นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการขึ้นบัญชีดำส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 8 คน ที่ไม่ต้องการให้เดินกลับเข้าสู่สภา ว่า ตนไม่ทราบว่าบัญชีดำจะมีจริงหรือเปล่า แต่ถ้าหากดูประวัติทั้ง 8คนแล้ว แต่ละคนเป็นผู้ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งหมด ตนไม่กล้าคิดในเรื่องนี้แต่ว่าที่ผ่านมามีข่าวรือออกมาสม่ำเสมอ และสำหรับการสอบตกหรือการได้รับการเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. เป็นเรื่องปกติซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประชาชน
ผู้ดำเนินรายการถามว่า สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้เป็นอย่างไร นายจุติ กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่นั้นตนมั่นใจแต่ก็ไม่ได้ประมาท และขณะนี้ในพื้นที่ก็ได้พบเห็นความผิดปกติในเรื่องของการใช้อำนาจรัฐเยอะที่สุด ที่ผ่านมาในการลงสมัครรับเลือกตั้งตนเคยเจอปัญหาในเรื่องการใช้อำนาจรัฐที่คิดว่ารุนแรงที่สุด คือช่วงปี 2535 ในยุคสมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) ที่เป็นรัฐเผด็จการ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นยุคของประชาธิปไตยแต่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ‘ในขณะนี้ในพื้นที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการใช้อำนาจรัฐอยู่บ้างแต่ยังไม่โจ่งแจ้ง และสิ่งที่จับได้ก็คือ เริ่มมีการจัดประชุมจัดสัมมนา หรือแจกของในส่วนของงบราชการทั้งหลายในพื้นที่ตน ซึ่งใน 3 ปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวไม่ได้มีการจัดขึ้นแต่กลับมาถี่ในช่วงนี้ ’ นายจุติกล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าพรรคไทยรักไทยใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงในพื้นที่ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้โต้กลับมาว่าจะทำไปเพื่ออะไรในเมื่อความนิยมของพรรคสูงอยู่แล้ว ส.ส.พิษณุโลก กล่าวว่า ตรงนี้อาจจะพูดถูกแต่นั้นเมื่อปี 2545 และเชื่อว่าจุดสูงสุดของรัฐบาลชุดนี้ คือในช่วงการจัดประชุมเอเปคแต่หลังจากนั้นก็ตกอยู่ในยุคเสื่อม ‘ตนต้องเรียนตรงๆว่าปัญหาในพื้นที่ก็พบเยอะ ซึ่งเป็นปัญหาที่พี่น้องประชาชนจับต้องได้ และเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังเชื่อว่าในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกจะยังขายท่านนายกฯได้เหมือนปี 2544 หรือไม่ ’ ส.ส.พิษณุโลก
ผู้ดำเนินรายการถามต่ออีกว่าได้มีการคุยกับส.ส.8ท่านที่อยู่ในบัญชีดำหรือยัง นายจุติกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย เพราะเพิ่งอ่านเจอ และตนไม่ได้แปลกใจหากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะคิดว่าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจที่ทำหน้าที่อยู่ในตอนนี้อาจจะไปขัดคอคนอื่นเข้าได้ เช่น เรื่องการซื้อหุ้นรถไฟฟ้าใต้ดินคืนในราคาหุ้นละ 3 บาท ซึ่งทางคณะกรรมการได้ศึกษาราคาจริงมาว่าไม่น่ามีราคาสูงถึงขนาดนี้ ซึ่งโครงการนี้ก็ได้ล้มไปแล้ว หรือโครงการถนนสมุทรสาคร — แหลมผักเบี้ย ซึ่งเป็นงบประมาณที่เสนอผ่านสภาเพียงแค่ 32,000 ล้าน แต่จากการตรวจสอบพบว่าโครงการดังกล่าวใช้งบเกือบ 100,000 ล้านบาท จึงทำให้เกิดความไม่พอใจเกิดขึ้น และยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องการให้ประชาชนทราบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ผู้ดำเนินรายการถามว่า สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้เป็นอย่างไร นายจุติ กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่นั้นตนมั่นใจแต่ก็ไม่ได้ประมาท และขณะนี้ในพื้นที่ก็ได้พบเห็นความผิดปกติในเรื่องของการใช้อำนาจรัฐเยอะที่สุด ที่ผ่านมาในการลงสมัครรับเลือกตั้งตนเคยเจอปัญหาในเรื่องการใช้อำนาจรัฐที่คิดว่ารุนแรงที่สุด คือช่วงปี 2535 ในยุคสมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) ที่เป็นรัฐเผด็จการ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นยุคของประชาธิปไตยแต่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ‘ในขณะนี้ในพื้นที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการใช้อำนาจรัฐอยู่บ้างแต่ยังไม่โจ่งแจ้ง และสิ่งที่จับได้ก็คือ เริ่มมีการจัดประชุมจัดสัมมนา หรือแจกของในส่วนของงบราชการทั้งหลายในพื้นที่ตน ซึ่งใน 3 ปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวไม่ได้มีการจัดขึ้นแต่กลับมาถี่ในช่วงนี้ ’ นายจุติกล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าพรรคไทยรักไทยใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงในพื้นที่ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้โต้กลับมาว่าจะทำไปเพื่ออะไรในเมื่อความนิยมของพรรคสูงอยู่แล้ว ส.ส.พิษณุโลก กล่าวว่า ตรงนี้อาจจะพูดถูกแต่นั้นเมื่อปี 2545 และเชื่อว่าจุดสูงสุดของรัฐบาลชุดนี้ คือในช่วงการจัดประชุมเอเปคแต่หลังจากนั้นก็ตกอยู่ในยุคเสื่อม ‘ตนต้องเรียนตรงๆว่าปัญหาในพื้นที่ก็พบเยอะ ซึ่งเป็นปัญหาที่พี่น้องประชาชนจับต้องได้ และเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังเชื่อว่าในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกจะยังขายท่านนายกฯได้เหมือนปี 2544 หรือไม่ ’ ส.ส.พิษณุโลก
ผู้ดำเนินรายการถามต่ออีกว่าได้มีการคุยกับส.ส.8ท่านที่อยู่ในบัญชีดำหรือยัง นายจุติกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย เพราะเพิ่งอ่านเจอ และตนไม่ได้แปลกใจหากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะคิดว่าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจที่ทำหน้าที่อยู่ในตอนนี้อาจจะไปขัดคอคนอื่นเข้าได้ เช่น เรื่องการซื้อหุ้นรถไฟฟ้าใต้ดินคืนในราคาหุ้นละ 3 บาท ซึ่งทางคณะกรรมการได้ศึกษาราคาจริงมาว่าไม่น่ามีราคาสูงถึงขนาดนี้ ซึ่งโครงการนี้ก็ได้ล้มไปแล้ว หรือโครงการถนนสมุทรสาคร — แหลมผักเบี้ย ซึ่งเป็นงบประมาณที่เสนอผ่านสภาเพียงแค่ 32,000 ล้าน แต่จากการตรวจสอบพบว่าโครงการดังกล่าวใช้งบเกือบ 100,000 ล้านบาท จึงทำให้เกิดความไม่พอใจเกิดขึ้น และยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องการให้ประชาชนทราบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-