พี่น้องประชาชน และเพื่อนพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่รักทั้งหลาย
สี่ปีที่ผ่านมาประเทศไทย สังคมไทย คนไทย ต้องเผชิญกับรัฐบาลที่มีผู้นำประเทศที่บริหารแบบไม่ฟังใคร
ใช้การบริหารแบบอำนาจนิยม ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
เป็นยุคที่มีการอุ้ม ฆ่า และฆ่าตัดตอน ใช้ความรุนแรงแบบเหวี่ยงแหจนกลายเป็นการรังแกประชาชน ก่อให้เกิดปัญหารุนแรงเป็นทวีคูณ
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกวันนี้จึงน่าเป็นห่วงว่า นายกรัฐมนตรีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้การบริหารแบบอำนาจนิยมเช่นนี้จะทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติขยายวงบานปลายออกไปอย่างหาจุดจบไม่ได้
เป็นยุคที่มีการใช้กลไกของรัฐ เข้าไปข่มขู่คุกคาม กลั่นแกล้งผู้ที่มีความคิดแตกต่างจากนายกรัฐมนตรีหรือคนในรัฐบาลอยู่เนืองๆ
มีการครอบงำองค์กรอิสระ แทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน ปิดหูปิดตาประชาชน
ด่าทอนักวิชาการ เล่นพรรคเล่นพวกตั้งญาติพี่น้องเข้าไปคุมกลไกของรัฐ อย่างเบ็ดเสร็จ
พี่น้องครับ
ไม่มียุคใดสมัยใดที่บ้านเมืองมีบรรยากาศเป็นเผด็จการ มีผู้นำเหลิงอำนาจ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย จนถูกประณามทั้งในและต่างประเทศมาหลายครั้งหลายคราว
ถึงเวลาแล้วครับที่เราต้องลุกขึ้นมาปฏิเสธผู้นำแบบ “อำนาจนิยม”
พรรคประชาธิปัตย์จะหยุดระบบเผด็จการ ที่กำลังถูกสถาปนาขึ้นมาใหม่
เราจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากจนมิอาจตรวจสอบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้
เราจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มิให้มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ เพื่อสถาปนาอำนาจเผด็จการของฝ่ายการเมือง
เราจะปฏิรูปสื่อเพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้มีการปิดหูปิดตาประชาชน
เราจะสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อร่วมกันตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างแท้จริงภายใต้แนวความคิด “รัฐบาลเล็กลง ประชาชนใหญ่ขึ้น”
พี่น้องครับ
สี่ปีที่ผ่านมา ยังเป็นสี่ปีแห่งการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เลวร้ายยุคหนึ่งของประเทศไทย
คนในรัฐบาล และเครือญาติต่างมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย โครงการใหญ่ๆแทบทุกโครงการต่างมีการเรียกรับผลประโยชน์จนมีการกล่าวขาน มีการตั้งสมญานามรัฐมนตรีบางคนว่าเป็น “มิสเตอร์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างเข้มแข็งและมีหลักฐานมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีเสียงไม่มากเพียงพอ ทำให้ไม่สามารถจัดการกับรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมดังกล่าวได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม่มีเสียงมากพอที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ผมกล้ารับรองครับว่าถ้าเรามีเสียงมากเพียงพอนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร จะต้องถูกกระชากหน้ากากออกมาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องใด อย่างไร ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
พี่น้องครับ
พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า เราจะล้างการทุจริตให้สิ้นซาก โดยเฉพาะยี่สิบห้าโครงการ มูลค่ากว่าสี่แสนล้านบาท ที่เคยขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว รวมทั้งโครงการที่รัฐบาลนี้ได้ทิ้งทวนไว้ก่อนหมดอายุการบริหารประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
พี่น้องทั้งหลายครับ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ
เรื่องที่นายกรัฐมนตรีคนนี้คุยหนักคุยหนาว่าจะทำให้คนจนหมดประเทศใน สี่ปีข้างหน้านี้ แต่ทราบไหมครับว่า
สี่ปีบนการบริหารประเทศของนายกทักษิณ ได้สร้างหนี้ให้กับคนไทยมากมายมหาศาลแค่ไหน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
