เมื่อเวลา 07.30 น. (วันที่ 22 ธ.ค.) ที่โรงแรม บี พี สมิหรา จ.สงขลา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำขบวนคาราวานประชาธิปไตยในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นวันที่3 โดยเป็นการเดินทางไปหาเสียงใน จ.พัทลุง เริ่มจากอ.ปากพยูน พื้นที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เขต 3 อ.เขาชัยสน นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง เขต 1 อ.ควนขนุน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง เขต 2จากนั้นในช่วงเย็น นายบัญญัติและแกนนำได้ร่วมกันปราศรัยที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.พัทลุง
นายบัญญัติ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางถึงกรณีที่มีการวิพากษ์ว่า คาราวานประชาธิปไตยที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์พูดแต่ปัญหาภาพรวมแต่ไม่ได้พูดถึงปัญหาในพื้นที่นั้นว่า วันนี้ภาวการณ์ในประเทศมีปัญหาของประชาชน 2 ลักษณะอย่างที่ถามคือ ผลกระทบจากนโยบายรวมและการบริหารแผ่นดินของรัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาชนได้รับผลกระทบที่เหมือนกัน
และนโยบายใหม่ๆ ของรัฐบาลยังเป็นในทิศทางเดิมเมื่อกรอบความคิดหลักของรัฐบาลยังไม่เปลี่ยนยังลดแลกแจกมากขึ้น ผลกระทบยังเหมือนเดิมจึงจำเป็นที่พรรคต้องไปสะท้อนให้ประชาชนเข้าใจยอมรับในเวทีต้องพูดเหมือนเดิมแต่จำเป็นที่ต้องพูดเรื่องเดียวกันเพราะเป็นปัญหาหลักของประเทศโดยมีปัญหาพื้นที่บ้างประปราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุด มีโพลระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.ในภาคใต้น้อยกว่าเดิมนายบัญญัติกล่าวว่า พรรคไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สงขลาที่มีข่าวเบื้องต้นว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้และโพลก็ออกมาเช่นนั้นแต่จากประสบการณ์ที่พรรคได้สัมผัสประชาชนตลอดเวลาทำให้มั่นใจว่าประชาชนไม่ได้หลอกยังคงให้กำลังใจและขานรับมาตลอด ท้ายสุดก็เป็นเช่นนั้นที่ชัดเจน คือ ในการปราศรัยในคืนวันที่ 21 ธันวาคมมีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 2 หมื่นคน
นอกจากนี้นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริจาคเงินให้พรรคไทยรักไทย 50ล้านบาท ว่า ประวัติศาสตร์บอกตลอดเวลาว่าไม่มีใครลงทุนทางการเมืองมากมายแล้วไม่ถอนทุนใครที่ลงทุนมากมายแล้วไม่ถอนทุนได้ก็เป็นเรื่องดี แต่3-4 ปีที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่าหลายคนกำลังถอนทุนไม่ทางตรงก็ทางอ้อมซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และประชาชนต้องช่วยกันจับตาอย่างไรก็ตามความพร้อมและความคล่องตัวกว่าของพรรคไทยรักไทยย่อมทำให้พรรคไทยรักไทยได้เปรียบกว่าพรรคประชาธิปัตย์แต่หากประชาชนเข้าใจ ความเสียเปรียบอาจจะน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ขายแต่ความจน ว่า อย่างน้อยที่สุด การพูดปัญหาความยากจนในพรรคนอกจากสะท้อนความจริงแล้วยังสะท้อนนัยสำคัญทางการเมืองให้เห็นวิธีการการทำการเมืองบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตไม่ได้ฉวยโอกาสในเวลาที่มีอำนาจหาผลประโยชน์เข้าพรรคหากคิดจะหาผลประโยชน์หรือความร่ำรวยก็ทำได้สบายแต่หลายคนไม่ได้ทำสิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์แก่การเมืองไทยส่วนใครจะมองเลยไปและกระแหนะกระแหนว่าเป็นการเรียกร้องความเห็นใจหรือออดอ้อนทางการเมืองก็แล้วแต่
