลเป็นความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี
“ผมคิดว่านายกฯ ต้องแยกให้ออก ระหว่างความมั่นคงของนายกฯ ความมั่นคงของประเทศ และความมั่นคงของรัฐบาล ยืนยันได้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น อยู่ในความพอดี มีเหตุมีผลเพียงแต่ว่าเรานั้น ไม่ต้องการประพฤติตนเหมือนนายกฯ ที่พยายามสร้างกระแสความเข้าใจผิดต่อพี่น้องประชาชน เช่นกรณี วีซีดี ที่คุณ ธานินท์ กล่าวว่าฉายเพียง 2 ครั้ง แต่นายกฯ บอกว่า ฉายมาแล้วเป็นเดือน เป็นต้น” นายองอาจกล่าว
สำหรับกรณีที่ ทางพรรคไทยรักไทยจะฟ้องร้องกรณีส.ส.วิรัช ร่วมเย็น พาดพิงถึงชื่อ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการติดต่อซื้อตัว ส.ส. ในรายการสดรายการหนึ่งนั้น นายองอาจกล่าวว่า หากฟ้องร้องก็ดี เพราะจะได้ใช้วิธีการทางกฎหมายในการตัดสินความถูกผิด มากกว่าการใช้กลไกอำนาจรัฐในการตัดสินคดี ถ้าฟ้องก็ดีจะได้เปิดเผยกันในศาล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. นี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม.อย่างป็นทางการ ทั้ง 37 เขต ที่ สนามกีฬา ไทยญี่ปุ่น-ดินแดง และในวันเดียวกันนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการนำเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ทุกด้าน ทั้งหมด
นายองอาจ กล่าวว่าขณะนี้เสียงตอบรับจากประชาชนในสนามเลือกตั้ง กทม. ได้รับการสนับสนุน เป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับกับการเลือกตั้ง ในปี 2544 ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ก็ตาม ทางพรรคจึงเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งในปี 2548 นี้จะได้รับการสนับสนุนมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่ นายกฯทักษิณ ออกมากล่าวหาเสียง โดยได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ตลอดเวลา 4 ปี ที่ผ่านมานั้นพรรคประชาธิปัตย์ ได้ด่ารัฐบาลอย่างเดียวและสิ่งที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ด่านั้นเป็นสิ่งที่โกหก 99.9% นั้น พรรคขอเรียน และฝากไปยังนายกฯทักษิณ ว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้พูดตลอดระยะ 4 ปี นั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น แต่ในทางตรงกันข้าม ทางพรรคประประชาธิปัตย์พบว่านายกฯต่างหากที่เป็นผู้กล่าวคำโกหก มากกว่า
นายองอาจ ได้ชี้แจงถึง คำกล่าวโกหก ที่นายกฯทักษิณ ได้เคยกล่าวไว้ในระยะ 4 ปี ที่ผ่านมา เป็น 10 สุดยอดโกหก ได้แก่ 1. รัฐมนตรีทุจริตจะปลดออกจากตำแหน่ง เป็นแค่การหาเสียง 2.จับโกหก ‘ไม่มีไข้หวัดนกในประเทศไทย’ 3.ลวงโลก ‘ซื้อทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล’ 4. ‘จะตรวจสอบกรฆ่าตัดตอน 2,500 ศพในสงครามยาเสพติด’
5.โกหก ‘ปัญหาไฟใต้ดีขึ้นแล้ว เป็นฝีมือโจรห้าร้อย’ 6. กลบเกลื่อน ‘ทนายสมชายมีปัญหากับครอบครัว’ 7.โกหก ‘ปล่อยกู้พม่า 4 พันล้านบาท ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน’8. เลิกล้มงาน ‘คนด่ารัฐบาล’ แต่เปลี่ยนงาน ‘คนเชียร์รัฐบาล’ แทน 9.จับโกหก เอฟทีเอ ..ใครได้ใครเสียประโยชน์กันแน่ 10. จีเอ็มโอ ..โกหกซ้ำซาก
‘จากทั้ง 10 สุดยอดโกหกนี้ ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่นายกฯทักษิณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดว่า คนที่โกหก 100 % หรืออาจจะโกหก 99.99 % คือท่านนายกฯ ดังรายละเอียดนี้”นายองอาจ กล่าว
