วันนี้ ( 16 ธ.ค. 47 ) เวลา 12.00น. ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค 3 ท่าน คือ 1. นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 24 (พระโขนง -วัฒนา) 2.นายประพันธ์ ปุษยไพบูลย์ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 26 (มีนบุรี-คลองสามวา)และ 3.นายธัชพงศ์ ธรรมพุฒิพงศ์ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 27 (ธนบุรี)
ภายหลังจากการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรค นายองอาจ ยังได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาว่า ทางพรรคได้รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ในช่วง4ปีผ่านมา ซึ่งพบว่าสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็น รัฐบาลที่ “หนี้เต็มบ้าน คอรัปชั่นเต็มเมือง อบายมุยฟูเพื่อง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ และนายทุนใหญ่ฮุบแผ่นดิน ” ซึ่งพรรคได้จัดทำเอกสารที่รวบรวมสภาพปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้นโดยใช้ชื่อว่า “ทักษิณ กินเมือง” ในส่วนที่1.หนี้เต็มบ้าน หนี้สาธารณะเปรียบเทียบปี 2543 ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล กับปี2546ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ซึ่งผ่านมา 3 ปี หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นกว่า 1.2 แสนล้านบาท (ที่มา:สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง) หนี้ครัวเรือนในปี2543 อยู่ที่ 70,586 บาท มาในปี2547 หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 110,133 บาท คิดเป็นร้อยละ56 (ที่มา:หนังสือรู้ทันทักษิณ 2 ) และหนี้กองทุนหมู่บ้าน คือหนี้ที่มีปัญหาจากโครงการกองทุนหมู่บ้าน 41,929.29 ล้านบาท (ที่มา:การขึ้นทะเบียนคนจน กระทรวงมหาดไทย)
ส่วนที่2.คอรัปชั่นเต็มเมือง ตนคิดว่าไม่มียุคใดที่การคอรัปชั่นกลายเป็นสิ่งชอบธรรมและทำได้อย่างเปิดเผยเท่ากับรัฐบาลชุดนี้ การคอรัปชั่นเชิงนโยบายที่เกิดขึ้น อาทิ เรื่องที่บีโอไอ ยกเลิกภาษีให้บริษัทธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ 16,000 ล้านบาท การออก พ.ร.ก. ลดภาษีเอื้อธุรกิจโทรศัพท์มือถือมูลค่านับกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนั้นก็พบการทุจริตในกระทรวงสาธารณสุข คือโครงการประมูลคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาทโดยมีการเรียกค่าคอมมิสชั่นถึง 20%
ส่วนที่3 อบายมุขฟูเฟื่อง รัฐบาลชุดนี้เมื่อนโยบายล้มเหลวงบประมาณไม่เพียงพอ สิ่งที่นายกฯซีอีโอดำเนินการก็คือ ยกเว้นภาษีดาวเทียมไอพีสตาร์ และใช้วิธีหาเงินใหม่โดยการดูดเงินจากความหวังของคนจน เอาหวยใต้ดินที่ผิดกฎหมายมาเป็นหวยบนดินที่ถูกต้อง และยังมีโครงการที่จะสร้างศูนย์รวมความบันเทิงโดยมีบ่อนคาสิโนอยู่ด้วย ‘ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้เลิกบ่อนเบี้ยให้สิ้น เพราะทำให้ราษฎรเกิดความัวเมา ซึ่งจะนำไปสู่ความวิบัติในเรื่องส่วนตัว และส่วนความมั่นคงของประเทศ แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้สนใจปล่อยให้อบายมุขฟูเพื่อง’นายองอาจกล่าว
ส่วนที่ 4 บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ในส่วนนี้ก็คือเรื่องของเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะสามารถเปรียบเทียบได้จากปี 2540-2543 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีเหตุเกิดขึ้น 140 ครั้ง ในปี 2544-2547 รัฐบาลชุดนี้ เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด 723 ครั้ง เพิ่มขึ้นถึง 583 ครั้ง ซึ่งในปี 2547 เพียงปีเดียวเกิดเหตุการณ์ขึ้น 634 ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถิติในคดีทำร้ายร่างกาย การประทุษสลายก็เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรัฐบาลมัวแต่แสวยสุขอยู่แต่เรื่องตัวเลขการเติบโต แต่ลืมปัญหาสังคมอย่างนี้ประเทศชาติจะสงบสุขได้อย่างไร
