‘ปชป.’ จัดอบรมผู้สมัครส.ส.ของกทม. 37 เขต หวั่นพลาดท่าโดน ‘ใบเหลือง — ใบแดง’ ด้านสถานการณ์ทางการเมืองก่อนเลือกตั้งร้อนฉ่า ! สังหารนายกฯอบจ.พังงา..เรียกร้องรัฐบาลอย่าปากว่าตาขยิบให้จัดการผู้อิทธิพลอย่างจริงจัง ย้ำขอให้คดีลอบฆ่านายกอบจ.พังงาเป็นกรณีสุดท้าย
วันที่ ( 26 ธ.ค.47) ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กทม. เขต 27 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ เวลา 09.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดอบรมผู้สมัครส.ส.ของกทม.ทั้ง 37 เขต โดยจะเชิญผู้อำนวยการเขต ทนาย และสมุห์บัญชีของทุกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกทม.เข้าร่วมประชุม ซึ่งในช่วงเช้าคูณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค ดูแลการเลือกตั้งกทม. จะเป็นประธานเปิดการสัมมนาอบรมในครั้งนี้ จากนั้น จะมีตัวแทนจากทางกกต.มาบรรยายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายเลือกตั้ง พร้อมทั้งตอบข้อซักถาม สำหรับช่วงบ่ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และตน รวมทั้งอีกหลายๆคนจะมาบรรยายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ผู้สมัคร
นายองอาจ กล่าวถึงสาเหตุที่ทางพรรคต้องมีการจัดอบรมสัมมนาครั้งนี้ เนื่องจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีกฏหมายและแนวทางในการปฏิบัติของกกต.แตกต่างจากการเลือกตั้งครี้งที่แล้วในหลายๆด้าน ซึ่งสิ่งที่เราเคยทำได้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาสามารถทำได้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับมีหลายอย่างที่ทางกกต.ประกาศว่าทำไม่ได้ ผิดกฏหมายเลือกตั้ง หรือการเลือกตั้งครั้งที่แล้วทำไม่ได้แต่ในครั้งนี้ทำได้ไม่ผิดกฏหมายเลือกตั้ง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนแก่ผู้สมัครส.ส.ของเราพลาดท่าถูกใบเหลือง ใบแดง เราจึงจัดสัมมนาให้การอบรมขึ้นในครั้งนี้ เพื่อป้องกันให้ดำเนินการรณรงค์เลือกตั้งไม่ผิดกฏหมายและฝ่าฝืนข้อกำหนดของกกต. และขณะนี้มีการเคลื่อนไหวในหลายๆพื้นที่ โดยมีคำถามจากผู้สมัครมายังพรรคฯว่าอะไรที่ทำได้และสิ่งใดทำไม่ได้ เพราะผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความสับสน เนื่องจากผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นทำ ได้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองบอกว่าไม่สามารถทำได้
การเมืองระอุ..สังหารนายกฯอบจ.พังงา คนสนิทส.ส.
นายองอาจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงค่อนข้างมากในการเลือกตั้งในหลายๆพื้นที่ และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการร้องเรียนจขากผู้สมัครในหลายๆเดขตว่าเริ่มถูกข่มขู่ และคุมคามทั้งในระดับธรรมดาจนถึงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางพรรคฯก็ไม่ได้วิตกและบอกกับผู้สมัครว่าไม่ต้องไปหวั่นไหวให้หาเสียงต่อไป เราเชื่อว่าน่าจะเป็นเพียงการข่มขู่เฉยๆ แต่พอเกิดเหตุที่จ.พังงาที่มีการลอบยิงนายกฯอบจ. ซึ่งเป็นคนสนิทของนายจุริทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จนเสียชีวิต ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติเสียแล้ว ซึ่งพวกเราก็ทราบกันดีว่านายจุรินทร์ ถูกเป็นเป้าทางการเมือง เพราะทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าสู่สนามใดๆก็ตาม ที่อาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาล เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือการยื่นรายชื่อเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีบางคน ซึ่งทุกครั้งนายจุรินทร์ จะถูกนำเรื่องเก่าๆขึ้นมาทำลายความน่าเชื่อถือ โดยอ้างว่าจะจับติดคุกแต่ก็ไม่สามารถดำเนินการกับนายจุรินทร์ได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว
นายองอาจ กล่าวว่า เมื่อมาถึงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ก็ถูกตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เป็นแค่จับติดคุก แต่เป็นการทำจริงโดยการฆ่าคนสนิท เป็นเรื่องทำให้การเมืองมีความรุนแรงมากขึ้นและแม้ว่ารัฐบาลจะพยามยามออกมาพูดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ในเบื้องต้นตนขอสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเรื่องทางการเมือง เพราะที่ตรวจสอบเป็นการภายในนายกฯอบจ.นั้นไม่มีเรื่องขัดแย้งใดๆ นอกเหนือจากการลงแข่งขันทางการเมืองท้องถิ่นและเป็นคนสนิทของนายจุรินทร์ ที่ช่วยหาเสียงในระดับชาติ ก็ไม่มีเหตุขัดแย้งใดที่จะถึงขั้นทำร้ายชีวิต ดังนั้น หากรัฐบาลมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง รัฐบาลต้องเร่งหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เหมือนกับคดีอื่นที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่เคยจับกุม คนที่ลอบฆ่า ลอบทำร้ายคนของพรรคประชาธิปัตย์ได้แม้แต่รายเดียว โดยมีอยู่ประมาณ 20 คดี และไม่เคยมีการสืบสวนอย่างเป็นจริงจังจากรัฐบาล
“พรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องรัฐบาล คือ รัฐบาลจะต้องไม่ปากว่าตาขยิบ ปากก็บอกว่าปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ในทางปฏิบัติจริงในขณะนี้ ถามว่าผู้มีอิทธิพลหมดไปหรือยัง ถ้าหมดไปแล้วทำไมจึงยังมีการลอบฆ่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์หวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จ.พังงาจะเป็นเหตุการณืครั้งสุดท้ายในการเลือกตั้งครั้งและหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่นๆที่แข่งขันกับพรรคไทยรักไทย และสิ่งที่เราได้รับรายงานมากขึ้นในเรื่องความรุนแรงว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบในหลายๆพื้นที่มีส่วนสำคัญในการรู้เห็นเป็นใจกับผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีควรจะกำชับเป็นนโยบายไม่ให้ข้าราชการ โดยเฉพาะคนในเครื่องแบบไม่ว่าจะเป็นสีเขียว หรือสีกากี อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้สมัครพรรคไทยรักไทย เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลเหิมเกริมมากขึ้น และอาจเป็นเครื่องลอบฆ่าพรรคการเมืองตรงข้ามและผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์”นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
