ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวง การคลัง เกี่ยวกับมาตรการภาษี ในการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการออมระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้มีเงินได้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียณอายุ ตลอดจนเพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีดอกเบี้ยเงินฝากให้แก่ผู้อยู่ในวัยดังกล่าว โดยกฎหมายจะมีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2548 เป็นต้นไป ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษี
2. ผู้มีเงินได้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าวต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ทั้งนี้เพื่อให้มีความ ต่อเนื่องกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวที่ผ่านมา
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมข้างต้น นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระภาษีให้กับผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ให้มีรายได้จากการออมเงินเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารในบัญชีประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปมากขึ้น อันจะส่งผลให้มีการออมในระยะยาวเพิ่มขึ้น และเป็นผลดีต่อการลงทุนของประเทศ นอกจากนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมีการออมต่อเนื่องไปสู่ช่วงหลังเกษียณอายุ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ผู้อยู่ในวัยหลังเกษียณที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยเป็นหลัก
สำหรับผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลนั้น จะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนภาษีที่จัดเก็บได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการออมทั้งระบบ อย่างไรก็ดีผลของมาตรการจะช่วยให้เกิดการขยายตัวด้านการออมระยะยาวและการลงทุนในภาพรวม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บภาษีและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาวต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 105/2547 21ธันวาคม 2547--
1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษี
2. ผู้มีเงินได้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าวต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ทั้งนี้เพื่อให้มีความ ต่อเนื่องกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวที่ผ่านมา
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมข้างต้น นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระภาษีให้กับผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ให้มีรายได้จากการออมเงินเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารในบัญชีประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปมากขึ้น อันจะส่งผลให้มีการออมในระยะยาวเพิ่มขึ้น และเป็นผลดีต่อการลงทุนของประเทศ นอกจากนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมีการออมต่อเนื่องไปสู่ช่วงหลังเกษียณอายุ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ผู้อยู่ในวัยหลังเกษียณที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยเป็นหลัก
สำหรับผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลนั้น จะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนภาษีที่จัดเก็บได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการออมทั้งระบบ อย่างไรก็ดีผลของมาตรการจะช่วยให้เกิดการขยายตัวด้านการออมระยะยาวและการลงทุนในภาพรวม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บภาษีและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาวต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 105/2547 21ธันวาคม 2547--