นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯทักษิณ ลงหาพื้นที่หาเสียง และได้ประกาศเป้าหมาย ส.ส.กรุงเทพฯของพรรคทรท.จากที่ได้ 28 ที่นั่งและจะกวาดอีก 9 เขตของปชป.ให้ครบทั้ง 37 เขต ซึ่งทางพรรคเห็นว่า การเคลื่อนไหวของทั้ง 9 เขตที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นเจ้าของพื้นที่นั้น ยอมรับว่าทั้ง 9 เขตที่นายกฯตั้งเป้าประกาศไว้ ได้มีความพยายามทำทุกอย่างลงไปในพื้นที่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน และการดำเนินการของพรรคทรท.บางส่วนก็เห็นว่า เป็นการกระทำที่เสี่ยงและอาจจะละเมิดหรือผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่พรรคทรท.ไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด ยังคงมุ่งที่จะยึด 9 เขตในกรุงเทพฯให้ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
นายองอาจ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของพรรคปชป.ที่เป็นเจ้าของพื้นที่คงไม่มีวิธีการพิเศษใดๆ เพราะการทำงานของส.ส. สาขาพรรค ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในฐานะเป็นส.ส.ให้ดีที่สุด ทั้งในระดับพื้นที่และระดับชาติ ซึ่งทางพรรคเห็นว่า ทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีส่วนในการช่วยในการตัดสินใจของประชาชนในการที่จะสนับสนุนส.ส.ของพรรคปชป.ต่อไป
ส่วนกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคทรท.ประกาศว่า ส.ส.ของพรรคปชป.ทางภาคอีสานจะสูญพันธุ์ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ ตนคิดว่า นายเสนาะมีสิทธิ์ที่จะประกาศความมั่นใจและปลุกใจผู้สมัครให้มีขวัญและกำลังใจ แต่ในขณะนี้ผู้สมัครส.ส.ของทรท.ทางภาคอีสานเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ความนิยมของพรรคและตัวส.ส.ก็เปลี่ยนไป ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นก็คือ การที่มีข่าวออกมาระบุว่า พรรคทรท.จะเปลี่ยนตัวผู้สมัครในหลายๆ เขต แต่ไม่กล้าบอกว่าจะเปลี่ยนมากขนาดไหน บอกแต่เพียงว่าเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘ถ้าพรรคไทยรักไทยมั่นใจในภาคอีสานก็ไม่ควรเปลี่ยนผู้สมัครจะได้พิสูจน์ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสูญพันธ์ในภาคอีสานตามที่นายเสนาะประกาศไว้หรือไม่แพราะจากการลงพื้นที่ ทั้งคาราวานประชาธิปไตยและมินิคาราวานและการลงพื้นที่นับปี เชื่อว่าคงไม่สูญพันธ์ ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนคงบอกไม่ได้และผู้สมัครของพรรคมั่นใจเนื่องจากมีกระแส ตอบรับดีขึ้นตามลำดับไม่มีสัญญาณว่าจะสูญพันธ์’ นายองอาจ กล่าว
นอกจากนี้นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลพยายามใช้โครงการต่างๆ ในการไปประกาศว่าจะดำเนินการหรือจัดการให้ในปี 2548 หลังจากเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ตนคิดว่า ขณะนี้รัฐบาลได้พยายามที่จะใช้อสม.เกือบล้านคนในประเทศไทย ที่จะนำเบี้ยเลี้ยงยังชีพไปให้ผู้สูงอายุ ที่จะนำการบริการด้านสาธารณะด้านต่างๆ ไปแจกจ่าย ตนคิดว่า เป็นวิธีการที่ใช้ความเป็นรัฐบาลนำโครงการไปถึงมือประชาชน ซึ่งไม่มีเจตนาแค่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนเท่านั้น แต่เป็นโครงการที่หวังผลสร้างคะแนนเสียงในการเลือกตั้งค่อนข้างชัดเจน และเป็นการใช้อำนาจรัฐที่มีอยู่ผ่านโครงการเพื่อผลของการเลือกตั้ง อย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำมาก่อน พรรคปชป.เชื่อมั่นว่า ในหลายรัฐบาลที่ผ่านมานั้นเขาไม่คิดเอารัดเอาเปรียบการเมืองอื่น แต่คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสม มารยาททางการเมือง เราจึงไม่เห็นพรรคการเมืองในอดีตกระทำการเหมือนอย่างรัฐบาลปัจจุบันทำอยู่ เรียกว่าเป็นการใช้ “อำนาจนิยม” เพื่อที่จะให้ได้เสียงมากที่สุด และกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ตามยุทธศาสตร์ 400 เสียง ซึ่งกกต.จะต้องเข้าไปตรวจสอบ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำโพลสำรวจความคิดเห็นของ ประชาชนในกทม.โดยพบว่าส.