นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการปรับฝังการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์หลายสถานี โดยเป็นการปรับรายการที่มีสาระออกและปรับรายการบันเทิงเข้ามาแทนและเพิ่มมากขึ้น แต่รายการเพื่อเด็กและเยาวชนถูกปรับเปลี่ยนเวลา ทั้งถูกยกเลิกไปหลายรายการ ซึ่งการดำเนินการของสถานีหลายช่องเป็นการดำเนินการขัดกับมติ ครม.(เมื่อวันที่ 4 พ.ย.46) ซึ่งได้บอกไว้ชัดเจนว่าให้สื่อของรัฐไม่ควรเน้นเรื่องบันเทิงหรือมุ่งหากำไรในเชิงพาณิชย์เท่านั้นและควรจัดทำรายการเพื่อสร้างสรรสังคมและพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ปรากฎว่าผู้ประกอบสถานีโทรทัศน์ทั้งภาครัฐและที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ ไม่ได้นำพาต่อมติ ครม.นี้เลย สิ่งที่อยากจะเรียกร้องคือรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ออกมติครม.เองควรจะมีส่วนในการดำเนินการให้เป้นไปตามมติครม. ที่รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ออกมาเอง ไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ ดำเนินการโดยไม่เป็นธรรมในสังคม จึงขอเตือนรัฐบาลให้มาดูเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้มติครม.เป็นเพียงการสร้างภาพ โดยไม่มีการปฏิบัติตามมติแต่อย่างไร
กรณีที่ ครม.ได้มีมติ ลด แลก แจก แถม ทั้งหมด 6 รายการ คือการลดค่าโทลเวย์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ เพิ่มค่าตอบแทนของบุคคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อแก้ไขการไหลออกจากระบบราชการของบุคคลกรด้านสาธารณสุข ยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาสำหรับรายได้ฝากเงินประจำ 1 ปีขึ้นไป ให้ธกส.ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้จากร้อยละ 6.5 เป็น 5.5 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48 และการขยายเวลาปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากเดิมต้องสิ้นสุด วันที่ 31 ธ.ค.47 เป็น 31 ธ.ค.49 ตนคิดว่าการที่ครม.มีมติเช่นนี้เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่สิ่งที่พรรคอยากจะตั้งคำถามคือการออกมติครม.เช่นนี้เป็นการออกมติเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชนจริงๆ หรือเป็นเพียงการหาเสียงหวังเพิ่มคะแนนนิยมทางการเมืองในการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะดูหลายเรื่องที่ออกมาเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรทำมาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ไม่ใช่มาทำเฉพาะก่อนช่วงการเลือกตั้ง เพราะปัญหาต่างๆได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านสาธารณสุข และรัฐบาลไม่ได้นำพาต่อข้อเรียกร้องต่างๆแต่กลับรอจนจะครบวาระ 4 ปี และจะมีการเลือกตั้งใหม่ และขอให้ประชาชนพิจารณาว่าการกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลสมควรหรือไม่
กรณีที่นายกฯกล่าวในการปราศรัยหาเสียงว่าหากจังหวัดใดเลือกพรรคไทยรักไทยจะได้งบประมาณในการพัฒนามากกว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการตอบแทนบุญคุณเป็นเรื่องน่ายกย่องแต่การบอกว่าจะเอาเงินภาษีอากรของประชาชนที่ช่วยเลือกผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยนั้นตนคิดว่าเป็นการต่อรอง และหาเสียงที่ไม่ถูกต้อง นายกฯต้องไม่ลืมว่านายกฯ เป็นนายกฯของประเทศไทยไม่ใช่นายกฯของจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรวางตัวให้เหมาะสมระหว่างบทบาทนายกฯ กับบทบาทหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
กรณีที่ ครม.ได้มีมติ ลด แลก แจก แถม ทั้งหมด 6 รายการ คือการลดค่าโทลเวย์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ เพิ่มค่าตอบแทนของบุคคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อแก้ไขการไหลออกจากระบบราชการของบุคคลกรด้านสาธารณสุข ยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาสำหรับรายได้ฝากเงินประจำ 1 ปีขึ้นไป ให้ธกส.ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้จากร้อยละ 6.5 เป็น 5.5 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48 และการขยายเวลาปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากเดิมต้องสิ้นสุด วันที่ 31 ธ.ค.47 เป็น 31 ธ.ค.49 ตนคิดว่าการที่ครม.มีมติเช่นนี้เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่สิ่งที่พรรคอยากจะตั้งคำถามคือการออกมติครม.เช่นนี้เป็นการออกมติเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชนจริงๆ หรือเป็นเพียงการหาเสียงหวังเพิ่มคะแนนนิยมทางการเมืองในการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะดูหลายเรื่องที่ออกมาเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรทำมาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ไม่ใช่มาทำเฉพาะก่อนช่วงการเลือกตั้ง เพราะปัญหาต่างๆได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านสาธารณสุข และรัฐบาลไม่ได้นำพาต่อข้อเรียกร้องต่างๆแต่กลับรอจนจะครบวาระ 4 ปี และจะมีการเลือกตั้งใหม่ และขอให้ประชาชนพิจารณาว่าการกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลสมควรหรือไม่
กรณีที่นายกฯกล่าวในการปราศรัยหาเสียงว่าหากจังหวัดใดเลือกพรรคไทยรักไทยจะได้งบประมาณในการพัฒนามากกว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการตอบแทนบุญคุณเป็นเรื่องน่ายกย่องแต่การบอกว่าจะเอาเงินภาษีอากรของประชาชนที่ช่วยเลือกผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยนั้นตนคิดว่าเป็นการต่อรอง และหาเสียงที่ไม่ถูกต้อง นายกฯต้องไม่ลืมว่านายกฯ เป็นนายกฯของประเทศไทยไม่ใช่นายกฯของจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรวางตัวให้เหมาะสมระหว่างบทบาทนายกฯ กับบทบาทหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-