นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่าในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค.47) ที่สนามไทยญี่ปุ่น-ดินแดง เวลา 14.00 น.พรรคประชาธิปัตย์ จะเปิดผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้งหมด 37 เขต พร้อมกันนี้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคฯ จะกล่าวปราศรัยเปิดแนวนโยบายใหม่ ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่เกิดจาการวิเคราะห์วิจัยศึกษา และสอบถามประชาชน ถึงความต้องการและปัญหาต่าง จนประมวลมาเป็นนโยบายของพรรค และที่สคัญแนวนโยบายของพรรคจะไม่ใช่เชิงประชานิยม เป็นนโยบายที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตระยะยาว
กรณีที่นายกฯ ปราศรัยพลาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์หลายเรื่อง ที่สำคัญคือที่บอกว่า ‘ไม่จำเป็นต้องไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทราบว่าจะทวงคืนประเทศไทยไปให้ใคร’ นายองอาจกล่าวชี้แจงว่าตนอยากกล่าวถึงสื่อมวลงชนผ่านไปยังนายกฯว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความจำเป็นต้องทวงคืนประเทศไทย เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี ประเทศไทยถูกผูกขาดอำนาจรัฐ อำนาจเศรษฐกิจ โดยบุคคลกลุ่มดียวคือกลุ่มคนที่ครองอำนาจบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
พรรคประชาธิปัตย์มีความจำเป็นต้องทวงประเทศไทยคืนมาให้ประชาชน สิ่งที่ต้องทวงคืนคือ 1.ความสุจริต เพราะตลอด4 ปี มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทุจริตเชิงนโยบาย และเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดที่มีเรื่องการทุจริตมากเท่ารัฐบาลชุดนี้ 2.ทวงคืนเศรษฐกิจพอเพียงกลับคืนมาให้กับสังคม เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกลายเป็นเศรษฐกิจฟุ้มเฟ้อ โดยใช้เงินเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหาประเทศ 3. ทวงคืนคุณธรรมศีลธรรมอันดีของประเทศไทยคืนมา เพราะไม่เคยมียุคใดที่คุณธรรม จริยธรรมเสื่อมลงขนาดนี้ กล่าวคือมีซีดี ลามกอนาจารทั่วเมือง 4.ทวงคืนอำนาจอธิปไตยของประมาชนคืนมาให้ประชาชน เพราะรัฐบาลนำเอาอำนาจเบ็ดเสร็จมาใช้จน ไม่เหลือความเป็นอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย
ส่วนที่นายกฯออกมาเรียกร้องไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ซีเรียสกับคำปราศรัยของนายกฯนั้น และขอให้มีอารมณ์ขัน พรรคอยากจะบอกว่าหลายเรื่องที่นายกฯกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ขำไม่ได้ เพราะเป็นการปราสรัยในข่ายสัญญา หรือเชิงขู่ว่าไม่เลือกพรรคไทยรักไทย ประชาชนในจังหวัดนั้นจะไม่ได้รับงบประมาร เป็นต้น ตนเห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าขำ เพื่อเป็นการต่อรองเชิงบังคับไปในตัว
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ทำงานบวนพื้นฐานของความโลภะ โทสะ หรือ โมหะ อย่างที่นายกฯกล่าวอ้าง แต่พรรคประชาธิปัตย์ทุกคนทำงานตามภาระหน้าที่ ในฐานะพรรคการเมือง ในฐานะที่เป็นส.ส.ซึ่งมีภาระหน้าที่ต่างๆ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
กรณีที่นายกฯ ปราศรัยพลาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์หลายเรื่อง ที่สำคัญคือที่บอกว่า ‘ไม่จำเป็นต้องไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทราบว่าจะทวงคืนประเทศไทยไปให้ใคร’ นายองอาจกล่าวชี้แจงว่าตนอยากกล่าวถึงสื่อมวลงชนผ่านไปยังนายกฯว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความจำเป็นต้องทวงคืนประเทศไทย เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี ประเทศไทยถูกผูกขาดอำนาจรัฐ อำนาจเศรษฐกิจ โดยบุคคลกลุ่มดียวคือกลุ่มคนที่ครองอำนาจบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
พรรคประชาธิปัตย์มีความจำเป็นต้องทวงประเทศไทยคืนมาให้ประชาชน สิ่งที่ต้องทวงคืนคือ 1.ความสุจริต เพราะตลอด4 ปี มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทุจริตเชิงนโยบาย และเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดที่มีเรื่องการทุจริตมากเท่ารัฐบาลชุดนี้ 2.ทวงคืนเศรษฐกิจพอเพียงกลับคืนมาให้กับสังคม เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกลายเป็นเศรษฐกิจฟุ้มเฟ้อ โดยใช้เงินเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหาประเทศ 3. ทวงคืนคุณธรรมศีลธรรมอันดีของประเทศไทยคืนมา เพราะไม่เคยมียุคใดที่คุณธรรม จริยธรรมเสื่อมลงขนาดนี้ กล่าวคือมีซีดี ลามกอนาจารทั่วเมือง 4.ทวงคืนอำนาจอธิปไตยของประมาชนคืนมาให้ประชาชน เพราะรัฐบาลนำเอาอำนาจเบ็ดเสร็จมาใช้จน ไม่เหลือความเป็นอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย
ส่วนที่นายกฯออกมาเรียกร้องไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ซีเรียสกับคำปราศรัยของนายกฯนั้น และขอให้มีอารมณ์ขัน พรรคอยากจะบอกว่าหลายเรื่องที่นายกฯกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ขำไม่ได้ เพราะเป็นการปราสรัยในข่ายสัญญา หรือเชิงขู่ว่าไม่เลือกพรรคไทยรักไทย ประชาชนในจังหวัดนั้นจะไม่ได้รับงบประมาร เป็นต้น ตนเห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าขำ เพื่อเป็นการต่อรองเชิงบังคับไปในตัว
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ทำงานบวนพื้นฐานของความโลภะ โทสะ หรือ โมหะ อย่างที่นายกฯกล่าวอ้าง แต่พรรคประชาธิปัตย์ทุกคนทำงานตามภาระหน้าที่ ในฐานะพรรคการเมือง ในฐานะที่เป็นส.ส.ซึ่งมีภาระหน้าที่ต่างๆ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-