แท็ก
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
สุทัศน์ เงินหมื่น
บัญญัติ บรรทัดฐาน
พรรคประชาธิปัตย์
ภาคอีสาน
วันนี้ (13 ธ.ค.47) เวลา 07.00 น. ขบวนคาราวานประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกพบปะประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างเป็นวันที่ 3 นำโดยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายสัมพันธ์ ทองสมัคร นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้เดินพบปะประชาชนในตลาดม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี พร้อมไหว้พระมงคลมิ่งเมือง จากนั้นขบวนคาราวานได้เดินทางต่อไปยังจ.อำนาจเจริญ เพื่อพบปะประชาชนต่อไป
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้สัมภาษณ์ ณ สำนักงานประชาธิปัตย์ เขต 2 จ.อำนาจเจริญ ถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า มีคนใกล้ชิดรัฐมนตรีได้ล่าซื้อส.ส. จ.ระนอง ของพรรค ด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าของนายทวี สุรบาล ว่า มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้หลายครั้ง เพียงแต่ว่าจะพูดหรือไม่พูด การทาบทามคนของพรรคประชาธิปัตย์มีอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่ส.ส.เก่า แต่ผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีคะแนนเสียงดี มีกระแสนิยมดี ก็มีการขอร้องหรือถูกข่มขู่ เช่นเดียวกัน เรื่องดังกล่าวไม่ได้ถามนายวิรัช ร่มเย็น เพราะเป็นที่ทราบกันดีและพรรคก็มั่นใจว่านายวิรัช จะไม่ไปเลยไม่ซีเรียส แต่เกิดความสงสัย การที่พรรคไทยรักไทยบอกว่ากระแสของตนดีตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่รัฐบาลบริหารงานมา ประชาชนนิยมชมชอบมาก แต่ตนสงสัยว่า ถ้ากระแสดี คงไม่จำเป็นต้องไปหาผู้สมัครจากพรรคอื่นเช่นนี้ กลายเป็นว่า การที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกทาบทามเป็นโคตัวหนึ่ง แต่เรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคนของพรรคยังมีคะแนนนิยมและของเขาที่ว่าดีแท้จริงไม่ดีอย่างที่ว่า
เมื่อถามว่า เหลือเวลาอีก 20 วัน จะมีปัญหาเรื่องผู้สมัครถอนตัวอีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีเพราะถ้าจะถูกซื้อตัวก็คงไปกันแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามกันอยู่ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ ช่วงนาทีสุดท้ายจึงไม่น่าจะมีปัญหา แต่กรณีซื้อตัวให้หยุดลงสมัครเพื่อลดคู่ต่อสู้หรือตัดคะแนนเสียงก็ยังมีความพยายามอยู่ในบางพื้นที่ แต่การที่ผู้สมัครของพรรคยังยืนยันที่จะลงและพร้อมที่จะสู้ แสดงให้เห็นว่า เขาก็มีความมั่นใจและตั้งใจอยากจะเป็นส.ส จริง จึงคิดว่าการที่จะถอนตัวด้วยเงินจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคไทยรักไทยมีกลยุทธ์ต่างๆ ในช่วงการเลือกตั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคได้มีการติดตามมาตลอด อะไรที่ผิดกฎหมาย อะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็มีทีมคอยรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่พรรคจะทำ คือ จะต้องนำข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่มีอยู่มาเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งเป็นอย่างมาก
ส่วนกรณีที่นายกฯ ลงช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งนั้นจะเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระทำของรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วกันอยู่แล้วว่าอาศัยช่องว่าง ช่องโหว่ทางการเมือง ซึ่งหากทำได้ก็ทำกันไป ประชาชนก็ได้ติดตามอยู่เหมือนกัน และในหลายพื้นที่ประชาชนเขาก็เข้าใจว่า เป็นการเอารัดเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า เดิมทีพรรคก็เห็นว่า นายพีรพันธุ์ น่าจะอยู่ในวิสัยที่จะเข้ามาช่วยงานพรรคในส่วนกลาง แต่ยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องนี้อย่างชัดเจน เพราะขณะนี้งานส่วนกลางต้องมีคนเข้ามาช่วยมากขึ้น อย่างไรก็ตามคนที่จะมาลงแทนนายพีรพันธุ์ ต้องมีความพร้อม เพราะเขตดินแดงเป็นพื้นที่เป้าหมายของพรรคไทยรักไทยเช่นเดียวกัน และเขาก็ได้โหมหาเสียงเป็นพิเศษถึงขนาดที่นายกลงไปช่วยด้วยตนเอง ทั้งนี้พรรคจะหารือกับนายพีรพันธุ์ อีกครั้งว่าคนที่จะมาลงแทน เป็นใคร ส่วนที่นายพีรพันธุ์ เสนอชื่อพันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ให้เป็นผู้ที่จะมาลงแทนนั้น พรรคก็ต้องให้เกียรตินายพีรพันธุ์ ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม และการที่นายพีรพันธุ์ จะขึ้นบัญชีรายชื่อ ก็ต้องมั่นใจว่า มีผู้สมัครที่พร้อมจะลงและสู้ได้ เพราะพรรคเคยพูดว่า คนใหม่จะต้องสู้ได้ และมีความพร้อม ซึ่งถ้าหากนายพีรพันธุ์ เปิดเผยชื่อแล้วก็แสดงว่ามั่นใจ
เมื่อถามว่า ถ้านายพีรพันธุ์ ไม่ลงสมัครในพื้นที่ การแข่งขันก็จะหนักมาก นายบัญญัติ กล่าวว่า ถ้านายพีรพันธุ์ ลงเองพรรคก็มั่นใจ แต่ถ้าไม่ลงผู้สมัครต่างเป็นคนใหม่ด้วยกันทั้งคู่การต่อสู้ต้องหนักขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อถามว่า พรรคไทยรักไทยน่าจะดูดีกว่า เพราะเป็นดารามีคนรู้จักมาก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชาชนโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง และจะมีดุลยพินิจ ดังนั้นการเป็นที่รู้จักอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ การที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกใครเขาก็ต้องดูด้วยเหมือนกันว่าเป็นคนที่มีคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ ที่จะทำหน้าที่แทนเขาได้หรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้สัมภาษณ์ ณ สำนักงานประชาธิปัตย์ เขต 2 จ.อำนาจเจริญ ถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า มีคนใกล้ชิดรัฐมนตรีได้ล่าซื้อส.ส. จ.ระนอง ของพรรค ด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าของนายทวี สุรบาล ว่า มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้หลายครั้ง เพียงแต่ว่าจะพูดหรือไม่พูด การทาบทามคนของพรรคประชาธิปัตย์มีอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่ส.ส.เก่า แต่ผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีคะแนนเสียงดี มีกระแสนิยมดี ก็มีการขอร้องหรือถูกข่มขู่ เช่นเดียวกัน เรื่องดังกล่าวไม่ได้ถามนายวิรัช ร่มเย็น เพราะเป็นที่ทราบกันดีและพรรคก็มั่นใจว่านายวิรัช จะไม่ไปเลยไม่ซีเรียส แต่เกิดความสงสัย การที่พรรคไทยรักไทยบอกว่ากระแสของตนดีตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่รัฐบาลบริหารงานมา ประชาชนนิยมชมชอบมาก แต่ตนสงสัยว่า ถ้ากระแสดี คงไม่จำเป็นต้องไปหาผู้สมัครจากพรรคอื่นเช่นนี้ กลายเป็นว่า การที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกทาบทามเป็นโคตัวหนึ่ง แต่เรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคนของพรรคยังมีคะแนนนิยมและของเขาที่ว่าดีแท้จริงไม่ดีอย่างที่ว่า
