นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแข่งขันในตลาดโลกที่เข้มข้นขึ้น ตลอดจนแนวโน้มการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ของประเทศต่างๆ ไต้หวันเป็นอีกประเทศหนึ่งที่พยายามหาทางในการเจรจาจัดทำ FTA เนื่องจากเศรษฐกิจของไต้หวันขึ้นอยู่กับการส่งออก และมีการค้าระหว่างประเทศเป็นอันดับที่ 14 ของโลก รวมทั้งตระหนักถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดทำ FTA แต่เนื่องจากแรงกดดันและการเข้าแทรกแซงทางการเมืองจากจีน ทำให้ประเทศคู่ค้าหลายประเทศไม่กล้าที่จะจัดทำความตกลงการค้าเขตเสรีกับไต้หวัน ทั้งนี้ ประเทศที่ไต้หวันให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกที่จะขอเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีด้วย ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ โดยในปี 2546 ไต้หวันได้ลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีกับปานามาเป็นประเทศแรก และเป็นความตกลงเขตการค้าเสรีฉบับเดียวที่มีการลงนาม และขณะนี้รัฐบาลไต้หวันกำลังเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับนิการากัว
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวต่อไปด้วยว่า สำหรับการขอเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศไทยนั้น ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเอเปคครั้งที่ 15 และการประชุมผู้นำเอเปค ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 17-20 ตุลาคม 2546 ณ กรุงเทพฯ ฝ่ายไต้หวันได้แสดงความประสงค์ที่จะขอเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศไทย และได้เสนอให้มีการศึกษาวิจัยร่วมกันในการจัดทำความเขตตกลงการค้าเสรีไทย-ไต้หวัน ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอว่า ควรหาข้อสรุปเพื่อลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันระหว่างกัน โดยเฉพาะมาตรการด้านสุขอนามัยของไต้หวันก่อน จึงค่อยพิจารณาการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ไต้หวันต่อไป นอกจากนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจของสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) และได้แสดงความสนใจที่จะจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับไทยด้วย ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่า ประเทศไทยยังไม่ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้
ไต้หวันเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 6 ของไทย โดยเป็นตลาดส่งออกอันดับ 7 และเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 6 ของไทย แนวโน้มของการค้าสองฝ่ายมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ในปี 2546 มีมูลค่าการค้ารวม 5,798 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2547 การค้าขยายตัวร้อยละ 21 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 8 และการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 31
ทั้งนี้ ไต้หวันเป็นประเทศที่ลงทุนในไทยสูงเป็นอันดับสอง รองจากญี่ปุ่น โดยเป็นผลมาจากรัฐบาลไต้หวันมีนโยบายมุ่งสู่ใต้ (Go south policy) เพื่อชักจูงให้นักลงทุนไต้หวันสนใจมาลงทุนใประเทศอาเซียนรวมทั้งไทยด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพาเศรษฐกิจจีนมากเกินไป รวมถึงแสวงหาตลาดใหม่ด้วย
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-