นางศิริวรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้สัมภาษณ์ทางคลื่น 96.5 รายการจับชีพจรข่าว ถึงกรณีตร.ปราบปรามนำกำลังเข้าตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพล และซุ้มมือปืน ใน 5 อำเภอของจังหวัดแพร่ 15 จุด ว่า บุคคลต่างๆที่ช่วยเหลือตนอยู่ในขณะนี้เป็นผู้มีอุดมการณ์ ไม่ว่าจะเป็น สจ. อบต. หรือ ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้มีคนต้องการที่จะให้พวกเขาไปสนับสนุนพรรคไทยรักไทย แต่พวกเขารักพรรคประชาธิปัตย์ รักอุดมการณ์ รักการแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของความจริง และรักในการที่พรรคจะพัฒนาคนสร้างอนาคต ตนจึงอยากถามว่าผู้ที่มาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดอะไรถึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลกันไปหมด
นายศิริวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ตนไม่สบายใจว่ามีคนต้องการให้ย้ายพรรคแต่ตนไม่ได้ย้าย จะมีคนมากลั่นแกล้งเราหรือเปล่า ตรงนี้น่าจะให้อิสระในการตัดสินใจเพราะตนเป็นคนที่มีอุดมการณ์ ‘ตนเป็นแค่ผู้หญิงที่มีอุดมการณ์ และไม่อยากให้คนทั้งประเทศตาหน้าว่าเราเป็นผู้หญิงที่ต้องขายตัว เพื่อจะไปเอาเงิน หรือเพื่อจะไปเอาตำแหน่ง และมีความภาคภูมิใจที่เป็นคนเมืองแพร่ ซึ่งตนอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่าเราเป็นนักการเมือง ไม่ใช่มายัดเยียดว่าตนจะต้องไปทำอย่างที่คุณคิดว่าถูก ซึ่งรู้สึกเสียใจมากกับเรื่องนี้ และคิดว่าคนเมืองแพร่ก็เสียใจที่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้ ’ นายศิริวรรณ กล่าว และกล่าวต่อว่าในพื้นที่ของตนไม่เคยมีหัวคะแนน มีแต่ประธานสาขาพรรคและก็เพิ่งโดนยิงเสียชีวิตไป
ผู้ดำเนินรายการถามว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ส.ส.แพร่ กล่าวว่า ตนก็ต้องสู้ต่อไปและก็จะเดินไปหน้าพูดคุยกับชาวบ้าน เหมือนเช่นตอนที่มีการย้ายนายอำเภอคนเก่าๆออกไปเพื่อจะเตรียมการเลือกตั้ง ตนก็เดินไปอธิบายกับชาวบ้านว่า นายอำเภอเขาย้ายมาตามภารกิจ ย้ายเขามาแล้วเขาก็ไป แต่พวกเราจะต้องดูแลกัน ทุกวันนี้การเลือกผู้แทนราษฎรก็เพื่อเป็นตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ ส่วนพรรคใครได้เยอะก็ไปเป็นรัฐบาล พรรคใครได้น้อยก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลนี่คือการทำงานของผู้แทนราษฎร อีกทั้งการหาเสียงของพรรคไทยรักไทยที่ระบุว่าถ้าเลือกพรรคไทยรักไทยจะได้งบประมาณมากขึ้นตรงนี้ถือว่าไม่ถูก ถ้านโยบายของรัฐบาลออกมาอย่างไรคนทั้งประเทศก็ต้องได้รับอนิสงฆ์ตามนโยบายของรัฐบาลทั้งประเทศ ไม่ใช่นโยบายที่ออกมาจังหวัดที่เป็นฝ่ายค้านไม่ได้งบซึ่งถือว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม‘อย่ามาบิดเบือนความรู้สึกหรือความนึกคิดของประชาชน การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความสับสน ประชาชนจะเข้าใจว่าถ้าเลือกฝ่ายค้านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคอาจจะไม่ได้ หรือโครงการโคที่บอกว่าจะแจกทั่วประเทศ ถ้าเลือกตนก็จะไม่ได้โค ไม่ได้กระบือ ตรงนี้ไม่ใช่ และถ้ามีกระทำแบบนี้เมื่อไหร่ประชาชนจะเป็นคนที่มีการศึกษาดีขึ้น รู้มากขึ้น ตนอยากจะขอความเป็นธรรมและขอให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศช่วยดู’ ส.