จากกรณีที่ศาล จ.ระยองพิพากษาให้นายจักรพันธุ์ยมจินดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 30 บางกอกน้อยพรรคไทยรักไทย มีความผิดในคดีหมิ่นประมาทนั้น นายบัญญัติกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวแม้นายจักรพันธุ์จะมีปัญหาส่วนตัวหรือคดีหรือไม่และไม่ว่าพรรคไทยรักไทยจะส่งใครมา พรรคก็ไม่กังวลเพราะนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.เขต 30พรรคประชาธิปัตย์ ทำงานในพื้นที่อย่างหนักมาตลอดมีเครือข่ายของพรรค และเข้าใจปัญหาของประชาชนในพื้นที่เชื่อว่า ประชาชนจะสนับสนุนนายองอาจอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ที่กลุ่มก่อการร้ายสากลทั้งเจไอ-อัลกออิดะห์ใช้เป็นฐานก่อการร้ายว่ารัฐบาลต้องระวังว่าอะไรที่เป็นความช่วยเหลือในหลักการใหญ่หรือเป็นการเฉพาะที่จะนำไปสู่ความระแวงให้เกิดขึ้นระหว่างประเทศเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นอกจากเป็นเพราะนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลแล้วในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือการดำเนินนโยบายที่ทำให้ชาวมุสลิมที่รู้สึกไม่ดีต่อประเทศตะวันตก เกิดความรู้สึกแล้วทำให้เกิดการแทรกแซงในกลุ่มเดียวกันมีบทบาทสูงขึ้นรัฐบาลต้องระวัง เพราะเป็นปัญหาความละเอียดอ่อนแม้แต่การทำสัญญาให้สิงคโปร์เช่ากองบินที่ จ.อุดรธานียังทำให้เกิดความระแวงกันพอสมควรหากมากไปกว่านี้ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเรื่องฐานฝึกของผู้ก่อความไม่สงบในมาเลเซียและอินโดนีเซียจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่กล่าวว่า เรื่องนี้น่ากังวลการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาปัญหาความร่วมมือระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีมีผลกระทบและที่น่ากังวลมากคือนายกรัฐมนตรีของไทยทำตัวเป็นศัตรูกับประเทศมุสลิมจะทำให้ความตั้งใจจะใช้ จ.ปัตตานีเป็นศูนย์อาหารฮาราลที่จะส่งไปยังประเทศมุสลิมต่างๆ จะได้ผลกระทบไปด้วยความจำเป็นที่ต้องมีไมตรีจิตกับบรรดาผู้นำประเทศมุสลิมยังต้องมีอยู่จึงต้องการเตือน พ.ต.ท.ทักษิณว่าต้องเก็บอาการแม้จะมีความคิดทางการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่หรือต้องการเสริมสร้างภาวะผู้นำของตนเองให้เห็นเด่นชัดว่าไม่กลัวใครเลยในภูมิภาคนี้ก็แล้วแต่แต่ควรจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศในวันข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าเรื่องเกี่ยวกับมาเลเซียเป็นความผิดของสื่อที่เขียนผิดกล่าวว่า ตนไม่ต้องการว่า พ.ต.ท.ทักษิณแรงๆแต่ทราบมาตลอดว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยยอมรับความผิดพลาดบกพร่องของตัวเองเมื่อผิดพลาดจะต้องมีผู้รับเคราะห์และมีเหยื่อแทนตลอดที่ชัดเจนคือ ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พ.ต.ท.