“ชวน”กรีดแหลก รับเป็นสัปเหร่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจสมัยบิ๊กจิ๋ว-ทักษิณเป็นรัฐบาล โต้ตรวจสอบสถาบันการเงินคนในรัฐบาลทรท. พัวพันเอาทรัพย์สินด้อยคุณภาพขายฝรั่งราคาถูก ‘ส.ส.พิษณุโลก’ จวกทรท.สร้างปัญหาทุจริตให้ชาติ 26 แสนล้าน
วันที่ (21 ธ.ค. 47) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ปราศรัยหาเสียงโดยเปรียบพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเป็นสัปเหร่อว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงว่ารัฐบาลก่อนคือประชาธิปัตย์คิดแบบสัปเหร่อ คือเอาไปเผา ตนขอเท้าความว่านายกฯอาจจำคลาดเคลื่อน หรือจำได้ แต่พูดไม่ครบถ้วน ช่วงที่ผ่านมาประชาธิปัตย์เข้าไปแก้ปัญหาเรื่องหนี้เสีย เป็นช่วงเกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกฯ ดังนั้นต้องอย่าลืม และการแก้ปัญหาของรัฐบาลขณะนั้น คือเปลี่ยนระบบค่าเงินบาท ทำให้ค่าเงินอ่อนลงมากเกินกว่าที่รัฐบาลคาดหมาย ทำให้ธุรกิจสถาบันการเงินมีปัญหา เพราะกู้เงินจากต่างประเทศ ในที่สุดเงินสำรองระหว่างประเทศก็หมดไปเกือบเกลี้ยง เหลือแค่ 800 ล้านเหรียญ จนรัฐบาลขอความช่วยเหลือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในที่สุดไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ พล.อ.ชวลิตจึงยกรัฐบาลลาออก แต่ก่อนที่จะออกพล.อ.ชวลิต บอกว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนคนไข้ตายแน่นอนแล้ว เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศก็หมดเกลี้ยง
นายชวน กล่าวต่อว่า เมื่อประชาธิปัตย์บริหารต่อในช่วงที่พล.อ.ชวลิต และพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนคนไข้ตายแน่นอนแล้ว จึงคาดว่าใครมารับช่วงต้องเป็นสัปเหร่อ แต่พรรคประชาธิปัตย์สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ในระยะ 3 ปี ทำให้คนไข้ที่คิดว่าตายแน่นอนแล้ว ไม่ได้ตาย แต่สามารถฟื้นคืนสถานะให้เข้มแข็งขึ้นมาอีก แม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่พวกเรายอมรับว่าพ้นจากสภาพวิกฤตมาได้ และเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 800 ล้านเหรียญ เป็น 32,000 ล้านเหรียญ พ.ต.ท.ทักษิณอย่าลืมว่าวันที่ประชาธิปัตย์พ้นภาระรัฐบาล และไทยัรกไทยเข้ามารับช่วงต่อ ต่างจากที่ประชาธิปัตย์รับช่วงจากรัฐบาลพวกท่าน และทำให้ไทยรักไทยสามารทำงานต่อได้มาถึงปัจจุบันนี้ แต่ถ้าไทยรักไทยรับช่วงในตอนที่เงินสำรองระหว่างประเทศเหลือ 800 ล้านเหรียญ อย่างประชาธิปัตย์รับตนไม่แน่ใจว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร
“ผมไม่อยากเท้าความเรื่องนี้ แต่เพื่อให้ประชาชนเข้าใจสิ่งที่นายกฯพูดเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้คิดเป็นสัปเหร่อ ท่านเองคิดว่าคนมารับช่วงต่อจากท่านเป็นสัปเหร่อ เพราะคิดว่าตายแล้ว แต่ว่าจะเรียกเราว่าอะไรก็ตาม แต่ในที่สุดเราก็สามารถพาชาติพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ถ้าไม่ใช่ประชาธิปัตย์ทำไว้ตอนนั้น ผมก็ไม่เชื่อว่านายกฯจะสามารถมีพื้นฐานการแกปัญหาได้อย่างทุกวันนี้ เช่น กฎหมายที่พวกท่านบอกว่าเป็นกฎหมายขายชาติ จนวันนี้ 4 ปี แล้ว ก็ไม่เห็นยกเลิก ก็อาศัยใบบุญเหล่านี้มาแก้ปัญหา ดังนั้นท่านอย่าไปเรียกเขาว่าสัปเหร่อ เพราะเขาได้ทำหน้าที่แก้ปัญหามาอย่างดี”นายชวนกล่าว
