วันนี้(14 ธ.ค.47) เวลา 14.00น. นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางรายการวิทยุคลื่น96.5 รายการจับชีพจรข่าว ว่าในฐานะตนเป็นเจ้าของบ้านก็ยินดีต้อนรับ และหากจะจัดงบประมาณให้จังหวัดตรังก็ต้องขอบคุณ เพราะในช่วงระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาลนี้อาจพูดได้ว่าภาคใต้ถูกทอดทิ้งมากที่สุด ซึ่งดูจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การทุ่มเทงบประมาณเพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของ 14 จังหวัดภาคใต้น้อยมาก หน่วยงานรัฐวิสาหกิจบางแห่งเจ้าหน้าที่ถึงขนาดพูดให้ตนได้ยินเลยว่า นั่งตบยุงเลยในช่วงรัฐบาลนี้เสมือนเป็นการเลือกปฏิบัติ ดังนั้นหากรัฐบาลมีสำนึกขึ้นมาว่าจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศมีความเท่าเทียมกันถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะหน้าที่ของรัฐบาลนั้นต้องพัฒนาทุกจังหวัด ‘ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าประชาชนจะเลือกผู้แทนของพรรคท่านหรือไม่รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องพัฒนา เพราะได้มีการเก็บภาษีจากเขา ถ้าพรรคพรรคไทยรักไทยต่อรองว่าจะต้องเลือกผู้แทนของเขาก่อนถึงจะเอาเงินมาพัฒนา อย่างนี้ถือว่าผิดกระบวนการปกครอง ผิดบทบาทของฝ่ายบริหาร ซึ่งหน้าที่ของฝ่ายบริหาร คือบริหารทั้งประเทศไม่ใช่เจาะจงเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง ’นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวว่า เมื่อสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แม้ตนจะเป็นส.ส.จังหวัดตรังแต่ก็คิดถึงเรื่องการบริหารให้เกิดความเป็นธรรม ตนภูมิใจว่าเมื่อตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้พัฒนาเชียงใหม่ไปมาก โดยทำให้จังหวัดดังกล่าวมีความก้าวหน้าในฐานะเป็นจังหวัดที่ใหญ่ และตนก็ทำให้ทุกจังหวัดในประเทศเท่าเทียมกันหมดซึ่งจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศไม่ใช่คิดแต่จะเอาเงินเข้าบ้านตัวเองโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น อย่างนั้นก็จะเป็นค่านิยมของความเห็นแก่ตัวซึ่งไม่ถูกต้อง ตนอยากจะเรียนว่า รัฐบาลต้องเข้าใจบทบาทของฝ่ายบริหารและอย่าไปตั้งเงื่อนไขต่อรองว่าต้องเลือกคนของพรรคไทยรักไทยถึงจะให้งบประมาณ รัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมทุกจังหวัดไม่ใช่เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ หรือ จังหวัดตรัง เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งในประเทศ และเขาก็เสียภาษี ถ้ามาเจาะจงว่าจะให้เฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยอย่างนี่ถือว่าผิด ถ้ากระทำแบบนี้ก็อย่าไปเก็บภาษีของจังหวัดนั้น ‘หลักการเรื่องของการต่อรองว่าต้องเลือกพรรครัฐบาลถึงจะเอาเงินมาให้เป็นหลักการที่เคยเสนอเมื่อ 35 ปีที่แล้ว เมื่อสมัยที่ผมเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรก รัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลทรราชย์ เข้าจะพูดอย่างนี่ครับ อย่าเลือกประชาธิปัตย์ อย่าเลือกฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านจะไม่มีเงินมา จะไม่พัฒนา ซึ่งตนไม่เชื่อว่า 35 ปีที่ผ่านมาระบบทรราชย์จะกลับมาอีก’ นายชวน กล่าว