ทักษิณเปลี่ยนผู้บริหารในฝ่ายประจำมาตลอดทั้งที่ไม่มีส่วนในการสร้างปัญหาแต่ปัญหาเกิดจากกรอบความคิดและนโยบายของรัฐบาลที่ข้าราชการประจำมีหน้าที่สนองนโยบายคนเหล่านั้นก็กลายเป็นแพะ และวันนี้โยนให้ใครไม่ได้ก็ต้องโยนให้สื่อ เป็นธรรมดา ดีที่ไม่โยนให้ฝ่ายค้านเพราะฝ่ายค้านไม่ได้พูด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางถึงกรณีที่มีการวิพากษ์ว่า คาราวานประชาธิปไตยที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์พูดแต่ปัญหาภาพรวมแต่ไม่ได้พูดถึงปัญหาในพื้นที่นั้นว่า วันนี้ภาวการณ์ในประเทศมีปัญหาของประชาชน 2 ลักษณะอย่างที่ถามคือ ผลกระทบจากนโยบายรวมและการบริหารแผ่นดินของรัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาชนได้รับผลกระทบที่เหมือนกัน
และนโยบายใหม่ๆ ของรัฐบาลยังเป็นในทิศทางเดิมเมื่อกรอบความคิดหลักของรัฐบาลยังไม่เปลี่ยนยังลดแลกแจกมากขึ้น ผลกระทบยังเหมือนเดิมจึงจำเป็นที่พรรคต้องไปสะท้อนให้ประชาชนเข้าใจยอมรับในเวทีต้องพูดเหมือนเดิมแต่จำเป็นที่ต้องพูดเรื่องเดียวกันเพราะเป็นปัญหาหลักของประเทศโดยมีปัญหาพื้นที่บ้างประปราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุด มีโพลระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.ในภาคใต้น้อยกว่าเดิมนายบัญญัติกล่าวว่า พรรคไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สงขลาที่มีข่าวเบื้องต้นว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้และโพลก็ออกมาเช่นนั้นแต่จากประสบการณ์ที่พรรคได้สัมผัสประชาชนตลอดเวลาทำให้มั่นใจว่าประชาชนไม่ได้หลอกยังคงให้กำลังใจและขานรับมาตลอด ท้ายสุดก็เป็นเช่นนั้นที่ชัดเจน คือ ในการปราศรัยในคืนวันที่ 21 ธันวาคมมีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 2 หมื่นคน
นอกจากนี้นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริจาคเงินให้พรรคไทยรักไทย 50ล้านบาท ว่า ประวัติศาสตร์บอกตลอดเวลาว่าไม่มีใครลงทุนทางการเมืองมากมายแล้วไม่ถอนทุนใครที่ลงทุนมากมายแล้วไม่ถอนทุนได้ก็เป็นเรื่องดี แต่3-4 ปีที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่าหลายคนกำลังถอนทุนไม่ทางตรงก็ทางอ้อมซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และประชาชนต้องช่วยกันจับตาอย่างไรก็ตามความพร้อมและความคล่องตัวกว่าของพรรคไทยรักไทยย่อมทำให้พรรคไทยรักไทยได้เปรียบกว่าพรรคประชาธิปัตย์แต่หากประชาชนเข้าใจ ความเสียเปรียบอาจจะน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ขายแต่ความจน ว่า อย่างน้อยที่สุด การพูดปัญหาความยากจนในพรรคนอกจากสะท้อนความจริงแล้วยังสะท้อนนัยสำคัญทางการเมืองให้เห็นวิธีการการทำการเมืองบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตไม่ได้ฉวยโอกาสในเวลาที่มีอำนาจหาผลประโยชน์เข้าพรรคหากคิดจะหาผลประโยชน์หรือความร่ำรวยก็ทำได้สบายแต่หลายคนไม่ได้ทำสิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์แก่การเมืองไทยส่วนใครจะมองเลยไปและกระแหนะกระแหนว่าเป็นการเรียกร้องความเห็นใจหรือออดอ้อนทางการเมืองก็แล้วแต่