สี่ปีที่ผ่านมาประเทศไทย สังคมไทย คนไทย ต้องเผชิญกับรัฐบาลที่มีผู้นำประเทศที่บริหารแบบไม่ฟังใคร
ใช้การบริหารแบบอำนาจนิยม ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
เป็นยุคที่มีการอุ้ม ฆ่า และฆ่าตัดตอน ใช้ความรุนแรงแบบเหวี่ยงแหจนกลายเป็นการรังแกประชาชน ก่อให้เกิดปัญหารุนแรงเป็นทวีคูณ
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกวันนี้จึงน่าเป็นห่วงว่า นายกรัฐมนตรีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้การบริหารแบบอำนาจนิยมเช่นนี้จะทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติขยายวงบานปลายออกไปอย่างหาจุดจบไม่ได้
เป็นยุคที่มีการใช้กลไกของรัฐ เข้าไปข่มขู่คุกคาม กลั่นแกล้งผู้ที่มีความคิดแตกต่างจากนายกรัฐมนตรีหรือคนในรัฐบาลอยู่เนืองๆ
มีการครอบงำองค์กรอิสระ แทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน ปิดหูปิดตาประชาชน
ด่าทอนักวิชาการ เล่นพรรคเล่นพวกตั้งญาติพี่น้องเข้าไปคุมกลไกของรัฐ อย่างเบ็ดเสร็จ
พี่น้องครับ
ไม่มียุคใดสมัยใดที่บ้านเมืองมีบรรยากาศเป็นเผด็จการ มีผู้นำเหลิงอำนาจ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย จนถูกประณามทั้งในและต่างประเทศมาหลายครั้งหลายคราว
ถึงเวลาแล้วครับที่เราต้องลุกขึ้นมาปฏิเสธผู้นำแบบ “อำนาจนิยม”
พรรคประชาธิปัตย์จะหยุดระบบเผด็จการ ที่กำลังถูกสถาปนาขึ้นมาใหม่
เราจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากจนมิอาจตรวจสอบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้
เราจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มิให้มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ เพื่อสถาปนาอำนาจเผด็จการของฝ่ายการเมือง
เราจะปฏิรูปสื่อเพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้มีการปิดหูปิดตาประชาชน
เราจะสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อร่วมกันตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างแท้จริงภายใต้แนวความคิด “รัฐบาลเล็กลง ประชาชนใหญ่ขึ้น”
พี่น้องครับ
สี่ปีที่ผ่านมา ยังเป็นสี่ปีแห่งการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เลวร้ายยุคหนึ่งของประเทศไทย
คนในรัฐบาล และเครือญาติต่างมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย โครงการใหญ่ๆแทบทุกโครงการต่างมีการเรียกรับผลประโยชน์จนมีการกล่าวขาน มีการตั้งสมญานามรัฐมนตรีบางคนว่าเป็น “มิสเตอร์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างเข้มแข็งและมีหลักฐานมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีเสียงไม่มากเพียงพอ ทำให้ไม่สามารถจัดการกับรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมดังกล่าวได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม่มีเสียงมากพอที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ผมกล้ารับรองครับว่าถ้าเรามีเสียงมากเพียงพอนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร จะต้องถูกกระชากหน้ากากออกมาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องใด อย่างไร ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
พี่น้องครับ
พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า เราจะล้างการทุจริตให้สิ้นซาก โดยเฉพาะยี่สิบห้าโครงการ มูลค่ากว่าสี่แสนล้านบาท ที่เคยขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว รวมทั้งโครงการที่รัฐบาลนี้ได้ทิ้งทวนไว้ก่อนหมดอายุการบริหารประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
พี่น้องทั้งหลายครับ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ
เรื่องที่นายกรัฐมนตรีคนนี้คุยหนักคุยหนาว่าจะทำให้คนจนหมดประเทศใน สี่ปีข้างหน้านี้ แต่ทราบไหมครับว่า
สี่ปีบนการบริหารประเทศของนายกทักษิณ ได้สร้างหนี้ให้กับคนไทยมากมายมหาศาลแค่ไหน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-