แท็ก
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. รมว.คลังจะพิจารณาอนุมัติจัดตั้งธนาคารแห่งใหม่ภายในสิ้นเดือน ธ.ค.47 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รมว.คลัง เปิดเผยว่า การแข่งขันของธุรกิจ ธ.พาณิชย์ในปี 48 จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่
ก.คลังได้อนุมัติให้จัดตั้ง ธ.พาณิชย์แห่งใหม่ไปแล้ว 3 ราย และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการกลั่นกรองฯ
จะส่งรายชื่อผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาจัดตั้ง ธ.พาณิชย์แห่งใหม่มาให้อนุมัติอีกจำนวนหนึ่ง และจะลงนามอนุมัติเป็นล็อต
สุดท้ายก่อนที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการในวันที่ 5 ม.ค.48 โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะมีการพิจารณาผู้ขออนุญาต
จัดตั้งธนาคารแห่งใหม่ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ซึ่งแหล่งข่าวจาก ก.คลังกล่าวว่า รายชื่อของสถาบันการเงินที่จะนำเข้าสู่
การพิจารณาในการประชุมประกอบด้วย บง.สินเอเชีย จะควบรวมกิจการกับ บง.บัวหลวง เพื่อขอยกระดับเป็น
ธ.พาณิชย์เต็มรูปแบบ และสถาบันการเงินอีก 3 แห่ง ที่ขอยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์เพื่อรายย่อย ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำ
กว่า 250 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) บค.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เสนอควบรวมกับ บง.บุคคลัภย์ 2) บง.จีอี มันนี่
และ 3) บค.ไทยเคหะ (มติชน)
2. ครม.อนุมัติขยายเวลาปรับโครงสร้างหนี้กระตุ้นแก้เอ็นพีแอล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง
กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอ ก.คลัง เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.47 เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการปรับ
ปรุงโครงสร้างหนี้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยอดคงค้างของเอ็นพีแอลยังอยู่ในระดับสูง โดยมีรายละเอียด 4 ประเด็น
หลัก คือ 1) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากร
แสตมป์ที่เกิดจากการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 2) ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเหลือ
ร้อยละ 0.01 จากร้อยละ 2.0 3) กำหนดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์อีก 2 ปี โดยในปี 48 ยกเว้นภาษีอากร
และลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเหมือนปีที่ผ่านมา และปี 49 ยกเว้นเฉพาะภาษีที่เกิดจากการ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ขณะที่ในปี 50 ให้จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอัตราปกติ
และ 4) กำหนดขอบเขตของหนี้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต้องเป็นเอ็นพีแอลที่มีอยู่ ณ วันที่ 31 ธ.ค.47
(ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ธปท. เตรียมพัฒนาระบบการชำระเงินในปีหน้า นายสายัณฑ์ ปริวัตร ผอ.อาวุโส สายระบบการ
ชำระเงิน (สรช.) ธปท. เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 48 ว่า สรช. มีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของ
ระบบการหักบัญชีเช็ค ทั้งระบบการหักบัญชีเช็คแบบเรียกเก็บภายในเขตสำนักหักบัญชีเดียวกัน และเช็คเรียกเก็บข้าม
เขตสำนักหักบัญชี เพื่อรองรับการดำเนินการตัดการเดินทางของตัวเช็คในกระบวนการเรียกเก็บ รวมทั้งต้องการให้
เกิดประโยชน์ต่อธนาคารสมาชิกโดยรวม และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของธนาคาร โดยเฉพาะค่าใช้จ่าจาก
การพัฒนาตัวเช็ค ส่วนโครงการระบบการโอนเงินรายใหญ่ระหว่างสถาบันการเงิน (บาทเน็ต) จะดำเนินการใน
ไตรมาส 2-3 ปี 48 และยังมีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพระบบชำระดุลกลางและปรับปรุงการโอนเงินรายย่อย
(SMART) และการโอนย้ายไปยังระบบการรองรับการชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ต ITMX ซึ่งภายในปี 48 ไทยจะมี
ระบบการชำระเงินที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลของ BIS รวมทั้งจะมีการปรับปรุงฐานข้อมูลการชำระเงินที่สมบูรณ์
ขึ้น นอกจากนี้ ธปท. มีแผนที่จะลดปริมาณการใช้เช็คและเงินสด แต่จะเน้นให้ใช้สื่อการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
แทน ทั้งนี้ ปริมาณเงินสดเมื่อเปรียบเทียบกับจีดีพีในปี 40 อัตราส่วนเงินสดต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7 ในปี 40
เป็นร้อยละ 9 ในปี 46 (ผู้จัดการรายวัน)
4. เศรษฐกิจไทยปี 48 ยังเติบโตท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงหลายประการ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 48 เศรษฐกิจของไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ระดับ
ร้อยละ 5 ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยงที่รัฐบาลต้องจับตาไม่ว่าเรื่องราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัว
สูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น สถานการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ ปัญหาไข้หวัดนก และการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจจีน แต่แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงมีการเติบโต โดยการส่งออกจะ
ขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 12-15 ในขณะที่ภาครัฐต้องดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและระมัดระวัง
เป็นพิเศษ ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน (เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ —5 รายงานจาก
นิวยอร์ก เมื่อ 21 ธ.ค.47 ABC News/Money/Magazine เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ.
ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ —5 จากระดับ —6 ในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากผู้บริโภคเพลิด
เพลินกับการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ จากการสำรวจประชาชนชาวอเมริกันพบว่าร้อยละ 42 เห็นว่าเป็น
ช่วงเวลาที่ดีมากในการจับจ่าย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 40 ในสัปดาห์ก่อน รวมทั้งร้อยละ 44 เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจ
ของ สรอ.ในขณะนี้อยู่ในช่วงที่ดีมาก และร้อยละ 59 เห็นว่าภาวะการเงินส่วนบุคคลก็อยู่ในระดับดี เช่นเดียวกันกับ
สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม The Consumer comfort ในภาคตะวันตกของ สรอ.เคยอยู่ในระดับสูงสุดที่ระดับ 0
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนกลางชะลอตัวที่ระดับ —8 ภาคใต้อยู่ที่ระดับ —3 ขณะที่ทั้งประเทศ
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2 จากระดับ 1 ในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ The Consumer Comfort เป็นเครื่องชี้วัดมุมมองทั่วไปด้าน
การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจทั้งประเทศ สรอ.โดยทำการสำรวจด้วยวิธีการ
สัมภาษณ์จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คนในรอบ 4 สัปดาห์ ซึ่งมีช่องว่างความผิดพลาดอยู่ที่บวกลบร้อยละ 3 โดย
สามารถอยู่ระหว่าง —100 ถึง +100 (รอยเตอร์)
2. สำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้า
รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 21 ธ.ค.47 สำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ 5 ใน 6 แห่งของเยอรมนีปรับลดประมาณการ
GDP ของเยอรมนีในปีหน้า ในขณะที่อีก 1 แห่งมีกำหนดจะประกาศตัวเลขในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า โดย Ifo คาดว่า
GDP ของเยอรมนีในปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 1.2 ต่อปี ในขณะที่ HWWA คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.9 ต่อปี โดย
ทั้ง 2 สำนักนี้คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 1.7 ในปีนี้โดยก่อนหน้านี้สำนักวิจัยชั้นนำอีก 3 แห่งคือ
IWH, RWI และ IfW คาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 1.3, 1.3 และ 0.8 ต่อปี ตามลำดับ โดย
สำนักวิจัยอีก 1 แห่งคือ DIW มีกำหนดจะประกาศตัวเลขในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า ตัวเลข GDP ที่ทั้ง 5 สำนักวิจัยชั้น
นำประกาศลดลงจากการประกาศครั้งก่อนเมื่อเดือน ต.ค.47 ที่ทั้ง 6 สำนักเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยาย
ตัวร้อยละ 1.5 ต่อปี โดยส่วนใหญ่อ้างว่ามีสาเหตุมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อเทียบกับเงินยูโรใน
ขณะนี้ทำให้การส่งออกที่เป็นตัวหลักในการผลักดันเยอรมนีให้หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามาเป็นเวลา 3 ปีใน
ช่วงปีที่ผ่านมาชะลอตัวลง ในขณะที่การบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัวพอที่จะชดเชยกับการส่งออกที่ลดลง ประธาน
ของ Ifo ให้สัมภาษณ์ว่าถึงเวลาที่ ธ.กลางยุโรปจะต้องมีบทบาทในการเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อหยุดการแข็งค่าของ
เงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเยอรมนียังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัว
ร้อยละ 1.7 หลังจากขยายตัวร้อยละ 1.8 ในปีนี้ (รอยเตอร์)
3. เดือน พ.ย.47 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าลดลงเทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ 22 ธ.ค.47 The
Ministry of Finance เปิดเผยว่า เดือน พ.ย.47 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเป็นจำนวน 602 พัน ล.เยน (5.77
พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงร้อยละ 39.2 เทียบต่อปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะมีจำนวน 1.0039 ล้านล้านเยนเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.4 เทียบต่อปีจากผลสำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 ในเดือนก่อนมีจำนวน
990.5 พัน ล.เยน สาเหตุจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.0 เทียบต่อปี ในขณะที่ราคา
น้ำมันลดลงร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.47 นักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันและความต้องการสินค้าอิเล็ค
โทรนิคของญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศที่ชะลอตัวลงจะส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าในเดือนถัด ๆ ไปลดลง โดยได้รับผล
กระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ดัชนีชี้วัดธุรกรรมภาคบริการซึ่งเป็นตัวชี้วัดการบริโภคในประเทศ
ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน ต.ค.47 จากเดือนก่อนและดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมทุกประเภทลดลงร้อยละ 0.4 ใน
เดือน พ.ย.47 จากเดือนก่อน ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าดัชนีชี้วัดภาคบริการจะคงที่และดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมทุกประเภทจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 รัฐบาลได้ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันตามตัวเลขทาง
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
4. รายได้จากการจัดเก็บภาษีของจีนในช่วงม.ค. — พ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ
23.5 รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 21 ธ.ค 47 รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีในช่วง 11 เดือน
แรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 2.44 ล้านล้านหยวน (294.8 พันล.ดอลลาร์
สรอ.) และคาดว่าในปีนี้รายได้ดังกล่าวจะสูงถึง 2.6 ล้านล้านหยวนหรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 25 ทั้งนี้เมื่อปี 46
รายได้จากการจัดเก็บภาษีของจีนเพิ่มขึ้นจากปี 45 ร้อยละ 20.3 อยู่ที่ระดับ 2.05 ล้านล้านหยวน เนื่องจาก
เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึงร้อยละ 9.1 สำหรับในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 9.0
ทั้งๆที่เป็นช่วงที่รัฐบาลจีนมีนโยบายชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ(รอยเตอร์)
5. การนำเข้าน้ำมันดิบของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12
รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 21 ธ.ค 47 The Korea National Oil Corp (KNOC) เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ย.
เกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันดิบ 88.7 ล้านบาร์เรลเพิ่มขึ้นจาก 79.1 ล้านบาร์เรลจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12 ส่งผลให้น้ำมันดิบนำเข้าในช่วง 11 เดือนของปี 47 อยู่ที่ระดับ 751.3 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากช่วง
เดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.5 เนื่องจากผู้กลั่นน้ำมันเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองสำหรับช่วงฤดูหนาวและซื้อล่วงหน้าก่อนที่จะมี
การปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมนำเข้าน้ำมัน ทั้งๆที่อุปสงค์น้ำมันของเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่
4 ของโลกอ่อนตัวลง นักวิเคราะห์กล่าวว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนธ.ค.ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากอุปสงค์ของ
บริษัทกลั่นน้ำมันท้องถิ่นและการเร่งซื้อน้ำมันล่วงหน้าก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมนำเข้าน้ำมันในเดือนม.ค. 48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22/12/2490 21 ธ.ค 47 30/1/2490 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.043 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8731/39.1582 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.050-2.0625 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 671.50/ 21.24 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,150/8,250 8,200/8,300 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.4 35.88 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. รมว.คลังจะพิจารณาอนุมัติจัดตั้งธนาคารแห่งใหม่ภายในสิ้นเดือน ธ.ค.47 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รมว.คลัง เปิดเผยว่า การแข่งขันของธุรกิจ ธ.พาณิชย์ในปี 48 จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่
ก.คลังได้อนุมัติให้จัดตั้ง ธ.พาณิชย์แห่งใหม่ไปแล้ว 3 ราย และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการกลั่นกรองฯ
จะส่งรายชื่อผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาจัดตั้ง ธ.พาณิชย์แห่งใหม่มาให้อนุมัติอีกจำนวนหนึ่ง และจะลงนามอนุมัติเป็นล็อต
สุดท้ายก่อนที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการในวันที่ 5 ม.ค.48 โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะมีการพิจารณาผู้ขออนุญาต
จัดตั้งธนาคารแห่งใหม่ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ซึ่งแหล่งข่าวจาก ก.คลังกล่าวว่า รายชื่อของสถาบันการเงินที่จะนำเข้าสู่
การพิจารณาในการประชุมประกอบด้วย บง.สินเอเชีย จะควบรวมกิจการกับ บง.บัวหลวง เพื่อขอยกระดับเป็น
ธ.พาณิชย์เต็มรูปแบบ และสถาบันการเงินอีก 3 แห่ง ที่ขอยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์เพื่อรายย่อย ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำ
กว่า 250 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) บค.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เสนอควบรวมกับ บง.บุคคลัภย์ 2) บง.จีอี มันนี่
และ 3) บค.ไทยเคหะ (มติชน)
2. ครม.อนุมัติขยายเวลาปรับโครงสร้างหนี้กระตุ้นแก้เอ็นพีแอล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง
กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอ ก.คลัง เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.47 เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการปรับ
ปรุงโครงสร้างหนี้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยอดคงค้างของเอ็นพีแอลยังอยู่ในระดับสูง โดยมีรายละเอียด 4 ประเด็น