ส.ของพรรคจะได้รับเลือก 20 ที่นั่ง นายองอาจ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริงและพรรคไม่เคยทำโพล โดยเฉพาะที่มีข่าวว่าเขตที่จะไม่ได้ รับเลือกตั้งพรรคจะไม่จริงจังนั้น ขอเรียนว่าทั้ง 37 เขต พรรคเอาจริงเอาจังพร้อมลงสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มที่ไม่ใช่มุ่งหรือละเลยบางเขต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายองอาจ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของพรรคปชป.ที่เป็นเจ้าของพื้นที่คงไม่มีวิธีการพิเศษใดๆ เพราะการทำงานของส.ส. สาขาพรรค ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในฐานะเป็นส.ส.ให้ดีที่สุด ทั้งในระดับพื้นที่และระดับชาติ ซึ่งทางพรรคเห็นว่า ทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีส่วนในการช่วยในการตัดสินใจของประชาชนในการที่จะสนับสนุนส.ส.ของพรรคปชป.ต่อไป
ส่วนกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคทรท.ประกาศว่า ส.ส.ของพรรคปชป.ทางภาคอีสานจะสูญพันธุ์ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ ตนคิดว่า นายเสนาะมีสิทธิ์ที่จะประกาศความมั่นใจและปลุกใจผู้สมัครให้มีขวัญและกำลังใจ แต่ในขณะนี้ผู้สมัครส.ส.ของทรท.ทางภาคอีสานเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ความนิยมของพรรคและตัวส.ส.ก็เปลี่ยนไป ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นก็คือ การที่มีข่าวออกมาระบุว่า พรรคทรท.จะเปลี่ยนตัวผู้สมัครในหลายๆ เขต แต่ไม่กล้าบอกว่าจะเปลี่ยนมากขนาดไหน บอกแต่เพียงว่าเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘ถ้าพรรคไทยรักไทยมั่นใจในภาคอีสานก็ไม่ควรเปลี่ยนผู้สมัครจะได้พิสูจน์ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสูญพันธ์ในภาคอีสานตามที่นายเสนาะประกาศไว้หรือไม่แพราะจากการลงพื้นที่ ทั้งคาราวานประชาธิปไตยและมินิคาราวานและการลงพื้นที่นับปี เชื่อว่าคงไม่สูญพันธ์ ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนคงบอกไม่ได้และผู้สมัครของพรรคมั่นใจเนื่องจากมีกระแส ตอบรับดีขึ้นตามลำดับไม่มีสัญญาณว่าจะสูญพันธ์’ นายองอาจ กล่าว
นอกจากนี้นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลพยายามใช้โครงการต่างๆ ในการไปประกาศว่าจะดำเนินการหรือจัดการให้ในปี 2548 หลังจากเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ตนคิดว่า ขณะนี้รัฐบาลได้พยายามที่จะใช้อสม.เกือบล้านคนในประเทศไทย ที่จะนำเบี้ยเลี้ยงยังชีพไปให้ผู้สูงอายุ ที่จะนำการบริการด้านสาธารณะด้านต่างๆ ไปแจกจ่าย ตนคิดว่า เป็นวิธีการที่ใช้ความเป็นรัฐบาลนำโครงการไปถึงมือประชาชน ซึ่งไม่มีเจตนาแค่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนเท่านั้น แต่เป็นโครงการที่หวังผลสร้างคะแนนเสียงในการเลือกตั้งค่อนข้างชัดเจน และเป็นการใช้อำนาจรัฐที่มีอยู่ผ่านโครงการเพื่อผลของการเลือกตั้ง อย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำมาก่อน พรรคปชป.เชื่อมั่นว่า ในหลายรัฐบาลที่ผ่านมานั้นเขาไม่คิดเอารัดเอาเปรียบการเมืองอื่น แต่คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสม มารยาททางการเมือง เราจึงไม่เห็นพรรคการเมืองในอดีตกระทำการเหมือนอย่างรัฐบาลปัจจุบันทำอยู่ เรียกว่าเป็นการใช้ “อำนาจนิยม” เพื่อที่จะให้ได้เสียงมากที่สุด และกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ตามยุทธศาสตร์ 400 เสียง ซึ่งกกต.จะต้องเข้าไปตรวจสอบ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำโพลสำรวจความคิดเห็นของ ประชาชนในกทม.โดยพบว่าส.ส.ของพรรคจะได้รับเลือก 20 ที่นั่ง นายองอาจ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริงและพรรคไม่เคยทำโพล โดยเฉพาะที่มีข่าวว่าเขตที่จะไม่ได้ รับเลือกตั้งพรรคจะไม่จริงจังนั้น ขอเรียนว่าทั้ง 37 เขต พรรคเอาจริงเอาจังพร้อมลงสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มที่ไม่ใช่มุ่งหรือละเลยบางเขต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-