เมื่อเวลา 8.30 น. ที่จ.กาฬสินธุ์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการบุกค้นบ้านหัวคะแนนของนางศิริ วรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.แพร่ ว่าในหลักการคงไม่มีใครขัดข้องแต่เมื่อทำแล้วก็ควรจะทำอย่างตรงไปตรงมาและอย่าใช้เรื่องดังกล่าวเป็นอาวุธในการสร้างภาพและกลั่นแกล้งทางการเมืองให้คนอื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทีมงานรวบรวมว่ามีที่ไหนบ้างที่โดนการระทำเช่นนี้
ทั้งนี้หน่วยราชการก็รู้กันทั้งนั้นว่าใครเป็นใคร ในพื้นที่ ที่สำคัญคือข้าราชการอย่าทำงานเพื่อรับใช้ฝ่ายการเมืองจนมากเกินไป ซึ่งวันนี้ประชาชนเห็นได้ชัดว่าทำไมมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่โดนตรวจค้น คนทั้งประเทศรู้ว่าคนในรัฐบาลมีใครเป็นใคร อย่างไร ทำอะไรไว้ที่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงของแม่เลี้ยงติ๊กหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่าคิดได้ 2 แง่คือเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งที่เขายังสับสนอยู่ว่าทำไมแม่เลี้ยงติ๊กถึงมีหัวคะแนนเป็นผู้มีอิทธิพล สำหรับคนที่ตามการเมืองมาโดยตลอดจะเข้าใจและรู้ดีว่าการตรวจค้นบ้านครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะปีที่ผ่านมาก็บุกค้นไปแล้ว ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองมากกว่า เพราะมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่โดน เมื่อถามว่ารู้สึกหนักใจหรือไม่ที่คนของพรรคโดนหนักขนาดนี้ นายบัญญัติ กล่าวว่าเรื่องหนักใจก็มีบ้างเป็นธรรมดา แต่คงไม่ทำให้พวกเราท้อแท้ และจะยิ่งสร้างความมุมานะ พยายามมากขึ้น ทั้งแม่เลี้ยงติ๊ก หรือนายประชา โพธิพิพิธ กำนันเซี๊ยะ ที่จะมีกำลังใจต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมเจาะจงแต่คนที่มีคะแนนเสียงดี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนคิดว่าตัวข้าราชการบางทีเราก็เห็นใจเขา ถ้าฝ่ายกฎหมายให้สัญญาณว่าต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้เขาก็ไม่มีทางเลือก เว้นแต่ข้าราชการบางคนที่ต้องการใช้การเมืองมาเป็นเครื่องมือไต่เต้าเพื่อตำแหน่งที่สูงกว่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตนมั่นใจว่าข้าราชการส่วนใหญ่ไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้เข้าใจว่าข้าราชการส่วนใหญ่ก็คงลำบากใจแต่จำเป็นต้องทำ และเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พรรคก็ได้แจ้งคนของเราให้ระมัดระวังตัวมากขึ้นอะไรที่มันหมิ่นเหม่ก็อย่าทำ อย่าท้อแท้ ท้อถอย และต้องสู้ต่อไป และเมื่อถามว่าจะดำเนินคดีเรื่องนี้อย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่าถ้าข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนมากก็คงดำเนินการลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เขาก็ต้องรู้กฎหมายเป็นอย่างดี ซึ่งก็เข้าใจกันอยู่แล้วเพียงแต่ว่ามีวาระซ่นเร้นจากฝ่ายการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯไปปราศรัยที่จังหวัดตรังและบอกว่าถ้ากลับมาอีกครั้งจะทำให้คนตรังมีตังค์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ามันใจว่าคนตรังไม่ใช่คนโง่ เพราะเป็นคนที่ติดตามการเมืองมาโดยตลอด ตนไม่คิดว่าคำพูดเพียง 2-3 คำของนายกฯที่พูดบนพื้นฐานของการโฆษณาชวนเชื่อด้วยความรู้สึกว่าประชาชนวันนี้โง่กันหมด นายกฯจะพูดอะไรคนก็เชื่อกันทั้งนั้น ตนไม่คิดว่าจะมีน้ำหนักอะไร ตรงกันข้ามประชาชนจะดูหมิ่นดูแคลนเอาด้วยซ้ำ ว่าเห็นว่าพวกเขาเป็นคนโง่กันทั้งหมดหรืออย่างไรจึงพูดจาทำนองนั้น เมื่อถามว่าที่ครม.มีมติอนุมัติงบพัฒนาจังหวัดตรังกว่า 2,400 ล้านบาท นายบัญญัติ กล่าวว่านี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งทั้งหมดทำไปบนพื้นฐานของทัศนคติของนายกฯที่มีความรู้สึกว่าเงินใช้ซื้ออะไรก็ได้ แต่คนที่ตามการเมืองจะรู้สึกว่าทำไมเป็นรัฐบาลมาเกือบ 4 ปีแล้วไม่คิดทำมาคิดทำวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ใกล้เลือกตั้งและทำในลักษณะที่ว่าถ้ากลับมาจึงจะทำให้ ‘ผมคิดว่าหลายเรื่องที่มีลักษณะให้คำมั่นสัญญาหรือจูงใจให้มีการลงคะแนนเสียงทั้งนั้น ผมถึงอยากเรียกร้องกกต.