นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่น เนื่องจากปัจจุบันยอดคงค้างของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ได้มีการปรับลดลงมาเป็นลำดับ แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง จึงยังมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออกไปอีก 2 ปี โดยมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มากขึ้น ในขณะที่สิทธิประโยชน์เดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2547
สำหรับมาตรการที่เสนอมีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ที่เกิดจากการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
2. ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.01 แทนที่จะจัดเก็บในอัตราร้อยละ 2
3. กำหนดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์อีก 2 ปี
- ปี 2548 ยกเว้นภาษีอากรและลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในลักษณะเช่นเดียวกับการให้สิทธิประโยชน์ในปีที่ผ่านมา
- ปี 2549 ยกเว้นเฉพาะภาษีที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่วนค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้จัดเก็บในอัตราปกติ
- ปี 2550 จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอัตราปกติ
4. กำหนดขอบเขตของหนี้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ ต้องเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มีอยู่ ณ วันที่ 31ธันวาคม 2547 เพื่อให้การแก้ไขปัญหานี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อันเนื่องมาจากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังคงค้างอยู่ในระบบเศรษฐกิจมีเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีความเห็นเพิ่มเติมว่า สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในวันนี้ มีแนวทางการให้สิทธิประโยชน์โดยมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้มีการขยายระยะเวลามาแล้วถึง 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งควรจะเป็นครั้งสุดท้าย โดยเพิ่มเงื่อนไขให้เข้มงวดขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มากขึ้น ในขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะมีมาตรการที่จะกระตุ้นให้สถาบันการเงินดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เร็วขึ้นด้วย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 104/2547 21ธันวาคม 2547--
สำหรับมาตรการที่เสนอมีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ที่เกิดจากการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
2. ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.01 แทนที่จะจัดเก็บในอัตราร้อยละ 2
3. กำหนดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์อีก 2 ปี
- ปี 2548 ยกเว้นภาษีอากรและลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในลักษณะเช่นเดียวกับการให้สิทธิประโยชน์ในปีที่ผ่านมา
- ปี 2549 ยกเว้นเฉพาะภาษีที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่วนค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้จัดเก็บในอัตราปกติ
- ปี 2550 จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอัตราปกติ
4. กำหนดขอบเขตของหนี้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ ต้องเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มีอยู่ ณ วันที่ 31ธันวาคม 2547 เพื่อให้การแก้ไขปัญหานี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อันเนื่องมาจากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังคงค้างอยู่ในระบบเศรษฐกิจมีเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีความเห็นเพิ่มเติมว่า สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในวันนี้ มีแนวทางการให้สิทธิประโยชน์โดยมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้มีการขยายระยะเวลามาแล้วถึง 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งควรจะเป็นครั้งสุดท้าย โดยเพิ่มเงื่อนไขให้เข้มงวดขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มากขึ้น ในขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะมีมาตรการที่จะกระตุ้นให้สถาบันการเงินดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เร็วขึ้นด้วย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 104/2547 21ธันวาคม 2547--