หลัก คือ 1) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากร
แสตมป์ที่เกิดจากการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 2) ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเหลือ
ร้อยละ 0.01 จากร้อยละ 2.0 3) กำหนดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์อีก 2 ปี โดยในปี 48 ยกเว้นภาษีอากร
และลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเหมือนปีที่ผ่านมา และปี 49 ยกเว้นเฉพาะภาษีที่เกิดจากการ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ขณะที่ในปี 50 ให้จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอัตราปกติ
และ 4) กำหนดขอบเขตของหนี้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต้องเป็นเอ็นพีแอลที่มีอยู่ ณ วันที่ 31 ธ.ค.47
(ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ธปท. เตรียมพัฒนาระบบการชำระเงินในปีหน้า นายสายัณฑ์ ปริวัตร ผอ.อาวุโส สายระบบการ
ชำระเงิน (สรช.) ธปท. เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 48 ว่า สรช. มีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของ
ระบบการหักบัญชีเช็ค ทั้งระบบการหักบัญชีเช็คแบบเรียกเก็บภายในเขตสำนักหักบัญชีเดียวกัน และเช็คเรียกเก็บข้าม
เขตสำนักหักบัญชี เพื่อรองรับการดำเนินการตัดการเดินทางของตัวเช็คในกระบวนการเรียกเก็บ รวมทั้งต้องการให้
เกิดประโยชน์ต่อธนาคารสมาชิกโดยรวม และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของธนาคาร โดยเฉพาะค่าใช้จ่าจาก
การพัฒนาตัวเช็ค ส่วนโครงการระบบการโอนเงินรายใหญ่ระหว่างสถาบันการเงิน (บาทเน็ต) จะดำเนินการใน
ไตรมาส 2-3 ปี 48 และยังมีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพระบบชำระดุลกลางและปรับปรุงการโอนเงินรายย่อย
(SMART) และการโอนย้ายไปยังระบบการรองรับการชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ต ITMX ซึ่งภายในปี 48 ไทยจะมี
ระบบการชำระเงินที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลของ BIS รวมทั้งจะมีการปรับปรุงฐานข้อมูลการชำระเงินที่สมบูรณ์
ขึ้น นอกจากนี้ ธปท. มีแผนที่จะลดปริมาณการใช้เช็คและเงินสด แต่จะเน้นให้ใช้สื่อการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
แทน ทั้งนี้ ปริมาณเงินสดเมื่อเปรียบเทียบกับจีดีพีในปี 40 อัตราส่วนเงินสดต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7 ในปี 40
เป็นร้อยละ 9 ในปี 46 (ผู้จัดการรายวัน)
4. เศรษฐกิจไทยปี 48 ยังเติบโตท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงหลายประการ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 48 เศรษฐกิจของไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ระดับ
ร้อยละ 5 ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยงที่รัฐบาลต้องจับตาไม่ว่าเรื่องราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัว
สูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น สถานการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ ปัญหาไข้หวัดนก และการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจจีน แต่แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงมีการเติบโต โดยการส่งออกจะ
ขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 12-15 ในขณะที่ภาครัฐต้องดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและระมัดระวัง
เป็นพิเศษ ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน (เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ —5 รายงานจาก
นิวยอร์ก เมื่อ 21 ธ.ค.47 ABC News/Money/Magazine เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ.
ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ —5 จากระดับ —6 ในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากผู้บริโภคเพลิด
เพลินกับการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ จากการสำรวจประชาชนชาวอเมริกันพบว่าร้อยละ 42 เห็นว่าเป็น
ช่วงเวลาที่ดีมากในการจับจ่าย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 40 ในสัปดาห์ก่อน รวมทั้งร้อยละ 44 เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจ
ของ สรอ.ในขณะนี้อยู่ในช่วงที่ดีมาก และร้อยละ 59 เห็นว่าภาวะการเงินส่วนบุคคลก็อยู่ในระดับดี เช่นเดียวกันกับ
สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม The Consumer comfort ในภาคตะวันตกของ สรอ.เคยอยู่ในระดับสูงสุดที่ระดับ 0
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนกลางชะลอตัวที่ระดับ —8 ภาคใต้อยู่ที่ระดับ —3 ขณะที่ทั้งประเทศ
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2 จากระดับ 1 ในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ The Consumer Comfort เป็นเครื่องชี้วัดมุมมองทั่วไปด้าน
การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจทั้งประเทศ สรอ.โดยทำการสำรวจด้วยวิธีการ
สัมภาษณ์จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คนในรอบ 4 สัปดาห์ ซึ่งมีช่องว่างความผิดพลาดอยู่ที่บวกลบร้อยละ 3 โดย
สามารถอยู่ระหว่าง —100 ถึง +100 (รอยเตอร์)
2. สำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้า
รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 21 ธ.ค.47 สำนักวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ 5 ใน 6 แห่งของเยอรมนีปรับลดประมาณการ
GDP ของเยอรมนีในปีหน้า ในขณะที่อีก 1 แห่งมีกำหนดจะประกาศตัวเลขในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า โดย Ifo คาดว่า
GDP ของเยอรมนีในปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 1.2 ต่อปี ในขณะที่ HWWA คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.9 ต่อปี โดย
ทั้ง 2 สำนักนี้คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 1.7 ในปีนี้โดยก่อนหน้านี้สำนักวิจัยชั้นนำอีก 3 แห่งคือ
IWH, RWI และ IfW คาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 1.3, 1.3 และ 0.8 ต่อปี ตามลำดับ โดย
สำนักวิจัยอีก 1 แห่งคือ DIW มีกำหนดจะประกาศตัวเลขในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า ตัวเลข GDP ที่ทั้ง 5 สำนักวิจัยชั้น
นำประกาศลดลงจากการประกาศครั้งก่อนเมื่อเดือน ต.ค.47 ที่ทั้ง 6 สำนักเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยาย
ตัวร้อยละ 1.5 ต่อปี โดยส่วนใหญ่อ้างว่ามีสาเหตุมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อเทียบกับเงินยูโรใน
ขณะนี้ทำให้การส่งออกที่เป็นตัวหลักในการผลักดันเยอรมนีให้หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามาเป็นเวลา 3 ปีใน
ช่วงปีที่ผ่านมาชะลอตัวลง ในขณะที่การบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัวพอที่จะชดเชยกับการส่งออกที่ลดลง ประธาน
ของ Ifo ให้สัมภาษณ์ว่าถึงเวลาที่ ธ.กลางยุโรปจะต้องมีบทบาทในการเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อหยุดการแข็งค่าของ
เงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเยอรมนียังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัว
ร้อยละ 1.7 หลังจากขยายตัวร้อยละ 1.8 ในปีนี้ (รอยเตอร์)
3. เดือน พ.ย.47 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าลดลงเทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ 22 ธ.ค.47 The
Ministry of Finance เปิดเผยว่า เดือน พ.ย.47 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเป็นจำนวน 602 พัน ล.เยน (5.77
พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงร้อยละ 39.2 เทียบต่อปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะมีจำนวน 1.0039 ล้านล้านเยนเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.4 เทียบต่อปีจากผลสำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 ในเดือนก่อนมีจำนวน