อีกครั้งว่าให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเมื่อเห็นอะไรที่ไม่น่าจะถูกกฎหมายก็ควรเข้าไปตรวจสอบ อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เราปรารถนา คืออย่างกกต.เจอใครก็ตามที่ดำเนินการในลักษณะอย่างนั้นไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนใหญ่คนโตแค่ไหนก็ตาม นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมติครม.ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่าถ้าเป็นลักษณะการให้คำมั่นสัญญาอย่างชัดเจนก็ถือว่าผิด แต่ถ้าเป็นมติครม.ที่สืบเนื่องมาจากเรื่องเก่าที่มีการดำเนินมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ถ้าเป็นโครบงการที่ทำขึ้นในรายวัน รายสัปดาห์ บนแผนงานประจำเดือนในลักษณะที่ทำขึ้นใหม่เพื่อการจูงใจโดยเฉพาะก็คิดว่าชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องให้คำมั่นสัญญา เมื่อถามว่าการที่นายกฯยกพลลงใต้จะกระทบต่อฐานเสียงใจพื้นที่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจะไม่มีผลเสียเลยที่เดียวก็เป็นไปไม่ได้ ตนคิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็คงต้องมีผลอยู่บ้าง แต่ผลนั้นจะจูงใจให้คนส่วนใหญ่คล้อยตามหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งประเด็นการเมืองอยู่ตรงนี้คนส่วนน้อยที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อถามว่านายกฯปราศรัยว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนักการเมืองอาชีพคงต้องรออีก 16 อีกถึงจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล นายบัญญัติ กล่าวว่าตนคิดว่าประชาชนมีเหตุผลว่าคำพูดไหนเชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้ และมีเหตุผลพิจารณาได้ว่าในการช้ำคพูดขอคนที่เป็นนายกฯบอกถึงวุฒิภาวะของนายกฯอยู่เหมือนกัน เมื่อถามว่าหากพรรคไทยรักไทยไม่มีส.ส.ในพื้นที่รัฐบาลก็จะพัฒนาจ.ตรังลำบาก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าตรงนี้ยิ่งไม่มีเหตุผลใหญ่เพราะส.ส.ไม่ใช่กลไกหลักในการพัฒนาตรงนั้นหากรัฐบาลจริงใจและตั้งใจจะพัฒนาจริงไม่ว่าจะมีหรือไม่มีส.ส.ก็ต้องพัฒนา เรื่องนี้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นเหตุผลจูงใจเพื่อคะแนนเสียง เป็นเรื่องที่กกต.ที่ต้องวางหลักเกณฑ์ออกมาเป็นบรรทัดฐานให้ประชาชนเห็น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ทั้งนี้หน่วยราชการก็รู้กันทั้งนั้นว่าใครเป็นใคร ในพื้นที่ ที่สำคัญคือข้าราชการอย่าทำงานเพื่อรับใช้ฝ่ายการเมืองจนมากเกินไป ซึ่งวันนี้ประชาชนเห็นได้ชัดว่าทำไมมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่โดนตรวจค้น คนทั้งประเทศรู้ว่าคนในรัฐบาลมีใครเป็นใคร อย่างไร ทำอะไรไว้ที่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงของแม่เลี้ยงติ๊กหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่าคิดได้ 2 แง่คือเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งที่เขายังสับสนอยู่ว่าทำไมแม่เลี้ยงติ๊กถึงมีหัวคะแนนเป็นผู้มีอิทธิพล สำหรับคนที่ตามการเมืองมาโดยตลอดจะเข้าใจและรู้ดีว่าการตรวจค้นบ้านครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะปีที่ผ่านมาก็บุกค้นไปแล้ว ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองมากกว่า เพราะมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่โดน เมื่อถามว่ารู้สึกหนักใจหรือไม่ที่คนของพรรคโดนหนักขนาดนี้ นายบัญญัติ กล่าวว่าเรื่องหนักใจก็มีบ้างเป็นธรรมดา แต่คงไม่ทำให้พวกเราท้อแท้ และจะยิ่งสร้างความมุมานะ พยายามมากขึ้น ทั้งแม่เลี้ยงติ๊ก หรือนายประชา โพธิพิพิธ กำนันเซี๊ยะ ที่จะมีกำลังใจต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมเจาะจงแต่คนที่มีคะแนนเสียงดี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนคิดว่าตัวข้าราชการบางทีเราก็เห็นใจเขา ถ้าฝ่ายกฎหมายให้สัญญาณว่าต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้เขาก็ไม่มีทางเลือก เว้นแต่ข้าราชการบางคนที่ต้องการใช้การเมืองมาเป็นเครื่องมือไต่เต้าเพื่อตำแหน่งที่สูงกว่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตนมั่นใจว่าข้าราชการส่วนใหญ่ไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้เข้าใจว่าข้าราชการส่วนใหญ่ก็คงลำบากใจแต่จำเป็นต้องทำ และเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พรรคก็ได้แจ้งคนของเราให้ระมัดระวังตัวมากขึ้นอะไรที่มันหมิ่นเหม่ก็อย่าทำ อย่าท้อแท้ ท้อถอย และต้องสู้ต่อไป และเมื่อถามว่าจะดำเนินคดีเรื่องนี้อย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่าถ้าข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนมากก็คงดำเนินการลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เขาก็ต้องรู้กฎหมายเป็นอย่างดี ซึ่งก็เข้าใจกันอยู่แล้วเพียงแต่ว่ามีวาระซ่นเร้นจากฝ่ายการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯไปปราศรัยที่จังหวัดตรังและบอกว่าถ้ากลับมาอีกครั้งจะทำให้คนตรังมีตังค์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ามันใจว่าคนตรังไม่ใช่คนโง่ เพราะเป็นคนที่ติดตามการเมืองมาโดยตลอด ตนไม่คิดว่าคำพูดเพียง 2-3 คำของนายกฯที่พูดบนพื้นฐานของการโฆษณาชวนเชื่อด้วยความรู้สึกว่าประชาชนวันนี้โง่กันหมด นายกฯจะพูดอะไรคนก็เชื่อกันทั้งนั้น ตนไม่คิดว่าจะมีน้ำหนักอะไร ตรงกันข้ามประชาชนจะดูหมิ่นดูแคลนเอาด้วยซ้ำ ว่าเห็นว่าพวกเขาเป็นคนโง่กันทั้งหมดหรืออย่างไรจึงพูดจาทำนองนั้น เมื่อถามว่าที่ครม.มีมติอนุมัติงบพัฒนาจังหวัดตรังกว่า 2,400 ล้านบาท นายบัญญัติ กล่าวว่านี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งทั้งหมดทำไปบนพื้นฐานของทัศนคติของนายกฯที่มีความรู้สึกว่าเงินใช้ซื้ออะไรก็ได้ แต่คนที่ตามการเมืองจะรู้สึกว่าทำไมเป็นรัฐบาลมาเกือบ 4 ปีแล้วไม่คิดทำมาคิดทำวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ใกล้เลือกตั้งและทำในลักษณะที่ว่าถ้ากลับมาจึงจะทำให้ ‘ผมคิดว่าหลายเรื่องที่มีลักษณะให้คำมั่นสัญญาหรือจูงใจให้มีการลงคะแนนเสียงทั้งนั้น ผมถึงอยากเรียกร้องกกต.อีกครั้งว่าให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเมื่อเห็นอะไรที่ไม่น่าจะถูกกฎหมายก็ควรเข้าไปตรวจสอบ อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เราปรารถนา คืออย่างกกต.เจอใครก็ตามที่ดำเนินการในลักษณะอย่างนั้นไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนใหญ่คนโตแค่ไหนก็ตาม นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมติครม.ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่าถ้าเป็นลักษณะการให้คำมั่นสัญญาอย่างชัดเจนก็ถือว่าผิด แต่ถ้าเป็นมติครม.ที่สืบเนื่องมาจากเรื่องเก่าที่มีการดำเนินมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ถ้าเป็นโครบงการที่ทำขึ้นในรายวัน รายสัปดาห์ บนแผนงานประจำเดือนในลักษณะที่ทำขึ้นใหม่เพื่อการจูงใจโดยเฉพาะก็คิดว่าชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องให้คำมั่นสัญญา เมื่อถามว่าการที่นายกฯยกพลลงใต้จะกระทบต่อฐานเสียงใจพื้นที่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจะไม่มีผลเสียเลยที่เดียวก็เป็นไปไม่ได้ ตนคิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็คงต้องมีผลอยู่บ้าง แต่ผลนั้นจะจูงใจให้คนส่วนใหญ่คล้อยตามหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งประเด็นการเมืองอยู่ตรงนี้คนส่วนน้อยที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อถามว่านายกฯปราศรัยว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนักการเมืองอาชีพคงต้องรออีก 16 อีกถึงจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล นายบัญญัติ กล่าวว่าตนคิดว่าประชาชนมีเหตุผลว่าคำพูดไหนเชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้ และมีเหตุผลพิจารณาได้ว่าในการช้ำคพูดขอคนที่เป็นนายกฯบอกถึงวุฒิภาวะของนายกฯอยู่เหมือนกัน เมื่อถามว่าหากพรรคไทยรักไทยไม่มีส.ส.ในพื้นที่รัฐบาลก็จะพัฒนาจ.ตรังลำบาก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าตรงนี้ยิ่งไม่มีเหตุผลใหญ่เพราะส.ส.ไม่ใช่กลไกหลักในการพัฒนาตรงนั้นหากรัฐบาลจริงใจและตั้งใจจะพัฒนาจริงไม่ว่าจะมีหรือไม่มีส.ส.ก็ต้องพัฒนา เรื่องนี้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นเหตุผลจูงใจเพื่อคะแนนเสียง เป็นเรื่องที่กกต.ที่ต้องวางหลักเกณฑ์ออกมาเป็นบรรทัดฐานให้ประชาชนเห็น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-