สำหรับกรณีที่ ท่านนายกฯทักษิณ กล่าวว่า นโยบาย ของพรรคอื่น เป็นนโยบายที่ทำไม่ได้เพราะจะไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้น นายองอาจ ชี้แจง ว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นนโยบายที่ที่มากเกินกว่าที่จะทำได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริง ถ้าเรามีโอกาสในการบริการประเทศ และเป็นนโยบายที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาวอย่างเด็ดขาด และที่สำคัญ คือนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นนโยบาย ลด แลก แจก แถม แบบประชานิยม แบบสุดกู่ เพื่อหวังคะแนนนิยมเพื่อได้รับการเลือกตั้งตามยุทธศาสตร์ 400 เสียงเท่านั้น แต่เป็นนโยบายที่จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน และเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นไปตามมาตรฐานของประชากรประเทศพึงได้รับจากการบริการของรัฐ ภายใต้ บทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญ และความต้องการปัจจัยพื้นฐาน ของประชาชนโดยทั่วไป
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้รัฐบาล จัดการไม่ให้มีผู้มีอิทธิพล ในจังหวัดต่างๆโดยเฉพาะทางภาคอิสาน มาเกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือมาเกี่ยวข้องกับแกนนำรัฐบาล ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะจากการเดินทางของคาราวานประชาธิไตย ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคอีสาน ครั้งนี้ยังพบว่า มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่มากในสนามเลือกตั้งภาคอิสาน
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าว กรณีสาส์น ประชาธิปัตย์ในภาคใต้นั้น นายองอาจ กล่าวว่า “เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นสาส์นที่แจกเฉพาะพื้นที่ ไม่มีอะไรในสาส์นที่เกินเลยจากความเป็นจริง ล้วนเป็นความเป็นจริงที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ รับรู้อยู่แล้วทั้งสิ้ง เพียงแต่พรรคประชิปัตย์รวบรวมมาลงสาส์นเท่านั้นเอง ยืนยันว่าเรื่องราวที่ลงในสาส์น ไม่มีอะไรที่เป็รข้อความหรือเรื่องราวที่ไม่เหมาะสม ที่จะเผยแพร่ไม่ได้ และไม่ได้เป็นเรื่องราวใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ"
นอกจากนี้ นายองอาจกล่าวว่า นายกฯควรรู้สึกสงสาร ตนเองมากกว่าที่พยายามเอาความมั่นคงของประเทศชาติเป็นความมั่นคงของรัฐบาล และพยายามทำให้ความมั่นคงของรัฐบาลเป็นความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี
“ผมคิดว่านายกฯ ต้องแยกให้ออก ระหว่างความมั่นคงของนายกฯ ความมั่นคงของประเทศ และความมั่นคงของรัฐบาล ยืนยันได้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น อยู่ในความพอดี มีเหตุมีผลเพียงแต่ว่าเรานั้น ไม่ต้องการประพฤติตนเหมือนนายกฯ ที่พยายามสร้างกระแสความเข้าใจผิดต่อพี่น้องประชาชน เช่นกรณี วีซีดี ที่คุณ ธานินท์ กล่าวว่าฉายเพียง 2 ครั้ง แต่นายกฯ บอกว่า ฉายมาแล้วเป็นเดือน เป็นต้น” นายองอาจกล่าว
สำหรับกรณีที่ ทางพรรคไทยรักไทยจะฟ้องร้องกรณีส.ส.วิรัช ร่วมเย็น พาดพิงถึงชื่อ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการติดต่อซื้อตัว ส.ส. ในรายการสดรายการหนึ่งนั้น นายองอาจกล่าวว่า หากฟ้องร้องก็ดี เพราะจะได้ใช้วิธีการทางกฎหมายในการตัดสินความถูกผิด มากกว่าการใช้กลไกอำนาจรัฐในการตัดสินคดี ถ้าฟ้องก็ดีจะได้เปิดเผยกันในศาล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-