แท็ก
เอเชีย
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังแก้ไขกฎหมายเอเชียบอนด์ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง รายงานข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยถึง
ความคืบหน้าในการออกขายพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) ว่า ในขณะนี้ ก.คลังยังรอประกาศแก้ไขใช้กฎหมายยก
เว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนักลงทุนผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (Non resident investor) ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง
ครอบคลุมพันธบัตรรัฐบาลที่ออกจำหน่ายในอดีตทั้งหมด รวมถึงพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และพันธบัตรสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐบาลด้วย หลังจากมีความล่าช้าในการ
ออกกฎหมายแก้ไขเพิ่มเพื่อสนับสนุนการออกพันธบัตรเอเชียจากเดิมที่กำหนดไว้จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนต่างชาติจะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้ คือ การได้รับยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15
จากดอกเบี้ย เงินได้จากส่วนล้ำมูลค่าตราสาร (Capital Gain) และมูลค่าส่วนลดจากการซื้อขาย
(Discount) สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่ยังไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ของรัฐ โดยจะครอบคลุมทั้งการลงทุนโดยตรงหรือโดยอ้อมผ่านทางกองทุนเพื่อการลงทุน (บ้านเมือง, สยามรัฐ, ข่าวสด)
2. ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 5 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม 11 กลุ่ม รมว.
อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่
แข็งค่าขึ้นกับสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้แบบจำลองดุลยภาพทั่วไปทำการวัดผลกระทบการส่งออกพบว่า ค่าเงินบาทที่
แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณร้อยละ 5 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างชัดเจนมีประมาณ 11 กลุ่ม
อุตสาหกรรม ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 2) อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 3)
อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์ 4) การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ 5) ปิโตรเคมี 6) เครื่องใช้สำนักงานและครัวเรือน 7)
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) 8) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง 9) พลาสติก 10) รองเท้าและเครื่องหนัง
และ 11) อุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ (โลกวันนี้, บ้านเมือง, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. สำนักงานสถิติคาดว่าปีหน้าจะมีคนว่างงานประมาณ 8 แสนคน เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เปิดเผยว่า คาดว่าในปี 48 จะมีคนว่างงานประมาณ 8 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 2.2 ของผู้ที่อยู่ในวัยแรงงาน
ทั้งประเทศ (35 ล้านคน) ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากปี 47 ที่มีผู้ว่างงานอยู่ประมาณ 7.4 แสนคน ทั้งนี้ คาดว่าปัญหาว่าง
งานจะเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 เพราะผลกระทบของปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ 55 จังหวัด ทำ
ให้ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังและเพาะปลูกได้ ทั้งนี้ ตัวเลขประมาณการว่างงานดังกล่าวเป็นตัวเลขขั้นต้นโดย
คำนวณจากฐานผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ที่ร้อยละ 5.0-6.0 เท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหากสถานการณ์
เศรษฐกิจชะลอกว่าที่ประเมิน เช่น ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมากส่งผลต่อค่าครองชีพ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าคาดว่าจะมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 6 แสนคน สำหรับแรงงานนอกภาคเกษตรซึ่งมี
อยู่ทั้งสิ้น 22 ล้านคน มีผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 8 แสนคน (โพสต์ทูเดย์)
4. กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีในเดือน พ.ย.47 เกินเป้าหมาย งปม.48 จำนวน 328 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในเดือน พ.ย.47 ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 ของ
ปีงบประมาณ 48 ได้ทั้งสิ้น 2.45 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้จำนวน 328 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม
การเก็บภาษีได้เกินเป้าหมายจำนวนน้อยเนื่องจากการเก็บภาษีภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ยาสูบ และเบียร์ ได้ต่ำกว่า
เป้าหมายเป็นจำนวนมาก เพราะมีการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ ทำให้ผู้บริโภคหันไปซื้อรถกระบะที่มีอัตราภาษีต่ำ
มากขึ้น ทำให้เก็บภาษีได้น้อยลงทั้งที่ปริมาณการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น ในส่วนของบุหรี่ที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาจาก
การรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ได้ผลเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อรวมกับการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในเดือนแรกของปีงบ
ประมาณ 48 ที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,700 ล้านบาท ทำให้การเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตรวม 2 เดือนของปี
งบประมาณ 48 ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,300 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
5. ดัชนีที่อยู่อาศัย 10 เดือนแรกของปี 47 มีบ้านได้รับใบอนุญาตจัดสรรใหม่จำนวน 16,024 หน่วย
ผอ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีด้านที่อยู่อาศัย 10 เดือนแรกของปี 47 (ม.ค.-ต.ค.) มีผู้ได้รับใบ
อนุญาตจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวนทั้งสิ้น 133 ราย แบ่งเป็นประเภทบ้านเดี่ยว
6,965 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 6,063 หน่วย อาคารพาณิชย์ 965 หน่วย บ้านแฝด 796 หน่วย และที่ดินเปล่าอีก
2,338 หน่วย คิดเป็นจำนวนที่อยู่อาศัยที่ในโครงการจัดสรรรวม 16,024 หน่วย สำหรับการออกใบอนุญาตก่อสร้าง
อาคารที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการออกใบอนุญาต ณ 9 เดือนแรกคิดเป็นพื้นที่
11,029,067 ตารางเมตร หรือ 79,551 หน่วย (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. ขาดดุล งปม. เดือน พ.ย.47 สูงถึง 57.88 พันล้านดอลลาร์สรอ. รายงานจาก
กรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.47 ก.คลังของ สรอ. เปิดเผยว่า สรอ. ขาดดุล งปม. ใน
เดือน พ.ย.47 สูงถึง 57.88 พันล้านดอลลาร์สรอ. เทียบกับที่ขาดดุล 42.97 พันล้านดอลลาร์สรอ. ในเดือน
พ.ย.46 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 55 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของ
ปี งปม. 48 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.47 สรอ. ขาดดุล งปม. สะสมประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
มากกว่าช่วง 2 เดือนแรกของปี งปม. 47 และเป็นการแสดงให้เห็นว่าการขาดดุล งปม. ปี 48 ไม่มีการปรับตัวดี
ขึ้นจากปีก่อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากการที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการควบคุมการใช้จ่าย
งปม. อย่างเข้มงวด คาดว่าจะทำให้การขาดดุล งปม.ในปีนี้ลดลง ซึ่งการขาดดุล งปม. และดุลบัญชีเดินสะพัด
อย่างมากมายส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและเงินสกุลอื่นใน
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สรอ. ขาดดุล งปม.ปี 47 สูงถึง 412.28 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ขาด
ดุล 377.14 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในปี 46 ซึ่ง ปธน.สรอ. ให้สัญญาว่าจะลดการขาดดุล งปม. ลงครึ่งหนึ่งภาย
ใน 5 ปี แต่ สำนัก งปม. รัฐสภากล่าวว่ายังไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมาย
ดังกล่าวได้ (รอยเตอร์)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.47 รายงานจากนิวยอร์ก
เมื่อ 10 ธ.ค.47 The University of Michigan เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน
ธ.ค.47 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 95.7 จากระดับ 92.8 ในเดือนก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 93.5 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความคาดหวังในอนาคต ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 106.8 และ 88.8
จากระดับ 104.7 และ 85.2 ในเดือนก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นทุกตัว มีสาเหตุจาก
การที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผู้บริโภคคาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้นในช่วงต่อไป (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในเดือน พ.ย.47 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 10 ธ.ค.47 อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่คำนวณโดยใช้วิธีเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในเขต
เศรษฐกิจยุโรป หรือ EU-harmonised annual inflation (HICP) สำหรับเดือน พ.ย.47 หลังปรับตัวเลข
แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีก่อนและเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.8 ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เทียบกับที่เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 2.2 ต่อปีในเดือน ต.ค.47 แต่นักวิเคราะห์คาดว่าโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อต่อปีของทั้ง 12 ประเทศในเขต
เศรษฐกิจยุโรปจะสูงขึ้นจากเดือนก่อนมีน้อย เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงและเมื่อประกอบกับเงินยู
โรที่มีค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ทำให้สินค้านำเข้ารวมทั้งน้ำมันมีราคาลดลง โดย ธ.กลางยุโรปได้ตั้ง
เป้าหมายให้อัตราเงินเฟ้อต่อปีของเขตเศรษฐกิจยุโรปอยู่ในระดับใกล้เคียงแต่ต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปี โดย
Eurostat มีกำหนดจะประกาศอัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจยุโรปสำหรับเดือน พ.ย.47 ในวันที่ 16 ธ.ค.47
นี้ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณโดยวิธีการของเยอรมนีเองสำหรับเดือน พ.ย.47 ลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบ
กับเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน (รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนพ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว รายงานจาก
ปักกิ่งเมื่อวันที่ 13 ธ.ค 47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ในเดือนพ.ย. 47 ยอดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้น
มากกว่าที่คาดไว้ถึงร้อยละ 13.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ชะลอตัวจากร้อยละ 14.2 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว
และมากกว่าผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 6 คนของรอยเตอร์ที่คาดว่ายอดค้าปลีกในเดือนดังกล่าวจะเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 13.2 โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายอดค้าปลีกของจีนได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการใช้จ่ายของผู้
บริโภคที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่อีกส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปรียบเทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีฐานที่ต่ำ
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SAR) ทั้งนี้รมว.พาณิชย์ของจีนกล่าวว่ายอดค้า
ปลีกของจีนในปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 13 จากปีที่แล้วและคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในปีหน้า
อย่างไรก็ตามหากปรับตัวเลขเงินเฟ้อแล้วคาดว่ายอดค้าปลีกในปีนี้ก็ยังคงขยายตัวร้อยละ 9.8 (รอยเตอร์)
5. มูลค่าการนำเข้าและการส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วง 11 เดือนแรกปี 47 ขยายตัวต่ำสุดใน
รอบ 7 เดือน รายงานจากโซลเมื่อ 12 ธ.ค.47 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้
(คิดเป็นเงินวอน)ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.47) เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
16.8 ในช่วง 10 เดือนก่อนหน้า (ม.ค.-ต.ค.47) นับเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยมี
สาเหตุจากการที่เงินวอนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้า(คิดเป็นเงินวอน)เป็น
ปัจจัยสำคัญในการบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าประเภทวัตถุดิบสำหรับการผลิต
และพลังงานเป็นหลัก ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์มองว่า การที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อันมีสาเหตุจากการที่
เงินวอนแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันชะลอตัวลง และดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อาจส่งผลให้
ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยทางการไว้ต่อไป สำหรับมูลค่าการส่งออกในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ
5.1 หลังจากการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 ในช่วง 10 เดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 7
เดือนเช่นกัน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 13 ธ.ค.47 9 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.445 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2396/39.5194 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.78125-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 648.78/ 11.81 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,150/8,250 8,200/8,300 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.83 32.91 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.99*/14.59 20.39/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 10 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.คลังแก้ไขกฎหมายเอเชียบอนด์ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง รายงานข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยถึง
ความคืบหน้าในการออกขายพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) ว่า ในขณะนี้ ก.คลังยังรอประกาศแก้ไขใช้กฎหมายยก
เว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนักลงทุนผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (Non resident investor) ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง
ครอบคลุมพันธบัตรรัฐบาลที่ออกจำหน่ายในอดีตทั้งหมด รวมถึงพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และพันธบัตรสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐบาลด้วย หลังจากมีความล่าช้าในการ
ออกกฎหมายแก้ไขเพิ่มเพื่อสนับสนุนการออกพันธบัตรเอเชียจากเดิมที่กำหนดไว้จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนต่างชาติจะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้ คือ การได้รับยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15
จากดอกเบี้ย เงินได้จากส่วนล้ำมูลค่าตราสาร (Capital Gain) และมูลค่าส่วนลดจากการซื้อขาย
(Discount) สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่ยังไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ของรัฐ โดยจะครอบคลุมทั้งการลงทุนโดยตรงหรือโดยอ้อมผ่านทางกองทุนเพื่อการลงทุน (บ้านเมือง, สยามรัฐ, ข่าวสด)
2. ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 5 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม 11 กลุ่ม รมว.
อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่
แข็งค่าขึ้นกับสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้แบบจำลองดุลยภาพทั่วไปทำการวัดผลกระทบการส่งออกพบว่า ค่าเงินบาทที่
แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณร้อยละ 5 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างชัดเจนมีประมาณ 11 กลุ่ม
อุตสาหกรรม ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 2) อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 3)
อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์ 4) การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ 5) ปิโตรเคมี 6) เครื่องใช้สำนักงานและครัวเรือน 7)
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) 8) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง 9) พลาสติก 10) รองเท้าและเครื่องหนัง
และ 11) อุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ (โลกวันนี้, บ้านเมือง, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. สำนักงานสถิติคาดว่าปีหน้าจะมีคนว่างงานประมาณ 8 แสนคน เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เปิดเผยว่า คาดว่าในปี 48 จะมีคนว่างงานประมาณ 8 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 2.2 ของผู้ที่อยู่ในวัยแรงงาน
ทั้งประเทศ (35 ล้านคน) ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากปี 47 ที่มีผู้ว่างงานอยู่ประมาณ 7.4 แสนคน ทั้งนี้ คาดว่าปัญหาว่าง
งานจะเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 เพราะผลกระทบของปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ 55 จังหวัด ทำ
ให้ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังและเพาะปลูกได้ ทั้งนี้ ตัวเลขประมาณการว่างงานดังกล่าวเป็นตัวเลขขั้นต้นโดย
คำนวณจากฐานผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ที่ร้อยละ 5.0-6.0 เท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหากสถานการณ์
เศรษฐกิจชะลอกว่าที่ประเมิน เช่น ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมากส่งผลต่อค่าครองชีพ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าคาดว่าจะมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 6 แสนคน สำหรับแรงงานนอกภาคเกษตรซึ่งมี
อยู่ทั้งสิ้น 22 ล้านคน มีผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 8 แสนคน (โพสต์ทูเดย์)
4. กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีในเดือน พ.ย.47 เกินเป้าหมาย งปม.48 จำนวน 328 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในเดือน พ.ย.47 ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 ของ
ปีงบประมาณ 48 ได้ทั้งสิ้น 2.45 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้จำนวน 328 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม
การเก็บภาษีได้เกินเป้าหมายจำนวนน้อยเนื่องจากการเก็บภาษีภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ยาสูบ และเบียร์ ได้ต่ำกว่า
เป้าหมายเป็นจำนวนมาก เพราะมีการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ ทำให้ผู้บริโภคหันไปซื้อรถกระบะที่มีอัตราภาษีต่ำ
มากขึ้น ทำให้เก็บภาษีได้น้อยลงทั้งที่ปริมาณการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น ในส่วนของบุหรี่ที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาจาก
การรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ได้ผลเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อรวมกับการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในเดือนแรกของปีงบ
ประมาณ 48 ที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,700 ล้านบาท ทำให้การเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตรวม 2 เดือนของปี
งบประมาณ 48 ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,300 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
5. ดัชนีที่อยู่อาศัย 10 เดือนแรกของปี 47 มีบ้านได้รับใบอนุญาตจัดสรรใหม่จำนวน 16,024 หน่วย
ผอ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีด้านที่อยู่อาศัย 10 เดือนแรกของปี 47 (ม.ค.-ต.ค.) มีผู้ได้รับใบ
อนุญาตจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวนทั้งสิ้น 133 ราย แบ่งเป็นประเภทบ้านเดี่ยว
6,965 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 6,063 หน่วย อาคารพาณิชย์ 965 หน่วย บ้านแฝด 796 หน่วย และที่ดินเปล่าอีก
2,338 หน่วย คิดเป็นจำนวนที่อยู่อาศัยที่ในโครงการจัดสรรรวม 16,024 หน่วย สำหรับการออกใบอนุญาตก่อสร้าง
อาคารที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการออกใบอนุญาต ณ 9 เดือนแรกคิดเป็นพื้นที่
11,029,067 ตารางเมตร หรือ 79,551 หน่วย (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. ขาดดุล งปม. เดือน พ.ย.47 สูงถึง 57.88 พันล้านดอลลาร์สรอ. รายงานจาก
กรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.47 ก.คลังของ สรอ. เปิดเผยว่า สรอ. ขาดดุล งปม. ใน
เดือน พ.ย.47 สูงถึง 57.88 พันล้านดอลลาร์สรอ. เทียบกับที่ขาดดุล 42.97 พันล้านดอลลาร์สรอ. ในเดือน
พ.ย.46 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 55 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของ
ปี งปม. 48 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.47 สรอ. ขาดดุล งปม. สะสมประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
มากกว่าช่วง 2 เดือนแรกของปี งปม. 47 และเป็นการแสดงให้เห็นว่าการขาดดุล งปม. ปี 48 ไม่มีการปรับตัวดี
ขึ้นจากปีก่อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากการที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการควบคุมการใช้จ่าย
งปม. อย่างเข้มงวด คาดว่าจะทำให้การขาดดุล งปม.ในปีนี้ลดลง ซึ่งการขาดดุล งปม. และดุลบัญชีเดินสะพัด
อย่างมากมายส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและเงินสกุลอื่นใน
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สรอ. ขาดดุล งปม.ปี 47 สูงถึง 412.28 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ขาด
ดุล 377.14 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในปี 46 ซึ่ง ปธน.สรอ. ให้สัญญาว่าจะลดการขาดดุล งปม. ลงครึ่งหนึ่งภาย
