กรุงเทพ--20 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ (17 ธันวาคม 2547) ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางกลับจากจังหวัดเชียงรายและได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สนามบิน ขสทบ. เกี่ยวกับผลการหารืออย่างเป็นทางการกับนาย George Yeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 ที่กระทรวงการต่างประเทศและการหารืออย่างไม่เป็นทางการที่จังหวัดเชียงราย สรุปสาระได้ดังนี้
1. โครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือนไทย-สิงคโปร์ (CSEP) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันให้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมบทบาทและความร่วมมือของมหาวิทยาลัย ในการทำวิจัยร่วมกันทางด้าน ICT, Biotechnology, Bioinformatic, Bio-Engineering ซึ่งสิงคโปร์มีความเชี่ยวชาญด้านนี้
2. ความร่วมมือในกรอบการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สิงคโปร์ (STEER)
ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการเร่งรัดให้สิงคโปร์รับรองมาตรฐานการส่งออกสินค้าภาคการเกษตรระหว่างกันที่ฝ่ายไทยได้ดำเนินการไปบ้างแล้วในเรื่องของผลิตภัณฑ์สุกร โดยฝ่ายไทยประสงค์จะให้สิงคโปร์รับรองมาตรฐานฟาร์มสุกรในไทยเพิ่มขึ้นอีก เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งสินค้าไปยังสิงคโปร์ และจะช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่ยอมรับของตลาดอื่นๆ เช่น EU ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เนื่องจากเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าสิงคโปร์มีมาตรฐานการส่งออกที่สูง
3. ความร่วมมือกรอบอาเซียน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าเพื่อให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น ตามหลัก 2x2 ดังนั้น ประเทศใดประสงค์จะเข้าร่วมในความตกลงของอาเซียนก็สามารถกระทำได้ ซึ่งจะช่วยให้การรวมตัวของอาเซียนสำเร็จเร็วขึ้นจากกำหนดเดิมในปี ค.ศ. 2020 มาเป็นปี ค.ศ. 2012 เนื่องจากกำหนดเวลาการจัดทำ FTA ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเร็วกว่ากำหนดเวลาของอาเซียน เช่น FTA อาเซียน-จีน กำหนดไว้ในปี ค.ศ. 2010 อาเซียน-ญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 2011 และอาเซียน-เกาหลีใต้ ปี ค.ศ. 2009 ดังนั้น อาเซียนจึงจำเป็นต้องร่นกำหนดเวลาให้เร็วขึ้น หรืออย่างน้อยให้กำหนดเวลาสอดคล้องกับการรวมตัวประเทศนอกอาเซียน และจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในเดือนมีนาคม 2548
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East-Asia Summit ) โดยไทยเห็นพ้องกับสิงคโปร์ว่าอินเดียควรเป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันออก เพื่อทำให้เกิดเสาหลัก 3 เสา คือ อาเซียน จีน/ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้ และอินเดีย อันจะช่วยให้เป็นเอเชียตะวันออกในกรอบที่ใหญ่ขึ้น
สำหรับความร่วมมือในการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมนั้น ฝ่ายสิงคโปร์สนใจจะร่วมเป็นหุ้นส่วนกับไทยในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีความสำคัญต่อเส้นทางคมนาคมจากสิงคโปร์ มาเลเซีย มายังไทย ซึ่งถือว่าเป็นแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสนี้ได้มีการหารือเรื่องพันธบัตรเอเชีย โดยสิงคโปร์ให้การสนับสนุนพันธบัตรเอเชีย และเห็นว่าการดำเนินงานต่างๆ ของ ACD จะนำไปสู่การเป็นประชาคมเอเชียได้ในที่สุด
ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับพลเอกตาน ฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของ (SPDC) ในโอกาสการเดินทางเยือนไปร่วมการประชุมพุทธศาสนาโลกที่พม่าเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่าบุคคลทั้งสองได้หารือกันอย่างตรงไปตรงมาในทุกๆ เรื่อง โดยนายกรัฐมนตรีไทยได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามแผน Roadmap ซึ่ง พล.อ.ตาน ฉ่วยได้ขอให้ไทยเชื่อมั่นว่าพม่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ และได้แจ้งให้ทราบถึงผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลพม่าและพรรค NLD ที่มีขึ้นกว่า 3 ครั้ง ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบว่าพร้อมที่จะเป็นผู้จัดการประชุมระหว่างประเทศเมื่อพม่าพร้อมที่จะชี้แจงความคืบหน้าเรื่องนี้ให้ประชาคมโลกรับทราบ
สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียมักจะวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภาคใต้นั้น ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่าโดยมารยาทแล้ว พรรคการเมืองของประเทศหนึ่งไม่สมควรจะแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์การเมืองภายในของประเทศอื่น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ (17 ธันวาคม 2547) ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางกลับจากจังหวัดเชียงรายและได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สนามบิน ขสทบ. เกี่ยวกับผลการหารืออย่างเป็นทางการกับนาย George Yeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 ที่กระทรวงการต่างประเทศและการหารืออย่างไม่เป็นทางการที่จังหวัดเชียงราย สรุปสาระได้ดังนี้
1. โครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือนไทย-สิงคโปร์ (CSEP) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันให้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมบทบาทและความร่วมมือของมหาวิทยาลัย ในการทำวิจัยร่วมกันทางด้าน ICT, Biotechnology, Bioinformatic, Bio-Engineering ซึ่งสิงคโปร์มีความเชี่ยวชาญด้านนี้
2. ความร่วมมือในกรอบการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สิงคโปร์ (STEER)
ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการเร่งรัดให้สิงคโปร์รับรองมาตรฐานการส่งออกสินค้าภาคการเกษตรระหว่างกันที่ฝ่ายไทยได้ดำเนินการไปบ้างแล้วในเรื่องของผลิตภัณฑ์สุกร โดยฝ่ายไทยประสงค์จะให้สิงคโปร์รับรองมาตรฐานฟาร์มสุกรในไทยเพิ่มขึ้นอีก เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งสินค้าไปยังสิงคโปร์ และจะช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่ยอมรับของตลาดอื่นๆ เช่น EU ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เนื่องจากเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าสิงคโปร์มีมาตรฐานการส่งออกที่สูง
3. ความร่วมมือกรอบอาเซียน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าเพื่อให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น ตามหลัก 2x2 ดังนั้น ประเทศใดประสงค์จะเข้าร่วมในความตกลงของอาเซียนก็สามารถกระทำได้ ซึ่งจะช่วยให้การรวมตัวของอาเซียนสำเร็จเร็วขึ้นจากกำหนดเดิมในปี ค.ศ. 2020 มาเป็นปี ค.ศ. 2012 เนื่องจากกำหนดเวลาการจัดทำ FTA ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเร็วกว่ากำหนดเวลาของอาเซียน เช่น FTA อาเซียน-จีน กำหนดไว้ในปี ค.ศ. 2010 อาเซียน-ญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 2011 และอาเซียน-เกาหลีใต้ ปี ค.ศ. 2009 ดังนั้น อาเซียนจึงจำเป็นต้องร่นกำหนดเวลาให้เร็วขึ้น หรืออย่างน้อยให้กำหนดเวลาสอดคล้องกับการรวมตัวประเทศนอกอาเซียน และจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในเดือนมีนาคม 2548
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East-Asia Summit ) โดยไทยเห็นพ้องกับสิงคโปร์ว่าอินเดียควรเป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันออก เพื่อทำให้เกิดเสาหลัก 3 เสา คือ อาเซียน จีน/ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้ และอินเดีย อันจะช่วยให้เป็นเอเชียตะวันออกในกรอบที่ใหญ่ขึ้น
สำหรับความร่วมมือในการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมนั้น ฝ่ายสิงคโปร์สนใจจะร่วมเป็นหุ้นส่วนกับไทยในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีความสำคัญต่อเส้นทางคมนาคมจากสิงคโปร์ มาเลเซีย มายังไทย ซึ่งถือว่าเป็นแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสนี้ได้มีการหารือเรื่องพันธบัตรเอเชีย โดยสิงคโปร์ให้การสนับสนุนพันธบัตรเอเชีย และเห็นว่าการดำเนินงานต่างๆ ของ ACD จะนำไปสู่การเป็นประชาคมเอเชียได้ในที่สุด
ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับพลเอกตาน ฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของ (SPDC) ในโอกาสการเดินทางเยือนไปร่วมการประชุมพุทธศาสนาโลกที่พม่าเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่าบุคคลทั้งสองได้หารือกันอย่างตรงไปตรงมาในทุกๆ เรื่อง โดยนายกรัฐมนตรีไทยได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามแผน Roadmap ซึ่ง พล.อ.ตาน ฉ่วยได้ขอให้ไทยเชื่อมั่นว่าพม่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ และได้แจ้งให้ทราบถึงผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลพม่าและพรรค NLD ที่มีขึ้นกว่า 3 ครั้ง ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบว่าพร้อมที่จะเป็นผู้จัดการประชุมระหว่างประเทศเมื่อพม่าพร้อมที่จะชี้แจงความคืบหน้าเรื่องนี้ให้ประชาคมโลกรับทราบ
สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียมักจะวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภาคใต้นั้น ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่าโดยมารยาทแล้ว พรรคการเมืองของประเทศหนึ่งไม่สมควรจะแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์การเมืองภายในของประเทศอื่น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-