นายชวน กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายกฯพูดนั้นต้องเข้าใจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไม่เหมือนกัน ฝ่ายค้านไม่ใช่มีหน้าที่ด่า แต่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ คือการพูด อยากให้นายกฯเข้าใจบทบาทของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย นายกฯพูดอะไร บางคนอาจเข้าใจว่าพูดเพราะความรู้อย่างแท้จริง ก็อาจหลงเชื่อเข้าใจผิดตามไปด้วย ถ้ารัฐบาลไม่เข้าใจหน้าที่มองว่าคนที่ไม่ได้ทำงานบริหารเป็นพวกถ่วง พวกคอยป่วน พวกสร้างปัญหา อย่างนี้คือความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง ส่วนที่นายกฯระบุว่าประชาธิปัตย์เป็นเซียนการเมืองถ้าคำดังกล่าวหมายถึงคนที่รอบรู้การเมือง และปฏิบัติตามกติการอย่างเคร่งครัด ตนคิดว่าประชาธิปัตย์มีคุณสมบัตินี้ไม่เล่นนอกกติกา ไม่เคยแทรกแซงองค์กรอิสระ ไม่เคยหนีการประชุมสภา ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่า 2 คนของประชาธิปัตย์ก็ป่วนสภาได้นั้น ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะบทบาทในสภาสมาชิกมีสิทธิ์เสนอนับองค์ประชุม เพราะเห็นว่ารัฐบาลมี 300 กว่าคน แต่ประชุมไม่ถึงร้อยคน แต่นับคะแนนออกมามี 300 กว่าเสียงทุกครั้ง จึงมีสิทธิ์สงสัย และในที่สุดยอมรับว่ามีการกดคะแนนแทนกัน จึงไม่ใช่เป็นการป่วนสภา แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบไม่ให้คะแนนในสภาบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงขอทำความเข้าใจไม่อยากให้คำพูดนายกฯสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน ขอเรียนว่า 4 ปี ที่ผ่านมา คนด่าเก่งที่สุดคือนายกฯทักษิณ ชอบด่าฝ่ายค้าน ด่าข้าราชการ ด่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ด่านักวิชาการ ด่าคนต่างๆ แต่ประชาธิปัตย์ไม่ใช่ด่า ส่วนใหญ่คือการอภิปรายตอบโต้ในสภา และชี้แจงสิ่งที่นายกฯพาดพิงถึง
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายกฯพูดหาเสียงที่จ.สมุทรปราการว่า เป็นคนรู้จักบุญคุณคน ที่ไหนเลือกไทยรักไทยทั้งหมดจะดูแลพื้นที่นั้นเป็นพิเศษว่า ขอย้ำว่ารัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ภาษีที่เก็บคนทั้งประเทศต้องพัฒนาอย่างยุติธรรม ไม่ใช่เงื่อนไขอยู่ที่เลือกไทยรักไทยน้อย ให้เงินพัฒนาน้อย เลือกมากก็ให้มาก ขอเตือนอย่าเอางบประมาณมาต่อรองสร้างเงื่อนไขกับประชาชน กกต.ได้ติงไว้แล้วนายกฯอย่าทำอะไรที่สร้างความสับสนเข้าใจผิด แม้วิธีนี้อาจช่วยให้ประชาชนหันมาเลือก แต่ขอให้เข้าใจว่าเป็นวิธีไม่ถูกต้อง คนที่คิดอย่านั้นไม่ควรทำงานการเมืองในระบบประชาธิปไตย ขณะนี้วิธีดังกล่าวรัฐบาลใช้อยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นต้องฟังกกต. แม้รัฐบาลจะถือว่ากกต.บางส่วนเป็นคนของรัฐบาล และเชื่อมั่นว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองรัฐบาลได้ แต่ไม่แน่เสมอไป ถ้าหากคนที่เข้าไปอยู่นั้นเกิดความสำนึกว่าต้องยึดหลักความถูกต้องเป็นหลัก องค์กรอิสระก็อาจวินิจฉัยด้วยความเป็นธรรมตรงไปตรงมา