990.5 พัน ล.เยน สาเหตุจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.0 เทียบต่อปี ในขณะที่ราคา
น้ำมันลดลงร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.47 นักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันและความต้องการสินค้าอิเล็ค
โทรนิคของญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศที่ชะลอตัวลงจะส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าในเดือนถัด ๆ ไปลดลง โดยได้รับผล
กระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ดัชนีชี้วัดธุรกรรมภาคบริการซึ่งเป็นตัวชี้วัดการบริโภคในประเทศ
ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน ต.ค.47 จากเดือนก่อนและดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมทุกประเภทลดลงร้อยละ 0.4 ใน
เดือน พ.ย.47 จากเดือนก่อน ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าดัชนีชี้วัดภาคบริการจะคงที่และดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมทุกประเภทจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 รัฐบาลได้ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันตามตัวเลขทาง
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
4. รายได้จากการจัดเก็บภาษีของจีนในช่วงม.ค. — พ.ย. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ
23.5 รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 21 ธ.ค 47 รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีในช่วง 11 เดือน
แรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 2.44 ล้านล้านหยวน (294.8 พันล.ดอลลาร์
สรอ.) และคาดว่าในปีนี้รายได้ดังกล่าวจะสูงถึง 2.6 ล้านล้านหยวนหรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 25 ทั้งนี้เมื่อปี 46
รายได้จากการจัดเก็บภาษีของจีนเพิ่มขึ้นจากปี 45 ร้อยละ 20.3 อยู่ที่ระดับ 2.05 ล้านล้านหยวน เนื่องจาก
เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึงร้อยละ 9.1 สำหรับในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 9.0
ทั้งๆที่เป็นช่วงที่รัฐบาลจีนมีนโยบายชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ(รอยเตอร์)
5. การนำเข้าน้ำมันดิบของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12
รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 21 ธ.ค 47 The Korea National Oil Corp (KNOC) เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ย.
เกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันดิบ 88.7 ล้านบาร์เรลเพิ่มขึ้นจาก 79.1 ล้านบาร์เรลจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12 ส่งผลให้น้ำมันดิบนำเข้าในช่วง 11 เดือนของปี 47 อยู่ที่ระดับ 751.3 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากช่วง
เดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.5 เนื่องจากผู้กลั่นน้ำมันเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองสำหรับช่วงฤดูหนาวและซื้อล่วงหน้าก่อนที่จะมี
การปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมนำเข้าน้ำมัน ทั้งๆที่อุปสงค์น้ำมันของเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่
4 ของโลกอ่อนตัวลง นักวิเคราะห์กล่าวว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนธ.ค.ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากอุปสงค์ของ
บริษัทกลั่นน้ำมันท้องถิ่นและการเร่งซื้อน้ำมันล่วงหน้าก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมนำเข้าน้ำมันในเดือนม.ค. 48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22/12/2490 21 ธ.ค 47 30/1/2490 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.043 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8731/39.1582 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.050-2.0625 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 671.50/ 21.24 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,150/8,250 8,200/8,300 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.4 35.88 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--