เมื่อถามว่า เหลือเวลาอีก 20 วัน จะมีปัญหาเรื่องผู้สมัครถอนตัวอีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีเพราะถ้าจะถูกซื้อตัวก็คงไปกันแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามกันอยู่ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ ช่วงนาทีสุดท้ายจึงไม่น่าจะมีปัญหา แต่กรณีซื้อตัวให้หยุดลงสมัครเพื่อลดคู่ต่อสู้หรือตัดคะแนนเสียงก็ยังมีความพยายามอยู่ในบางพื้นที่ แต่การที่ผู้สมัครของพรรคยังยืนยันที่จะลงและพร้อมที่จะสู้ แสดงให้เห็นว่า เขาก็มีความมั่นใจและตั้งใจอยากจะเป็นส.ส จริง จึงคิดว่าการที่จะถอนตัวด้วยเงินจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคไทยรักไทยมีกลยุทธ์ต่างๆ ในช่วงการเลือกตั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคได้มีการติดตามมาตลอด อะไรที่ผิดกฎหมาย อะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็มีทีมคอยรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่พรรคจะทำ คือ จะต้องนำข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่มีอยู่มาเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งเป็นอย่างมาก
ส่วนกรณีที่นายกฯ ลงช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งนั้นจะเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกระทำของรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วกันอยู่แล้วว่าอาศัยช่องว่าง ช่องโหว่ทางการเมือง ซึ่งหากทำได้ก็ทำกันไป ประชาชนก็ได้ติดตามอยู่เหมือนกัน และในหลายพื้นที่ประชาชนเขาก็เข้าใจว่า เป็นการเอารัดเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า เดิมทีพรรคก็เห็นว่า นายพีรพันธุ์ น่าจะอยู่ในวิสัยที่จะเข้ามาช่วยงานพรรคในส่วนกลาง แต่ยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องนี้อย่างชัดเจน เพราะขณะนี้งานส่วนกลางต้องมีคนเข้ามาช่วยมากขึ้น อย่างไรก็ตามคนที่จะมาลงแทนนายพีรพันธุ์ ต้องมีความพร้อม เพราะเขตดินแดงเป็นพื้นที่เป้าหมายของพรรคไทยรักไทยเช่นเดียวกัน และเขาก็ได้โหมหาเสียงเป็นพิเศษถึงขนาดที่นายกลงไปช่วยด้วยตนเอง ทั้งนี้พรรคจะหารือกับนายพีรพันธุ์ อีกครั้งว่าคนที่จะมาลงแทน เป็นใคร ส่วนที่นายพีรพันธุ์ เสนอชื่อพันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ให้เป็นผู้ที่จะมาลงแทนนั้น พรรคก็ต้องให้เกียรตินายพีรพันธุ์ ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม และการที่นายพีรพันธุ์ จะขึ้นบัญชีรายชื่อ ก็ต้องมั่นใจว่า มีผู้สมัครที่พร้อมจะลงและสู้ได้ เพราะพรรคเคยพูดว่า คนใหม่จะต้องสู้ได้ และมีความพร้อม ซึ่งถ้าหากนายพีรพันธุ์ เปิดเผยชื่อแล้วก็แสดงว่ามั่นใจ
เมื่อถามว่า ถ้านายพีรพันธุ์ ไม่ลงสมัครในพื้นที่ การแข่งขันก็จะหนักมาก นายบัญญัติ กล่าวว่า ถ้านายพีรพันธุ์ ลงเองพรรคก็มั่นใจ แต่ถ้าไม่ลงผู้สมัครต่างเป็นคนใหม่ด้วยกันทั้งคู่การต่อสู้ต้องหนักขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อถามว่า พรรคไทยรักไทยน่าจะดูดีกว่า เพราะเป็นดารามีคนรู้จักมาก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชาชนโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง และจะมีดุลยพินิจ ดังนั้นการเป็นที่รู้จักอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ การที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกใครเขาก็ต้องดูด้วยเหมือนกันว่าเป็นคนที่มีคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ ที่จะทำหน้าที่แทนเขาได้หรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-