นายชวน กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า รัฐบาลก่อนพยายามจัดตั้งแบงค์รัตนสิน แล้วเอาทัรพย์สินด้อยคุณภาพไปขายให้ฝรั่งราคาถูก แต่เอากลับมาขายคนไทยราคาแพงนั้น ตนไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่คิดว่ารัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ เพราะปกติไม่มีเรื่อง รัฐบาลก็พยายามหาเรื่องอยู่ ถ้ามีมูลควมจริง คนที่เกี่ยวข้องก็จะต้องรับผิดชอบ เพราะยังมีตัวตนอยู่ รมว.คลังขณะนั้น นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ก็ยังมีตัวตนอยู่
“เข้าใจว่ารัฐบาลคงสืบไม่ยาก เพราะสถาบันการเงินที่ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเหล่านี้ไม่ใช่แค่ฝรั่ง มีบริษัทสถาบันการเงินไทยด้วย และเข้าใจว่าบริษัทเหล่านั้นก็เป็นธุรกิจในครอบครัว ซึ่งร่วมอยู่ในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ ดังนั้นสามารถไปดูข้อเท็จจริงได้ว่าพฤติขณะนั้นจริงๆเป็นอย่างไร และตนคิดว่าคนในรัฐบาลก็สามารถให้ความจริงได้ อันนี้ตนคิดว่าต้องตรวจสอบถ้าเป็นพฤติกรรมอย่างที่นายกฯเข้าใจจริงๆ ต้องติดตามล่าตัวมาดำเนินการเอาโทษ”นายชวนกล่าว
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากคิดว่าจะให้ประชาธิปัตย์เป็นสัปเหร่อก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะทำเพื่อกุศลในเมื่อเศรษฐกิจเริ่มเน่า และศพจะลอยอืด เพราะทุกอย่างที่ซุกไว้ 3 ปี เริ่มอืดขึ้นมาแล้ว ทั้งหนี้ คนว่างงาน สินค้าราคาแพง และโครงการทุจริตทั้งหลาย นี่คือศพทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องมาเป็นสัปเหร่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ
“พรรคประชาธิปัตย์เป็นสัปเหร่อมาแล้วสองรอบ รอบที่พล.อ.ชวลิต นำประเทศไทยเข้ากู้เงินไอเอ็มเอฟ และในขณะนี้โครงการต่างๆของรัฐบาลมีผลต่อการสร้างหนี้ในอนาคตสูงถึง 26 แสนล้านบาท ถ้าไม่ยกเลิกโครงการปล่อยให้ทุจริตอาจจำเป็นที่ประชาธิปัตย์ต้องทำศพที่ไทยรักไทยทำไว้”นายจุติกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
วันที่ (21 ธ.ค. 47) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ปราศรัยหาเสียงโดยเปรียบพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเป็นสัปเหร่อว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงว่ารัฐบาลก่อนคือประชาธิปัตย์คิดแบบสัปเหร่อ คือเอาไปเผา ตนขอเท้าความว่านายกฯอาจจำคลาดเคลื่อน หรือจำได้ แต่พูดไม่ครบถ้วน ช่วงที่ผ่านมาประชาธิปัตย์เข้าไปแก้ปัญหาเรื่องหนี้เสีย เป็นช่วงเกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกฯ ดังนั้นต้องอย่าลืม และการแก้ปัญหาของรัฐบาลขณะนั้น คือเปลี่ยนระบบค่าเงินบาท ทำให้ค่าเงินอ่อนลงมากเกินกว่าที่รัฐบาลคาดหมาย ทำให้ธุรกิจสถาบันการเงินมีปัญหา เพราะกู้เงินจากต่างประเทศ ในที่สุดเงินสำรองระหว่างประเทศก็หมดไปเกือบเกลี้ยง เหลือแค่ 800 ล้านเหรียญ จนรัฐบาลขอความช่วยเหลือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในที่สุดไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ พล.อ.ชวลิตจึงยกรัฐบาลลาออก แต่ก่อนที่จะออกพล.อ.ชวลิต บอกว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนคนไข้ตายแน่นอนแล้ว เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศก็หมดเกลี้ยง
