กรุงเทพ--17 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ (16 ธันวาคม 2547) นาย George Yeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สิงคโปร์ได้เข้าพบและหารือกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการหารือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสรุปได้ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับสิงคโปร์ เป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและท่าที การมองสถานการณ์ระหว่างประเทศของทั้งสองฝ่ายมีความคล้ายคลึงกันเกือบทุกเรื่อง และมีความร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อผลักดันให้อาเซียนมีความก้าวหน้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ รวมทั้งกรอบอาเซียน+3 และกรอบ ACD และสิงคโปร์เป็นประเทศที่สนับสนุนการสมัครในตำแหน่งเลขาธิการ สหประชาชาติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยด้วย
2. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบ CSEP (Civil Service Exchange Programme) ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างข้าราชการพลเรือนระดับสูงของไทยและสิงคโปร์ ซึ่งกรอบความร่วมมือ CSEP ช่วยทำให้รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันในเรื่องต่างๆ และสามารถผลักดันให้มีความร่วมมือใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นกรอบความร่วมมือและหารือของทุกหน่วยงาน
3. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับกรอบการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย- สิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Eeconomic Relationship - STEER) ซึ่งมีความร่วมมือในหลาย ๆ ด้านโดยประเด็นที่ฝ่ายไทยได้ขอให้สิงคโปร์เร่งรัดคือการขอให้สิงคโปร์รับรองผลิตภัณฑ์สุกรที่ไทยส่งออกไปสิงคโปร์ เพื่อให้การส่งออกมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น รวมทั้งเสนอจัดทำข้อตกลงร่วมกันในการรับรองมาตรฐานสินค้าระหว่างกันในสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งในส่วนของไทยหากสามารถทำข้อตกลงในเรื่องนี้ได้เร็วก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าประเภทเกษตรและอาหารได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งฝ่ายสิงคโปร์ได้แสดงความเห็นด้วยในเรื่องนี้และต้องการให้ความตกลงฉบับนี้ครอบคลุมสินค้าประเภทต่างๆ มากที่สุด ขณะนี้ ฝ่ายไทยได้ส่งเรื่องนี้ให้สิงคโปร์พิจารณาแล้ว และหวังว่าฝ่ายสิงคโปร์จะเร่งพิจารณาเพื่อให้บรรลุข้อตกลงโดยเร็ว
4. ในวันที่ 27 ธันวาคม 2547 ทั้งสองประเทศกำหนดจะลงนามบันทึกข้อตกลง เปิดเสรีบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศระหว่างไทยกับสิงคโปร์ โดยที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้มีการเปิดเสรีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศแล้ว การเปิดเสรีทางการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศของสองประเทศดังกล่าวจะเป็นแบบอย่างให้กับประเทศในอาเซียนต่อไป ซึ่งฝ่ายสิงคโปร์แจ้งว่าในบรรดาประเทศในอาเซียนมีเที่ยวบินจากสิงคโปร์มาไทยมากที่สุด ดังนั้น บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวจะส่งเสริมให้มีการขยายเที่ยวบินของประเทศทั้งสอง รวมทั้งจะส่งผลต่อการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวไทยด้วย
5. ฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นการพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูต ไทยในสิงคโปร์ ที่ถนน Orchard ขึ้นหารือกับฝ่ายสิงคโปร์ด้วย โดยรัฐบาลไทยมีโครงการจะพัฒนาที่ดินดังกล่าวส่วนหนึ่งในเชิงพาณิชย์เป็นอาคารพาณิชย์และไทยพลาซา สำหรับอีกส่วนหนึ่งก็ยังเป็นที่ทำการและที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ ฝ่ายไทยจึงต้องการให้ฝ่ายสิงคโปร์อำนวยความสะดวก เพื่อให้โครงการพัฒนาที่ดินดังกล่าวเดินหน้าต่อไป ในการนี้ ฝ่ายสิงคโปร์ได้แสดงความเห็นด้วยและว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ใจกลางเมืองสิงคโปร์จึงประสงค์จะให้ไทยพัฒนาที่ดินดังกล่าว ให้เป็นจุดเด่นสำหรับสิงคโปร์และเพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของไทยในใจกลางเมืองสิงคโปร์ด้วย
6. นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการเยือนของผู้นำของทั้งสองประเทศ โดยที่ผ่านมานายโก๊ะ จ๊ก ตง อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ทำงานร่วมกันอย่างดี และฝ่ายสิงคโปร์แจ้งว่าอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ก็ได้แสดงความชื่นชมนายกรัฐมนตรีของไทย นอกจากนั้น นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ปัจจุบันและนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีอาวุโสของสิงคโปร์ เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนไทย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีของสิงคโปร์กำลังจะเดินทางเยือนไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเดือนมกราคม 2548 นี้ การเยือนไทยของบรรดาผู้นำสิงคโปร์ดังกล่าวแสดงถึงความรู้จักสนิทสนมระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศที่ใกล้ชิดอย่างมาก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวานนี้ (16 ธันวาคม 2547) นาย George Yeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สิงคโปร์ได้เข้าพบและหารือกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการหารือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสรุปได้ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับสิงคโปร์ เป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและท่าที การมองสถานการณ์ระหว่างประเทศของทั้งสองฝ่ายมีความคล้ายคลึงกันเกือบทุกเรื่อง และมีความร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อผลักดันให้อาเซียนมีความก้าวหน้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ รวมทั้งกรอบอาเซียน+3 และกรอบ ACD และสิงคโปร์เป็นประเทศที่สนับสนุนการสมัครในตำแหน่งเลขาธิการ สหประชาชาติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยด้วย
2. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบ CSEP (Civil Service Exchange Programme) ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างข้าราชการพลเรือนระดับสูงของไทยและสิงคโปร์ ซึ่งกรอบความร่วมมือ CSEP ช่วยทำให้รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันในเรื่องต่างๆ และสามารถผลักดันให้มีความร่วมมือใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นกรอบความร่วมมือและหารือของทุกหน่วยงาน
3. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับกรอบการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย- สิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Eeconomic Relationship - STEER) ซึ่งมีความร่วมมือในหลาย ๆ ด้านโดยประเด็นที่ฝ่ายไทยได้ขอให้สิงคโปร์เร่งรัดคือการขอให้สิงคโปร์รับรองผลิตภัณฑ์สุกรที่ไทยส่งออกไปสิงคโปร์ เพื่อให้การส่งออกมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น รวมทั้งเสนอจัดทำข้อตกลงร่วมกันในการรับรองมาตรฐานสินค้าระหว่างกันในสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งในส่วนของไทยหากสามารถทำข้อตกลงในเรื่องนี้ได้เร็วก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าประเภทเกษตรและอาหารได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งฝ่ายสิงคโปร์ได้แสดงความเห็นด้วยในเรื่องนี้และต้องการให้ความตกลงฉบับนี้ครอบคลุมสินค้าประเภทต่างๆ มากที่สุด ขณะนี้ ฝ่ายไทยได้ส่งเรื่องนี้ให้สิงคโปร์พิจารณาแล้ว และหวังว่าฝ่ายสิงคโปร์จะเร่งพิจารณาเพื่อให้บรรลุข้อตกลงโดยเร็ว
4. ในวันที่ 27 ธันวาคม 2547 ทั้งสองประเทศกำหนดจะลงนามบันทึกข้อตกลง เปิดเสรีบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศระหว่างไทยกับสิงคโปร์ โดยที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้มีการเปิดเสรีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศแล้ว การเปิดเสรีทางการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศของสองประเทศดังกล่าวจะเป็นแบบอย่างให้กับประเทศในอาเซียนต่อไป ซึ่งฝ่ายสิงคโปร์แจ้งว่าในบรรดาประเทศในอาเซียนมีเที่ยวบินจากสิงคโปร์มาไทยมากที่สุด ดังนั้น บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวจะส่งเสริมให้มีการขยายเที่ยวบินของประเทศทั้งสอง รวมทั้งจะส่งผลต่อการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวไทยด้วย
5. ฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นการพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูต ไทยในสิงคโปร์ ที่ถนน Orchard ขึ้นหารือกับฝ่ายสิงคโปร์ด้วย โดยรัฐบาลไทยมีโครงการจะพัฒนาที่ดินดังกล่าวส่วนหนึ่งในเชิงพาณิชย์เป็นอาคารพาณิชย์และไทยพลาซา สำหรับอีกส่วนหนึ่งก็ยังเป็นที่ทำการและที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ ฝ่ายไทยจึงต้องการให้ฝ่ายสิงคโปร์อำนวยความสะดวก เพื่อให้โครงการพัฒนาที่ดินดังกล่าวเดินหน้าต่อไป ในการนี้ ฝ่ายสิงคโปร์ได้แสดงความเห็นด้วยและว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ใจกลางเมืองสิงคโปร์จึงประสงค์จะให้ไทยพัฒนาที่ดินดังกล่าว ให้เป็นจุดเด่นสำหรับสิงคโปร์และเพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของไทยในใจกลางเมืองสิงคโปร์ด้วย
6. นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการเยือนของผู้นำของทั้งสองประเทศ โดยที่ผ่านมานายโก๊ะ จ๊ก ตง อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ทำงานร่วมกันอย่างดี และฝ่ายสิงคโปร์แจ้งว่าอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ก็ได้แสดงความชื่นชมนายกรัฐมนตรีของไทย นอกจากนั้น นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ปัจจุบันและนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีอาวุโสของสิงคโปร์ เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนไทย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีของสิงคโปร์กำลังจะเดินทางเยือนไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเดือนมกราคม 2548 นี้ การเยือนไทยของบรรดาผู้นำสิงคโปร์ดังกล่าวแสดงถึงความรู้จักสนิทสนมระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศที่ใกล้ชิดอย่างมาก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-