สำหรับการให้งบประมาณจังหวัดตรัง ปธ.ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า งบดังกล่าวยังไม่เป็นตัวตน และความจริงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆก็จัดทำขึ้นในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจร จนกระทั่งประเทศไทยได้รับการยอมรับจาก ยูเอ็นวีพี โดยให้คะแนน 76 จังหวัดของประเทศไทย ปรากฏกว่า กรุงเทพมหานคร ได้คะแนนเต็มร้อย เพราะความสะดวกในการเดินทางของประชาชน แต่คนทั่วไปจะไม่รู้ว่าจังหวัดที่ได้ที่สองคือจังหวัดตรัง และจังหวัดสิงห์บุรี เพราะเวลาที่เราเอางบประมาณลงไปไม่ได้หวือหวาโดยทำร่วมกับจังหวัดอื่นเป็นการกระจายงบประมาณ และไม่มีการโครงการตัดถนนเข้าที่ดินทางการเมือง จึงทำให้การกระจายความสะดวกเป็นไปด้วยดี ซึ่งวันนี้พูดได้ว่าถนนทุกสายที่นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทาง เป็นผลงานที่ประชาธิปัตย์ทำทั้งสิ้น ดังนั้นจึงต้องยอมรับว่าโครงสร้างเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ทำ เพียงแต่เราไม่โฆษณาหรือต่อรองว่าจังหวัดไหนเลือกผู้แทนของรัฐบาลแล้วถึงจะทำ ‘การที่พรรคไทยรักไทยเอาเรื่องงบประมาณมาต่อรองให้ประชาชนต้องเลือกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกหลัก ควรปล่อยให้ประชาชนเขาใช้ความคิดของตัวเอง ส่วนพรรคไทยรักไทยเข้าจะหวังเท่าไหร่เราก็ไม่ทราบได้เรื่องนี้ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของพี่น้องประชาชนเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับชาวบ้าน ซึ่งผมเองกว่าจะๆได้รับเลือกตั้งแต่ละครั้งยากเย็นแสนเข็น เพราะระบบการเลือกตั้งที่เราชนะมานั้นชนะด้วยคนเลือกเราจริงๆ ไม่ใช่ระบบซื้อส.ส.หรือซื้อเสียงอย่างที่ทำอยู่ในรัฐบาลชุดนี้’ ปธ.ที่ปรึกษาพรรคปชป.กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่านายทวี สุระบาล ให้สัมภาษณ์ว่านายกรัฐมนตรีไปตรังครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวตรังอย่างคับคั่ง นายชวน กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีที่คนมารับ เพราะตนกลัวว่าจะมีปฏิกริยาไม่พอใจ ซึ่งคนที่จะถูกตำหนิก็คือพวกผม และตอนที่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่งใหม่ๆตนเป็นคนโทรศัพท์สั่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และคุณสลิล โตทับเที่ยง ให้ดูแลรับรองนายกฯให้ดี เพราะว่าถ้าไม่ดีก็จะเป็นปัญหามาตำหนินักการเมือง ซึ่งในครั้งนั้นนายกฯก็ได้มาขอบคุณตนที่ห้องกาแฟของรัฐสภา แต่นายกฯไม่ควรที่จะแกล้งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดตรังให้ไปเป็นผู้ตรวจ ‘ถ้าคนมาต้อนรับนายกฯไม่ดีก็จะเกิดข้อครหา หรือถ้าไม่ได้กินหมูย่างเดียวก็จะตำหนินักการเมืองอีก ก็ถือว่าเราเป็นเจ้าของบ้านใครมาเราจะคิดอย่างไรก็รับเขาให้ดี ถือเป็นสิ่งที่ดี’ นายชวน กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่าการที่นายกฯนำคณะรัฐมนตรีไปประชุมที่จังหวัดตรัง มีเหตุผลหรือสัญญาณทางการเมืองอย่างไร นายชวนกล่าวว่า เราไม่ทราบความในใจของท่าน และตนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะถือว่าจังหวัดตรังเป็นหนึ่งในจังหวัดของประเทศไทย ‘ผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันในจังหวัดตรังยังไม่มีอะไรเลย แม้แต่ถนนสักครึ่งสายยังไม่มี รัฐบาลเพิ่งจะมาเริ่มโดยให้งบประมาณในปีนี้แต่ผลงานจะไปเกิดในวันครั้งหน้า วันนี้จังหวัดตรังเป็นตัวตนขึ้นมาเหมือนกับจังหวัดอื่นก็เป็นเพราะผลงานของรัฐบาลอื่นๆที่ทำไว้ เราไม่ได้เอาเปรียบคนอื่นทำอะไรก็ให้เสมอภาคกัน ซึ่งค่านิยมตรงนี้ผมอยากให้นักการเมืองยังคงมีอยู่ไม่เช่นนั้นคนจะมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า บ้านเขาไม่มีนายกฯเลยไม่ได้รับการเหลียวแล หยุดสร้างค่านิยมแบบนี้ เพราะว่าระบบการปกครองในปัจจุบันถือว่ารัฐบาลกลางเป็นตัวแทนคนทั้งประเทศ ’นายชวน กล่าว
