เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ (18 ธ.ค.47) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตในคณะกรรมกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า ในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 10.00 น. จะเปิดแถลงข่าวจัดลำดับโครงการทุจริตในปี 2547 จำนวน 10 โครงการ และในวันที่ 25 ธ.ค. จะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการทุจริตในรอบ 4 ปีของการบริหารประเทศภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และล่าสุดคณะทำงานฯได้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลโครงการแทรกแซงราคาข้าวในฤดู2547/2548 ที่บริษัทเพรสซิเดนท์ อกริ เทรดดิ้ง จำกัด ประมูลได้ไปบริษัทเดียวในการส่งออกนอกประเทศ แต่ปรากฎว่าส่งออกในช่วงเดือนต.ค. 2547 ไป2.8 แสนตัน จากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าส่งออกไปแค่ 7 หมื่นตันเท่านั้น ดังนั้นข้าว 2.1 แสนตันหายไปไหน คงเป็นการส่งออกลม น่าสงสัยทุจริตเอาข้าวเก่ามาหมุนเวียนแทนเป็นข้าวรับจำนำมาเวียนเทียนข้าวใหม่ เรื่องนี้ต้องมีไอ้โม้งอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ใกล้จะเห็นไอ้โมงว่าเป็นใครแล้ว แต่การตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ของกระทรวงพาณิชย์กลับให้นายปานปรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์มาเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน ตั้งคนใกล้ชิดนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พาณิชย์ ตั้งแบบนี้จะไปตรวจสอบอะไร จึงขอให้รัฐบาลชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตวิปฝ่ายค้าน แถลงกรณีกระทรวงต่างประเทศได้ดำเนินโครงการผลิตหนังสือเดินทางอิเลคทรอนิกส์ หรือ อีพาสปอร์ต จำนวน 7 ล้านเล่ม โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 10 ปี ตั้งราคากลางไว้ที่ 1,000 บาท จากการฟังข้อมูลชี้แจงของกระทรวงต่างประเทศโดยคณะกรรมการประมูลโครงการนี้มีลักษณะกลบเกลือน บิดเบือนข้อเท็จจริง มีการส่อพิรุธเจตนาที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะในประเด็นที่อ้างว่าประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก คิดค่าบริการทำอีพาสปอร์ตฉบับละ 1,040 บาทนั้น ถือว่าเป็นการเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง เพราะค่าบริการ 1,040 บาท ไม่ใช่เป็นค่าผลิตอีพาสปอร์ต นอกจากนี้เหตุผลในการให้คะแนนของผู้เข้าร่วมประกวดราคาโดยอ้างถึงการเสนอจำนวนเครื่องในการผลิตอีพาสปอร์ตมากกว่ารายอื่นจึงได้คะแนนมากกว่านั้นเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงครั้งนี้กำหนดชัดเจนว่าผู้ผลิตจะต้องผลิตไม่น้อยกว่าจำนวนเท่าใดภายในระยะเวลาที่กำหนด เรื่องนี้เป้นความรับผิดชอบของบริษัทผู้ผลิต มันไม่เกี่ยวกับการอ้างถึงจำนวนเครื่องว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน แต่มันขึ้นกับจำนวนเล่มว่าจะผลิตได้ตามที่ทำข้อตกลงกันไว้หรือไม่ ทั้งนี้ยังทราบว่ากรประกวดราคาเรื่องนี้ยังใช้กรรมการแค่ชุดเดียว ในการทำหน้าที่ทั้งการประมูล การพิจารณาเทคนิค และผลของการประมูล ทั้งๆ ที่โครงการนี้ควรใช้ความรอบครอบ ถือเป็นการตั้งคณะกรรมการแบบรวบหัวรวบหางเพียงชุดเดียว ขณะนี้คณะทำงานได้ทำหนังสือไปถึงทางการสวีเดนและเดนมาร์กเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงในสัญญาการว่าจ้างการผลิตอีพาสปอร์ต ของ 2 ประเทศว่ามีราคาเท่าไหร่ ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือราคาการผลิตอีพาสปอร์ตที่สูงเกินจริงกว่า 3 พันล้านบาทนี้ ถือเป็นภาระที่ประชาชนไม่ควรแบกรับ ทางคณะทำงานฯ จึงเห็นควรที่จะยื่นเรื่องนี้ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและใช้อำนาจขอหลักฐานจากกระทรวงต่างประเทศเพื่อชี้ให้สังคมเห้นว่าโครงกรนี้ไม่โปร่งใส
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตวิปฝ่ายค้าน แถลงกรณีกระทรวงต่างประเทศได้ดำเนินโครงการผลิตหนังสือเดินทางอิเลคทรอนิกส์ หรือ อีพาสปอร์ต จำนวน 7 ล้านเล่ม โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 10 ปี ตั้งราคากลางไว้ที่ 1,000 บาท จากการฟังข้อมูลชี้แจงของกระทรวงต่างประเทศโดยคณะกรรมการประมูลโครงการนี้มีลักษณะกลบเกลือน บิดเบือนข้อเท็จจริง มีการส่อพิรุธเจตนาที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะในประเด็นที่อ้างว่าประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก คิดค่าบริการทำอีพาสปอร์ตฉบับละ 1,040 บาทนั้น ถือว่าเป็นการเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง เพราะค่าบริการ 1,040 บาท ไม่ใช่เป็นค่าผลิตอีพาสปอร์ต นอกจากนี้เหตุผลในการให้คะแนนของผู้เข้าร่วมประกวดราคาโดยอ้างถึงการเสนอจำนวนเครื่องในการผลิตอีพาสปอร์ตมากกว่ารายอื่นจึงได้คะแนนมากกว่านั้นเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงครั้งนี้กำหนดชัดเจนว่าผู้ผลิตจะต้องผลิตไม่น้อยกว่าจำนวนเท่าใดภายในระยะเวลาที่กำหนด เรื่องนี้เป้นความรับผิดชอบของบริษัทผู้ผลิต มันไม่เกี่ยวกับการอ้างถึงจำนวนเครื่องว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน แต่มันขึ้นกับจำนวนเล่มว่าจะผลิตได้ตามที่ทำข้อตกลงกันไว้หรือไม่ ทั้งนี้ยังทราบว่ากรประกวดราคาเรื่องนี้ยังใช้กรรมการแค่ชุดเดียว ในการทำหน้าที่ทั้งการประมูล การพิจารณาเทคนิค และผลของการประมูล ทั้งๆ ที่โครงการนี้ควรใช้ความรอบครอบ ถือเป็นการตั้งคณะกรรมการแบบรวบหัวรวบหางเพียงชุดเดียว ขณะนี้คณะทำงานได้ทำหนังสือไปถึงทางการสวีเดนและเดนมาร์กเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงในสัญญาการว่าจ้างการผลิตอีพาสปอร์ต ของ 2 ประเทศว่ามีราคาเท่าไหร่ ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือราคาการผลิตอีพาสปอร์ตที่สูงเกินจริงกว่า 3 พันล้านบาทนี้ ถือเป็นภาระที่ประชาชนไม่ควรแบกรับ ทางคณะทำงานฯ จึงเห็นควรที่จะยื่นเรื่องนี้ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและใช้อำนาจขอหลักฐานจากกระทรวงต่างประเทศเพื่อชี้ให้สังคมเห้นว่าโครงกรนี้ไม่โปร่งใส
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-