สินค้าวัสดุก่อสร้าง:
การส่งออกวัสดุก่อสร้างในเดือนพศจิกายนมีมูลค่าการส่งออก 322.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนตุลาคมปี 2547 ร้อยละ 14.85 คาดว่าการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2547 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยโดยมีมูลค่า 337.398 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้าง:
การส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างระยะ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) 2547 มีมูลค่าการส่งออก 3,474.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 39.13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 มูลค่าการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศแถบเอเชียได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และกลุ่มประเทศในเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญมีการขยายตัวทางอุตสาหกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นช่วงส่งมอบของเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในช่วงปลายปี ส่วนตลาดสำคัญเช่น จีนมีการใช้มาตรการต่างๆเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจส่งผลให้การนำเข้าผลิตภัณฑ์และสินค้าทุนลดลง สำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ผู้ผลิตรายใหญ่มีแนวโน้มลดปริมาณการส่งออกลง ผู้ประกอบการหันมาเน้นการขยายตลาดในประเทศมากขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากการขยายตัวของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สมาคมธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ(NABE)คาดการณ์ว่าในช่วงปี2548 ระดับราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวลงเหลือบาร์เรลละ35เหรียญสหรัฐ ดังนั้นจะส่งผลดีต่อการส่งออก เนื่องจากทำให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งลดลง
เป้าหมายการส่งออกปี 2547:
มูลค่า 3,030 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2546
เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์:
การส่งออกเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการส่งออก 217.52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนตุลาคม 2547 ร้อยละ 17.4 คาดว่าการส่งออกเหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ในเดือนธันวาคมมีการขยายตัวมีมูลค่า 234.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออก เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์:
การส่งออกเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ระยะ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พต.ย.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 2,281.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 คาดว่าการส่งออกในไตรมาสที่สี่จะมีการชลอตัวเนื่องจากภาวะความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการนำเข้าสินค้าเหล็กในตลาดสหรัฐและญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากโรงงานในประเทศไม่สามารถผลิตให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศได้
เป้าหมายการส่งออกปี 2547:
มูลค่า 2,028 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2546
ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม:
การส่งออกผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการส่งออก 45.16 หรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนกันยายนปี 2547 ร้อยละ 6.88 คาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมในเดือนธันวาคมจะมีมูลค่า 45.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออก ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม:
การส่งออกผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมระยะ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 454.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 303.43 ล้านเหรียญสหรัฐ
คาดการณ์ว่าการส่งออกไตรมาสที่สี่จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับสินค้าเหล็กในอัตราที่ชลอตัวลง โดยเฉพาะตลาดแถบเอเชียได้แก่ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกงและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญและมีการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายการส่งออกปี 2547:
มูลค่า406 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2546
ปูนซีเมนต์:
การส่งออกปูนซีเมนต์ในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการส่งออก 21.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนตุลาคมปี 2547 ร้อยละ 1.30 คาดว่าการส่งออกปูนซีเมนต์ในเดือนธันวาคมมีมูลค่า 21.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออกปูนซีเมนต์:
การส่งออกปูนซีเมนต์ระยะ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 287.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 ซึ่งมีมูลค่า 275.81 ล้านเหรียญสหรัฐ
เป้าหมายการส่งออกปี 2547:
มูลค่า 318 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2546 (ประมาณ 10 ล้านเมตริกตัน)
โพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิว:
การส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิวในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการส่งออก 10.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปี 2547 คาดว่าการส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิวในเดือนธันวาคมมีมูลค่า 10.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิว:
การส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิวระยะ 11 เดือนแรก (ม.ค.- พ.ย.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 128.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
เป้าหมายการส่งออกปี 2547:
มูลค่า 117 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2546
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-