ส่วนกรณีที่ตร.ปราบปรามบุกค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและซุ้มมือปืน ใน 5 อำเภอของจังหวัดแพร่ นายชวน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.แพร่ แล้ว ซึ่งการได้พูดคุยนางศิริวรรณได้เปรยออกมาว่า ถ้าไม่ย้ายพรรคหรือไม่เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจะโดนอย่างนี้ตลอดหรือ เพราะจริงๆแล้วนายกฯก็เคยไปทาบทามด้วยตัวท่านเอง ตนอยากจะชื่นชมว่านางศิริวรรณเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ และยืนยัดอยู่บนความถูกต้องมาตลอด และคงจะไปตำหนิเจ้าหน้าที่ไม่ได้เพราะเขาคงต้องทำตามหน้าที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายชวน กล่าวว่า เมื่อสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แม้ตนจะเป็นส.ส.จังหวัดตรังแต่ก็คิดถึงเรื่องการบริหารให้เกิดความเป็นธรรม ตนภูมิใจว่าเมื่อตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้พัฒนาเชียงใหม่ไปมาก โดยทำให้จังหวัดดังกล่าวมีความก้าวหน้าในฐานะเป็นจังหวัดที่ใหญ่ และตนก็ทำให้ทุกจังหวัดในประเทศเท่าเทียมกันหมดซึ่งจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศไม่ใช่คิดแต่จะเอาเงินเข้าบ้านตัวเองโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น อย่างนั้นก็จะเป็นค่านิยมของความเห็นแก่ตัวซึ่งไม่ถูกต้อง ตนอยากจะเรียนว่า รัฐบาลต้องเข้าใจบทบาทของฝ่ายบริหารและอย่าไปตั้งเงื่อนไขต่อรองว่าต้องเลือกคนของพรรคไทยรักไทยถึงจะให้งบประมาณ รัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมทุกจังหวัดไม่ใช่เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ หรือ จังหวัดตรัง เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งในประเทศ และเขาก็เสียภาษี ถ้ามาเจาะจงว่าจะให้เฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยอย่างนี่ถือว่าผิด ถ้ากระทำแบบนี้ก็อย่าไปเก็บภาษีของจังหวัดนั้น ‘หลักการเรื่องของการต่อรองว่าต้องเลือกพรรครัฐบาลถึงจะเอาเงินมาให้เป็นหลักการที่เคยเสนอเมื่อ 35 ปีที่แล้ว เมื่อสมัยที่ผมเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรก รัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลทรราชย์ เข้าจะพูดอย่างนี่ครับ อย่าเลือกประชาธิปัตย์ อย่าเลือกฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านจะไม่มีเงินมา จะไม่พัฒนา ซึ่งตนไม่เชื่อว่า 35 ปีที่ผ่านมาระบบทรราชย์จะกลับมาอีก’ นายชวน กล่าว
สำหรับการให้งบประมาณจังหวัดตรัง ปธ.ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า งบดังกล่าวยังไม่เป็นตัวตน และความจริงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆก็จัดทำขึ้นในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจร จนกระทั่งประเทศไทยได้รับการยอมรับจาก ยูเอ็นวีพี โดยให้คะแนน 76 จังหวัดของประเทศไทย ปรากฏกว่า กรุงเทพมหานคร ได้คะแนนเต็มร้อย เพราะความสะดวกในการเดินทางของประชาชน แต่คนทั่วไปจะไม่รู้ว่าจังหวัดที่ได้ที่สองคือจังหวัดตรัง และจังหวัดสิงห์บุรี เพราะเวลาที่เราเอางบประมาณลงไปไม่ได้หวือหวาโดยทำร่วมกับจังหวัดอื่นเป็นการกระจายงบประมาณ และไม่มีการโครงการตัดถนนเข้าที่ดินทางการเมือง จึงทำให้การกระจายความสะดวกเป็นไปด้วยดี ซึ่งวันนี้พูดได้ว่าถนนทุกสายที่นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทาง เป็นผลงานที่ประชาธิปัตย์ทำทั้งสิ้น ดังนั้นจึงต้องยอมรับว่าโครงสร้างเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ทำ เพียงแต่เราไม่โฆษณาหรือต่อรองว่าจังหวัดไหนเลือกผู้แทนของรัฐบาลแล้วถึงจะทำ ‘การที่พรรคไทยรักไทยเอาเรื่องงบประมาณมาต่อรองให้ประชาชนต้องเลือกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกหลัก ควรปล่อยให้ประชาชนเขาใช้ความคิดของตัวเอง ส่วนพรรคไทยรักไทยเข้าจะหวังเท่าไหร่เราก็ไม่ทราบได้เรื่องนี้ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของพี่น้องประชาชนเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับชาวบ้าน ซึ่งผมเองกว่าจะๆได้รับเลือกตั้งแต่ละครั้งยากเย็นแสนเข็น เพราะระบบการเลือกตั้งที่เราชนะมานั้นชนะด้วยคนเลือกเราจริงๆ ไม่ใช่ระบบซื้อส.ส.หรือซื้อเสียงอย่างที่ทำอยู่ในรัฐบาลชุดนี้’ ปธ.ที่ปรึกษาพรรคปชป.กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่านายทวี สุระบาล ให้สัมภาษณ์ว่านายกรัฐมนตรีไปตรังครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวตรังอย่างคับคั่ง นายชวน กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีที่คนมารับ เพราะตนกลัวว่าจะมีปฏิกริยาไม่พอใจ ซึ่งคนที่จะถูกตำหนิก็คือพวกผม และตอนที่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่งใหม่ๆตนเป็นคนโทรศัพท์สั่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และคุณสลิล โตทับเที่ยง ให้ดูแลรับรองนายกฯให้ดี เพราะว่าถ้าไม่ดีก็จะเป็นปัญหามาตำหนินักการเมือง ซึ่งในครั้งนั้นนายกฯก็ได้มาขอบคุณตนที่ห้องกาแฟของรัฐสภา แต่นายกฯไม่ควรที่จะแกล้งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดตรังให้ไปเป็นผู้ตรวจ ‘ถ้าคนมาต้อนรับนายกฯไม่ดีก็จะเกิดข้อครหา หรือถ้าไม่ได้กินหมูย่างเดียวก็จะตำหนินักการเมืองอีก ก็ถือว่าเราเป็นเจ้าของบ้านใครมาเราจะคิดอย่างไรก็รับเขาให้ดี ถือเป็นสิ่งที่ดี’ นายชวน กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่าการที่นายกฯนำคณะรัฐมนตรีไปประชุมที่จังหวัดตรัง มีเหตุผลหรือสัญญาณทางการเมืองอย่างไร นายชวนกล่าวว่า เราไม่ทราบความในใจของท่าน และตนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะถือว่าจังหวัดตรังเป็นหนึ่งในจังหวัดของประเทศไทย ‘ผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันในจังหวัดตรังยังไม่มีอะไรเลย แม้แต่ถนนสักครึ่งสายยังไม่มี รัฐบาลเพิ่งจะมาเริ่มโดยให้งบประมาณในปีนี้แต่ผลงานจะไปเกิดในวันครั้งหน้า วันนี้จังหวัดตรังเป็นตัวตนขึ้นมาเหมือนกับจังหวัดอื่นก็เป็นเพราะผลงานของรัฐบาลอื่นๆที่ทำไว้ เราไม่ได้เอาเปรียบคนอื่นทำอะไรก็ให้เสมอภาคกัน ซึ่งค่านิยมตรงนี้ผมอยากให้นักการเมืองยังคงมีอยู่ไม่เช่นนั้นคนจะมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า บ้านเขาไม่มีนายกฯเลยไม่ได้รับการเหลียวแล หยุดสร้างค่านิยมแบบนี้ เพราะว่าระบบการปกครองในปัจจุบันถือว่ารัฐบาลกลางเป็นตัวแทนคนทั้งประเทศ ’นายชวน กล่าว
ส่วนกรณีที่ตร.ปราบปรามบุกค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและซุ้มมือปืน ใน 5 อำเภอของจังหวัดแพร่ นายชวน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.แพร่ แล้ว ซึ่งการได้พูดคุยนางศิริวรรณได้เปรยออกมาว่า ถ้าไม่ย้ายพรรคหรือไม่เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจะโดนอย่างนี้ตลอดหรือ เพราะจริงๆแล้วนายกฯก็เคยไปทาบทามด้วยตัวท่านเอง ตนอยากจะชื่นชมว่านางศิริวรรณเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ และยืนยัดอยู่บนความถูกต้องมาตลอด และคงจะไปตำหนิเจ้าหน้าที่ไม่ได้เพราะเขาคงต้องทำตามหน้าที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-