นายชวน กล่าวต่อว่า เมื่อประชาธิปัตย์บริหารต่อในช่วงที่พล.อ.ชวลิต และพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนคนไข้ตายแน่นอนแล้ว จึงคาดว่าใครมารับช่วงต้องเป็นสัปเหร่อ แต่พรรคประชาธิปัตย์สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ในระยะ 3 ปี ทำให้คนไข้ที่คิดว่าตายแน่นอนแล้ว ไม่ได้ตาย แต่สามารถฟื้นคืนสถานะให้เข้มแข็งขึ้นมาอีก แม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่พวกเรายอมรับว่าพ้นจากสภาพวิกฤตมาได้ และเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 800 ล้านเหรียญ เป็น 32,000 ล้านเหรียญ พ.ต.ท.ทักษิณอย่าลืมว่าวันที่ประชาธิปัตย์พ้นภาระรัฐบาล และไทยัรกไทยเข้ามารับช่วงต่อ ต่างจากที่ประชาธิปัตย์รับช่วงจากรัฐบาลพวกท่าน และทำให้ไทยรักไทยสามารทำงานต่อได้มาถึงปัจจุบันนี้ แต่ถ้าไทยรักไทยรับช่วงในตอนที่เงินสำรองระหว่างประเทศเหลือ 800 ล้านเหรียญ อย่างประชาธิปัตย์รับตนไม่แน่ใจว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร
“ผมไม่อยากเท้าความเรื่องนี้ แต่เพื่อให้ประชาชนเข้าใจสิ่งที่นายกฯพูดเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้คิดเป็นสัปเหร่อ ท่านเองคิดว่าคนมารับช่วงต่อจากท่านเป็นสัปเหร่อ เพราะคิดว่าตายแล้ว แต่ว่าจะเรียกเราว่าอะไรก็ตาม แต่ในที่สุดเราก็สามารถพาชาติพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ถ้าไม่ใช่ประชาธิปัตย์ทำไว้ตอนนั้น ผมก็ไม่เชื่อว่านายกฯจะสามารถมีพื้นฐานการแกปัญหาได้อย่างทุกวันนี้ เช่น กฎหมายที่พวกท่านบอกว่าเป็นกฎหมายขายชาติ จนวันนี้ 4 ปี แล้ว ก็ไม่เห็นยกเลิก ก็อาศัยใบบุญเหล่านี้มาแก้ปัญหา ดังนั้นท่านอย่าไปเรียกเขาว่าสัปเหร่อ เพราะเขาได้ทำหน้าที่แก้ปัญหามาอย่างดี”นายชวนกล่าว
นายชวน กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายกฯพูดนั้นต้องเข้าใจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไม่เหมือนกัน ฝ่ายค้านไม่ใช่มีหน้าที่ด่า แต่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ คือการพูด อยากให้นายกฯเข้าใจบทบาทของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย นายกฯพูดอะไร บางคนอาจเข้าใจว่าพูดเพราะความรู้อย่างแท้จริง ก็อาจหลงเชื่อเข้าใจผิดตามไปด้วย ถ้ารัฐบาลไม่เข้าใจหน้าที่มองว่าคนที่ไม่ได้ทำงานบริหารเป็นพวกถ่วง พวกคอยป่วน พวกสร้างปัญหา อย่างนี้คือความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง ส่วนที่นายกฯระบุว่าประชาธิปัตย์เป็นเซียนการเมืองถ้าคำดังกล่าวหมายถึงคนที่รอบรู้การเมือง และปฏิบัติตามกติการอย่างเคร่งครัด ตนคิดว่าประชาธิปัตย์มีคุณสมบัตินี้ไม่เล่นนอกกติกา ไม่เคยแทรกแซงองค์กรอิสระ ไม่เคยหนีการประชุมสภา ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่า 2 คนของประชาธิปัตย์ก็ป่วนสภาได้นั้น ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะบทบาทในสภาสมาชิกมีสิทธิ์เสนอนับองค์ประชุม เพราะเห็นว่ารัฐบาลมี 300 กว่าคน แต่ประชุมไม่ถึงร้อยคน แต่นับคะแนนออกมามี 300 กว่าเสียงทุกครั้ง จึงมีสิทธิ์สงสัย และในที่สุดยอมรับว่ามีการกดคะแนนแทนกัน จึงไม่ใช่เป็นการป่วนสภา แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบไม่ให้คะแนนในสภาบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงขอทำความเข้าใจไม่อยากให้คำพูดนายกฯสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน ขอเรียนว่า 4 ปี ที่ผ่านมา คนด่าเก่งที่สุดคือนายกฯทักษิณ ชอบด่าฝ่ายค้าน ด่าข้าราชการ ด่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ด่านักวิชาการ ด่าคนต่างๆ แต่ประชาธิปัตย์ไม่ใช่ด่า ส่วนใหญ่คือการอภิปรายตอบโต้ในสภา และชี้แจงสิ่งที่นายกฯพาดพิงถึง