และในส่วนสุดท้าย นายทุนใหญ่ฮุบแผ่นดิน โดยที่ล่าสุดก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าครอบครัวใดที่ร่ำรวยที่สุดเฉพาะเศรษฐีหุ้น และเมื่อมาดูรายได้รวมของกลุ่มชินคอร์ป ในปี2543มีรายได้ 55,848.3 ล้านบาท แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ในปี 2546 มีรายได้เพิ่มขึ้น 118,951.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 112%(ที่มา:ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ภายหลังจากการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรค นายองอาจ ยังได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาว่า ทางพรรคได้รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ในช่วง4ปีผ่านมา ซึ่งพบว่าสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็น รัฐบาลที่ “หนี้เต็มบ้าน คอรัปชั่นเต็มเมือง อบายมุยฟูเพื่อง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ และนายทุนใหญ่ฮุบแผ่นดิน ” ซึ่งพรรคได้จัดทำเอกสารที่รวบรวมสภาพปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้นโดยใช้ชื่อว่า “ทักษิณ กินเมือง” ในส่วนที่1.หนี้เต็มบ้าน หนี้สาธารณะเปรียบเทียบปี 2543 ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล กับปี2546ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ซึ่งผ่านมา 3 ปี หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นกว่า 1.2 แสนล้านบาท (ที่มา:สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง) หนี้ครัวเรือนในปี2543 อยู่ที่ 70,586 บาท มาในปี2547 หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 110,133 บาท คิดเป็นร้อยละ56 (ที่มา:หนังสือรู้ทันทักษิณ 2 ) และหนี้กองทุนหมู่บ้าน คือหนี้ที่มีปัญหาจากโครงการกองทุนหมู่บ้าน 41,929.29 ล้านบาท (ที่มา:การขึ้นทะเบียนคนจน กระทรวงมหาดไทย)
ส่วนที่2.คอรัปชั่นเต็มเมือง ตนคิดว่าไม่มียุคใดที่การคอรัปชั่นกลายเป็นสิ่งชอบธรรมและทำได้อย่างเปิดเผยเท่ากับรัฐบาลชุดนี้ การคอรัปชั่นเชิงนโยบายที่เกิดขึ้น อาทิ เรื่องที่บีโอไอ ยกเลิกภาษีให้บริษัทธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ 16,000 ล้านบาท การออก พ.ร.ก. ลดภาษีเอื้อธุรกิจโทรศัพท์มือถือมูลค่านับกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนั้นก็พบการทุจริตในกระทรวงสาธารณสุข คือโครงการประมูลคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาทโดยมีการเรียกค่าคอมมิสชั่นถึง 20%
ส่วนที่3 อบายมุขฟูเฟื่อง รัฐบาลชุดนี้เมื่อนโยบายล้มเหลวงบประมาณไม่เพียงพอ สิ่งที่นายกฯซีอีโอดำเนินการก็คือ ยกเว้นภาษีดาวเทียมไอพีสตาร์ และใช้วิธีหาเงินใหม่โดยการดูดเงินจากความหวังของคนจน เอาหวยใต้ดินที่ผิดกฎหมายมาเป็นหวยบนดินที่ถูกต้อง และยังมีโครงการที่จะสร้างศูนย์รวมความบันเทิงโดยมีบ่อนคาสิโนอยู่ด้วย ‘ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้เลิกบ่อนเบี้ยให้สิ้น เพราะทำให้ราษฎรเกิดความัวเมา ซึ่งจะนำไปสู่ความวิบัติในเรื่องส่วนตัว และส่วนความมั่นคงของประเทศ แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้สนใจปล่อยให้อบายมุขฟูเพื่อง’นายองอาจกล่าว
ส่วนที่ 4 บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ในส่วนนี้ก็คือเรื่องของเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะสามารถเปรียบเทียบได้จากปี 2540-2543 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีเหตุเกิดขึ้น 140 ครั้ง ในปี 2544-2547 รัฐบาลชุดนี้ เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด 723 ครั้ง เพิ่มขึ้นถึง 583 ครั้ง ซึ่งในปี 2547 เพียงปีเดียวเกิดเหตุการณ์ขึ้น 634 ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถิติในคดีทำร้ายร่างกาย การประทุษสลายก็เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรัฐบาลมัวแต่แสวยสุขอยู่แต่เรื่องตัวเลขการเติบโต แต่ลืมปัญหาสังคมอย่างนี้ประเทศชาติจะสงบสุขได้อย่างไร
และในส่วนสุดท้าย นายทุนใหญ่ฮุบแผ่นดิน โดยที่ล่าสุดก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าครอบครัวใดที่ร่ำรวยที่สุดเฉพาะเศรษฐีหุ้น และเมื่อมาดูรายได้รวมของกลุ่มชินคอร์ป ในปี2543มีรายได้ 55,848.3 ล้านบาท แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ในปี 2546 มีรายได้เพิ่มขึ้น 118,951.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 112%(ที่มา:ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-