นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสดประจำเดือนพฤศจิกายน 2547 สรุปได้ว่าผลการดำเนินนโยบายการคลังอยู่ในภาวะที่เป็นปกติตามวัฏจักรการคลัง รายได้นำส่งคลังลดลงเนื่องจากมีการโอนรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจจำนวน 17,366 ล้านบาท ในขณะที่รายจ่ายมีการขยายตัวสูงขึ้นตามฐานเงินงบประมาณ ส่งผลให้เกิดการขาดดุลเงินสดจำนวน 109,791 ล้านบาท ถือเป็นเหตุการณ์ปกติเนื่องจากช่วงต้นปีงบประมาณจะมีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ส่วนราชการ รวมทั้งมีการชำระคืนเงินกู้
1 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด (Cash Basis)
1.1 เดือนพฤศจิกายน 2547
รายได้นำส่งคลังมีจำนวนทั้งสิ้น 80,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 11,677 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.9 ในขณะที่มีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 104,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 17,716 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20.5 โดยรายจ่ายดังกล่าวแยกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 93,000 ล้านบาท และรายจ่ายปีก่อน 11,059 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 23,397 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งขาดดุล 34,480 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังขาดดุลทั้งสิ้น 57,878 ล้านบาท
1.2 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2547 (ต.ค. — พ.ย. 47)
1) ด้านรายได้นำส่งคลัง ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังรวมทั้งสิ้น 143,810 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7,049 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.7 เนื่องจากในเดือนตุลาคมมีการโอนรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจจำนวน 17,366 ล้านบาท (ถ้าไม่รวมการโอนให้อปท. รายได้นำส่งคลังจะเพิ่มขึ้น 10,317 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8)
2) ด้านรายจ่ายตาม พรบ. งบประมาณ การเบิกจ่ายมีจำนวนทั้งสิ้น 202,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 33,199 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.6 รายจ่ายที่สำคัญได้แก่ จ่ายเงินอุดหนุนให้ส่วนราชการประมาณ 36,000 ล้านบาท
3) ดุลเงินงบประมาณ รายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณข้างต้นส่งผลให้ขาดดุลเงินงบประมาณ 58,887 ล้านบาท
4) ดุลเงินนอกงบประมาณ มีการขาดดุลทั้งสิ้น 50,904 ล้านบาท โดยรายจ่ายที่สำคัญคือ การไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 46,207 ล้านบาท กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถอนเงินออกจากคลังจำนวน 8,900 ล้านบาท จ่ายเงินชดเชยสำรองให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการประมาณ 2,000 ล้านบาท
5) ดุลเงินสด ของรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 109,791 ล้านบาท ประกอบด้วยดุลเงินงบประมาณขาดดุลทั้งสิ้น 58,887 ล้านบาท และการขาดดุลนอกงบประมาณจำนวน 50,904 ล้านบาท
2 บทสรุป
จากเป้าหมายนโยบายการคลังสมดุลในปีงบประมาณ 2548 กระทรวงการคลังคาดว่าฐานะการคลังของรัฐบาลจะเกินดุล เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ผลการจัดเก็บรายได้น่าจะเกินเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ส่วนการขาดดุลในปัจจุบันเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ในช่วงต้นปีงบประมาณเท่านั้น เมื่อถึงช่วงการเก็บภาษีในเดือน พฤษภาคม และ สิงหาคม จะทำให้ฐานะการคลังเกินดุล
นโยบายการคลังสมดุลจะส่งผลบวกต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันโดยช่วยรักษาเสถียรภาพและสร้างสมดุลให้แก่สภาพเศรษฐกิจที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่นโยบายการเงินด้านอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้นตามภาวะตลาดการเงินโลก
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 107/2547 23ธันวาคม 2547--
1 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด (Cash Basis)
1.1 เดือนพฤศจิกายน 2547
รายได้นำส่งคลังมีจำนวนทั้งสิ้น 80,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 11,677 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.9 ในขณะที่มีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 104,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 17,716 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20.5 โดยรายจ่ายดังกล่าวแยกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 93,000 ล้านบาท และรายจ่ายปีก่อน 11,059 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 23,397 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งขาดดุล 34,480 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังขาดดุลทั้งสิ้น 57,878 ล้านบาท
1.2 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2547 (ต.ค. — พ.ย. 47)
1) ด้านรายได้นำส่งคลัง ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังรวมทั้งสิ้น 143,810 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7,049 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.7 เนื่องจากในเดือนตุลาคมมีการโอนรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจจำนวน 17,366 ล้านบาท (ถ้าไม่รวมการโอนให้อปท. รายได้นำส่งคลังจะเพิ่มขึ้น 10,317 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8)
2) ด้านรายจ่ายตาม พรบ. งบประมาณ การเบิกจ่ายมีจำนวนทั้งสิ้น 202,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 33,199 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.6 รายจ่ายที่สำคัญได้แก่ จ่ายเงินอุดหนุนให้ส่วนราชการประมาณ 36,000 ล้านบาท
3) ดุลเงินงบประมาณ รายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณข้างต้นส่งผลให้ขาดดุลเงินงบประมาณ 58,887 ล้านบาท
4) ดุลเงินนอกงบประมาณ มีการขาดดุลทั้งสิ้น 50,904 ล้านบาท โดยรายจ่ายที่สำคัญคือ การไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 46,207 ล้านบาท กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถอนเงินออกจากคลังจำนวน 8,900 ล้านบาท จ่ายเงินชดเชยสำรองให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการประมาณ 2,000 ล้านบาท
5) ดุลเงินสด ของรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 109,791 ล้านบาท ประกอบด้วยดุลเงินงบประมาณขาดดุลทั้งสิ้น 58,887 ล้านบาท และการขาดดุลนอกงบประมาณจำนวน 50,904 ล้านบาท
2 บทสรุป
จากเป้าหมายนโยบายการคลังสมดุลในปีงบประมาณ 2548 กระทรวงการคลังคาดว่าฐานะการคลังของรัฐบาลจะเกินดุล เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ผลการจัดเก็บรายได้น่าจะเกินเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ส่วนการขาดดุลในปัจจุบันเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ในช่วงต้นปีงบประมาณเท่านั้น เมื่อถึงช่วงการเก็บภาษีในเดือน พฤษภาคม และ สิงหาคม จะทำให้ฐานะการคลังเกินดุล
นโยบายการคลังสมดุลจะส่งผลบวกต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันโดยช่วยรักษาเสถียรภาพและสร้างสมดุลให้แก่สภาพเศรษฐกิจที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่นโยบายการเงินด้านอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้นตามภาวะตลาดการเงินโลก
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 107/2547 23ธันวาคม 2547--