ส.แพร่กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายศิริวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ตนไม่สบายใจว่ามีคนต้องการให้ย้ายพรรคแต่ตนไม่ได้ย้าย จะมีคนมากลั่นแกล้งเราหรือเปล่า ตรงนี้น่าจะให้อิสระในการตัดสินใจเพราะตนเป็นคนที่มีอุดมการณ์ ‘ตนเป็นแค่ผู้หญิงที่มีอุดมการณ์ และไม่อยากให้คนทั้งประเทศตาหน้าว่าเราเป็นผู้หญิงที่ต้องขายตัว เพื่อจะไปเอาเงิน หรือเพื่อจะไปเอาตำแหน่ง และมีความภาคภูมิใจที่เป็นคนเมืองแพร่ ซึ่งตนอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่าเราเป็นนักการเมือง ไม่ใช่มายัดเยียดว่าตนจะต้องไปทำอย่างที่คุณคิดว่าถูก ซึ่งรู้สึกเสียใจมากกับเรื่องนี้ และคิดว่าคนเมืองแพร่ก็เสียใจที่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้ ’ นายศิริวรรณ กล่าว และกล่าวต่อว่าในพื้นที่ของตนไม่เคยมีหัวคะแนน มีแต่ประธานสาขาพรรคและก็เพิ่งโดนยิงเสียชีวิตไป
ผู้ดำเนินรายการถามว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ส.ส.แพร่ กล่าวว่า ตนก็ต้องสู้ต่อไปและก็จะเดินไปหน้าพูดคุยกับชาวบ้าน เหมือนเช่นตอนที่มีการย้ายนายอำเภอคนเก่าๆออกไปเพื่อจะเตรียมการเลือกตั้ง ตนก็เดินไปอธิบายกับชาวบ้านว่า นายอำเภอเขาย้ายมาตามภารกิจ ย้ายเขามาแล้วเขาก็ไป แต่พวกเราจะต้องดูแลกัน ทุกวันนี้การเลือกผู้แทนราษฎรก็เพื่อเป็นตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ ส่วนพรรคใครได้เยอะก็ไปเป็นรัฐบาล พรรคใครได้น้อยก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลนี่คือการทำงานของผู้แทนราษฎร อีกทั้งการหาเสียงของพรรคไทยรักไทยที่ระบุว่าถ้าเลือกพรรคไทยรักไทยจะได้งบประมาณมากขึ้นตรงนี้ถือว่าไม่ถูก ถ้านโยบายของรัฐบาลออกมาอย่างไรคนทั้งประเทศก็ต้องได้รับอนิสงฆ์ตามนโยบายของรัฐบาลทั้งประเทศ ไม่ใช่นโยบายที่ออกมาจังหวัดที่เป็นฝ่ายค้านไม่ได้งบซึ่งถือว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม‘อย่ามาบิดเบือนความรู้สึกหรือความนึกคิดของประชาชน การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความสับสน ประชาชนจะเข้าใจว่าถ้าเลือกฝ่ายค้านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคอาจจะไม่ได้ หรือโครงการโคที่บอกว่าจะแจกทั่วประเทศ ถ้าเลือกตนก็จะไม่ได้โค ไม่ได้กระบือ ตรงนี้ไม่ใช่ และถ้ามีกระทำแบบนี้เมื่อไหร่ประชาชนจะเป็นคนที่มีการศึกษาดีขึ้น รู้มากขึ้น ตนอยากจะขอความเป็นธรรมและขอให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศช่วยดู’ ส.ส.แพร่กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-