ใน 5 ปี แต่ สำนัก งปม. รัฐสภากล่าวว่ายังไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมาย
ดังกล่าวได้ (รอยเตอร์)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.47 รายงานจากนิวยอร์ก
เมื่อ 10 ธ.ค.47 The University of Michigan เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน
ธ.ค.47 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 95.7 จากระดับ 92.8 ในเดือนก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 93.5 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความคาดหวังในอนาคต ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 106.8 และ 88.8
จากระดับ 104.7 และ 85.2 ในเดือนก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นทุกตัว มีสาเหตุจาก
การที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผู้บริโภคคาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้นในช่วงต่อไป (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในเดือน พ.ย.47 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 10 ธ.ค.47 อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่คำนวณโดยใช้วิธีเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในเขต
เศรษฐกิจยุโรป หรือ EU-harmonised annual inflation (HICP) สำหรับเดือน พ.ย.47 หลังปรับตัวเลข
แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีก่อนและเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.8 ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เทียบกับที่เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 2.2 ต่อปีในเดือน ต.ค.47 แต่นักวิเคราะห์คาดว่าโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อต่อปีของทั้ง 12 ประเทศในเขต
เศรษฐกิจยุโรปจะสูงขึ้นจากเดือนก่อนมีน้อย เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงและเมื่อประกอบกับเงินยู
โรที่มีค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ทำให้สินค้านำเข้ารวมทั้งน้ำมันมีราคาลดลง โดย ธ.กลางยุโรปได้ตั้ง
เป้าหมายให้อัตราเงินเฟ้อต่อปีของเขตเศรษฐกิจยุโรปอยู่ในระดับใกล้เคียงแต่ต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปี โดย
Eurostat มีกำหนดจะประกาศอัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจยุโรปสำหรับเดือน พ.ย.47 ในวันที่ 16 ธ.ค.47
นี้ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณโดยวิธีการของเยอรมนีเองสำหรับเดือน พ.ย.47 ลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบ
กับเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน (รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนพ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว รายงานจาก
ปักกิ่งเมื่อวันที่ 13 ธ.ค 47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ในเดือนพ.ย. 47 ยอดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้น
มากกว่าที่คาดไว้ถึงร้อยละ 13.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ชะลอตัวจากร้อยละ 14.2 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว
และมากกว่าผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 6 คนของรอยเตอร์ที่คาดว่ายอดค้าปลีกในเดือนดังกล่าวจะเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 13.2 โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายอดค้าปลีกของจีนได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการใช้จ่ายของผู้
บริโภคที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่อีกส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปรียบเทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีฐานที่ต่ำ
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SAR) ทั้งนี้รมว.พาณิชย์ของจีนกล่าวว่ายอดค้า
ปลีกของจีนในปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 13 จากปีที่แล้วและคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในปีหน้า
อย่างไรก็ตามหากปรับตัวเลขเงินเฟ้อแล้วคาดว่ายอดค้าปลีกในปีนี้ก็ยังคงขยายตัวร้อยละ 9.8 (รอยเตอร์)
5. มูลค่าการนำเข้าและการส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วง 11 เดือนแรกปี 47 ขยายตัวต่ำสุดใน
รอบ 7 เดือน รายงานจากโซลเมื่อ 12 ธ.ค.47 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้
(คิดเป็นเงินวอน)ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.47) เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
16.8 ในช่วง 10 เดือนก่อนหน้า (ม.ค.-ต.ค.47) นับเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยมี
สาเหตุจากการที่เงินวอนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้า(คิดเป็นเงินวอน)เป็น
ปัจจัยสำคัญในการบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าประเภทวัตถุดิบสำหรับการผลิต
และพลังงานเป็นหลัก ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์มองว่า การที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อันมีสาเหตุจากการที่
เงินวอนแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันชะลอตัวลง และดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อาจส่งผลให้
ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยทางการไว้ต่อไป สำหรับมูลค่าการส่งออกในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ
5.1 หลังจากการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 ในช่วง 10 เดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 7
เดือนเช่นกัน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 13 ธ.ค.47 9 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.445 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2396/39.5194 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.78125-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 648.78/ 11.81 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,150/8,250 8,200/8,300 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.83 32.91 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.99*/14.59 20.39/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 10 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--