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายกฯพูดหาเสียงที่จ.สมุทรปราการว่า เป็นคนรู้จักบุญคุณคน ที่ไหนเลือกไทยรักไทยทั้งหมดจะดูแลพื้นที่นั้นเป็นพิเศษว่า ขอย้ำว่ารัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ภาษีที่เก็บคนทั้งประเทศต้องพัฒนาอย่างยุติธรรม ไม่ใช่เงื่อนไขอยู่ที่เลือกไทยรักไทยน้อย ให้เงินพัฒนาน้อย เลือกมากก็ให้มาก ขอเตือนอย่าเอางบประมาณมาต่อรองสร้างเงื่อนไขกับประชาชน กกต.ได้ติงไว้แล้วนายกฯอย่าทำอะไรที่สร้างความสับสนเข้าใจผิด แม้วิธีนี้อาจช่วยให้ประชาชนหันมาเลือก แต่ขอให้เข้าใจว่าเป็นวิธีไม่ถูกต้อง คนที่คิดอย่านั้นไม่ควรทำงานการเมืองในระบบประชาธิปไตย ขณะนี้วิธีดังกล่าวรัฐบาลใช้อยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นต้องฟังกกต. แม้รัฐบาลจะถือว่ากกต.บางส่วนเป็นคนของรัฐบาล และเชื่อมั่นว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองรัฐบาลได้ แต่ไม่แน่เสมอไป ถ้าหากคนที่เข้าไปอยู่นั้นเกิดความสำนึกว่าต้องยึดหลักความถูกต้องเป็นหลัก องค์กรอิสระก็อาจวินิจฉัยด้วยความเป็นธรรมตรงไปตรงมา
นายชวน กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า รัฐบาลก่อนพยายามจัดตั้งแบงค์รัตนสิน แล้วเอาทัรพย์สินด้อยคุณภาพไปขายให้ฝรั่งราคาถูก แต่เอากลับมาขายคนไทยราคาแพงนั้น ตนไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่คิดว่ารัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ เพราะปกติไม่มีเรื่อง รัฐบาลก็พยายามหาเรื่องอยู่ ถ้ามีมูลควมจริง คนที่เกี่ยวข้องก็จะต้องรับผิดชอบ เพราะยังมีตัวตนอยู่ รมว.คลังขณะนั้น นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ก็ยังมีตัวตนอยู่
“เข้าใจว่ารัฐบาลคงสืบไม่ยาก เพราะสถาบันการเงินที่ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเหล่านี้ไม่ใช่แค่ฝรั่ง มีบริษัทสถาบันการเงินไทยด้วย และเข้าใจว่าบริษัทเหล่านั้นก็เป็นธุรกิจในครอบครัว ซึ่งร่วมอยู่ในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ ดังนั้นสามารถไปดูข้อเท็จจริงได้ว่าพฤติขณะนั้นจริงๆเป็นอย่างไร และตนคิดว่าคนในรัฐบาลก็สามารถให้ความจริงได้ อันนี้ตนคิดว่าต้องตรวจสอบถ้าเป็นพฤติกรรมอย่างที่นายกฯเข้าใจจริงๆ ต้องติดตามล่าตัวมาดำเนินการเอาโทษ”นายชวนกล่าว
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากคิดว่าจะให้ประชาธิปัตย์เป็นสัปเหร่อก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะทำเพื่อกุศลในเมื่อเศรษฐกิจเริ่มเน่า และศพจะลอยอืด เพราะทุกอย่างที่ซุกไว้ 3 ปี เริ่มอืดขึ้นมาแล้ว ทั้งหนี้ คนว่างงาน สินค้าราคาแพง และโครงการทุจริตทั้งหลาย นี่คือศพทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องมาเป็นสัปเหร่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ
“พรรคประชาธิปัตย์เป็นสัปเหร่อมาแล้วสองรอบ รอบที่พล.อ.ชวลิต นำประเทศไทยเข้ากู้เงินไอเอ็มเอฟ และในขณะนี้โครงการต่างๆของรัฐบาลมีผลต่อการสร้างหนี้ในอนาคตสูงถึง 26 แสนล้านบาท ถ้าไม่ยกเลิกโครงการปล่อยให้ทุจริตอาจจำเป็นที่ประชาธิปัตย์ต้องทำศพที่ไทยรักไทยทำไว้”นายจุติกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-