จากกรณีที่ศาล จ.ระยองพิพากษาให้นายจักรพันธุ์ยมจินดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 30 บางกอกน้อยพรรคไทยรักไทย มีความผิดในคดีหมิ่นประมาทนั้น นายบัญญัติกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวแม้นายจักรพันธุ์จะมีปัญหาส่วนตัวหรือคดีหรือไม่และไม่ว่าพรรคไทยรักไทยจะส่งใครมา พรรคก็ไม่กังวลเพราะนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.เขต 30พรรคประชาธิปัตย์ ทำงานในพื้นที่อย่างหนักมาตลอดมีเครือข่ายของพรรค และเข้าใจปัญหาของประชาชนในพื้นที่เชื่อว่า ประชาชนจะสนับสนุนนายองอาจอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ที่กลุ่มก่อการร้ายสากลทั้งเจไอ-อัลกออิดะห์ใช้เป็นฐานก่อการร้ายว่ารัฐบาลต้องระวังว่าอะไรที่เป็นความช่วยเหลือในหลักการใหญ่หรือเป็นการเฉพาะที่จะนำไปสู่ความระแวงให้เกิดขึ้นระหว่างประเทศเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นอกจากเป็นเพราะนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลแล้วในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือการดำเนินนโยบายที่ทำให้ชาวมุสลิมที่รู้สึกไม่ดีต่อประเทศตะวันตก เกิดความรู้สึกแล้วทำให้เกิดการแทรกแซงในกลุ่มเดียวกันมีบทบาทสูงขึ้นรัฐบาลต้องระวัง เพราะเป็นปัญหาความละเอียดอ่อนแม้แต่การทำสัญญาให้สิงคโปร์เช่ากองบินที่ จ.อุดรธานียังทำให้เกิดความระแวงกันพอสมควรหากมากไปกว่านี้ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเรื่องฐานฝึกของผู้ก่อความไม่สงบในมาเลเซียและอินโดนีเซียจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่กล่าวว่า เรื่องนี้น่ากังวลการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาปัญหาความร่วมมือระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีมีผลกระทบและที่น่ากังวลมากคือนายกรัฐมนตรีของไทยทำตัวเป็นศัตรูกับประเทศมุสลิมจะทำให้ความตั้งใจจะใช้ จ.ปัตตานีเป็นศูนย์อาหารฮาราลที่จะส่งไปยังประเทศมุสลิมต่างๆ จะได้ผลกระทบไปด้วยความจำเป็นที่ต้องมีไมตรีจิตกับบรรดาผู้นำประเทศมุสลิมยังต้องมีอยู่จึงต้องการเตือน พ.ต.ท.ทักษิณว่าต้องเก็บอาการแม้จะมีความคิดทางการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่หรือต้องการเสริมสร้างภาวะผู้นำของตนเองให้เห็นเด่นชัดว่าไม่กลัวใครเลยในภูมิภาคนี้ก็แล้วแต่แต่ควรจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศในวันข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าเรื่องเกี่ยวกับมาเลเซียเป็นความผิดของสื่อที่เขียนผิดกล่าวว่า ตนไม่ต้องการว่า พ.ต.ท.ทักษิณแรงๆแต่ทราบมาตลอดว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยยอมรับความผิดพลาดบกพร่องของตัวเองเมื่อผิดพลาดจะต้องมีผู้รับเคราะห์และมีเหยื่อแทนตลอดที่ชัดเจนคือ ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พ.ต.ท.ทักษิณเปลี่ยนผู้บริหารในฝ่ายประจำมาตลอดทั้งที่ไม่มีส่วนในการสร้างปัญหาแต่ปัญหาเกิดจากกรอบความคิดและนโยบายของรัฐบาลที่ข้าราชการประจำมีหน้าที่สนองนโยบายคนเหล่านั้นก็กลายเป็นแพะ และวันนี้โยนให้ใครไม่ได้ก็ต้องโยนให้สื่อ เป็นธรรมดา ดีที่ไม่โยนให้ฝ่ายค้านเพราะฝ่ายค้านไม่ได้พูด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-