วันที่ ( 26 ธ.ค.47) ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กทม. เขต 27 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ เวลา 09.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดอบรมผู้สมัครส.ส.ของกทม.ทั้ง 37 เขต โดยจะเชิญผู้อำนวยการเขต ทนาย และสมุห์บัญชีของทุกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งกทม.เข้าร่วมประชุม ซึ่งในช่วงเช้าคูณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค ดูแลการเลือกตั้งกทม. จะเป็นประธานเปิดการสัมมนาอบรมในครั้งนี้ จากนั้น จะมีตัวแทนจากทางกกต.มาบรรยายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายเลือกตั้ง พร้อมทั้งตอบข้อซักถาม สำหรับช่วงบ่ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และตน รวมทั้งอีกหลายๆคนจะมาบรรยายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ผู้สมัคร
นายองอาจ กล่าวถึงสาเหตุที่ทางพรรคต้องมีการจัดอบรมสัมมนาครั้งนี้ เนื่องจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีกฏหมายและแนวทางในการปฏิบัติของกกต.แตกต่างจากการเลือกตั้งครี้งที่แล้วในหลายๆด้าน ซึ่งสิ่งที่เราเคยทำได้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาสามารถทำได้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับมีหลายอย่างที่ทางกกต.ประกาศว่าทำไม่ได้ ผิดกฏหมายเลือกตั้ง หรือการเลือกตั้งครั้งที่แล้วทำไม่ได้แต่ในครั้งนี้ทำได้ไม่ผิดกฏหมายเลือกตั้ง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนแก่ผู้สมัครส.ส.ของเราพลาดท่าถูกใบเหลือง ใบแดง เราจึงจัดสัมมนาให้การอบรมขึ้นในครั้งนี้ เพื่อป้องกันให้ดำเนินการรณรงค์เลือกตั้งไม่ผิดกฏหมายและฝ่าฝืนข้อกำหนดของกกต. และขณะนี้มีการเคลื่อนไหวในหลายๆพื้นที่ โดยมีคำถามจากผู้สมัครมายังพรรคฯว่าอะไรที่ทำได้และสิ่งใดทำไม่ได้ เพราะผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความสับสน เนื่องจากผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นทำ ได้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองบอกว่าไม่สามารถทำได้
การเมืองระอุ..สังหารนายกฯอบจ.พังงา คนสนิทส.ส.
นายองอาจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงค่อนข้างมากในการเลือกตั้งในหลายๆพื้นที่ และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการร้องเรียนจขากผู้สมัครในหลายๆเดขตว่าเริ่มถูกข่มขู่ และคุมคามทั้งในระดับธรรมดาจนถึงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางพรรคฯก็ไม่ได้วิตกและบอกกับผู้สมัครว่าไม่ต้องไปหวั่นไหวให้หาเสียงต่อไป เราเชื่อว่าน่าจะเป็นเพียงการข่มขู่เฉยๆ แต่พอเกิดเหตุที่จ.พังงาที่มีการลอบยิงนายกฯอบจ. ซึ่งเป็นคนสนิทของนายจุริทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จนเสียชีวิต ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติเสียแล้ว ซึ่งพวกเราก็ทราบกันดีว่านายจุรินทร์ ถูกเป็นเป้าทางการเมือง เพราะทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าสู่สนามใดๆก็ตาม ที่อาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาล เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือการยื่นรายชื่อเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีบางคน ซึ่งทุกครั้งนายจุรินทร์ จะถูกนำเรื่องเก่าๆขึ้นมาทำลายความน่าเชื่อถือ โดยอ้างว่าจะจับติดคุกแต่ก็ไม่สามารถดำเนินการกับนายจุรินทร์ได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว
นายองอาจ กล่าวว่า เมื่อมาถึงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ก็ถูกตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เป็นแค่จับติดคุก แต่เป็นการทำจริงโดยการฆ่าคนสนิท เป็นเรื่องทำให้การเมืองมีความรุนแรงมากขึ้นและแม้ว่ารัฐบาลจะพยามยามออกมาพูดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ในเบื้องต้นตนขอสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเรื่องทางการเมือง เพราะที่ตรวจสอบเป็นการภายในนายกฯอบจ.นั้นไม่มีเรื่องขัดแย้งใดๆ นอกเหนือจากการลงแข่งขันทางการเมืองท้องถิ่นและเป็นคนสนิทของนายจุรินทร์ ที่ช่วยหาเสียงในระดับชาติ ก็ไม่มีเหตุขัดแย้งใดที่จะถึงขั้นทำร้ายชีวิต ดังนั้น หากรัฐบาลมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง รัฐบาลต้องเร่งหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เหมือนกับคดีอื่นที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่เคยจับกุม คนที่ลอบฆ่า ลอบทำร้ายคนของพรรคประชาธิปัตย์ได้แม้แต่รายเดียว โดยมีอยู่ประมาณ 20 คดี และไม่เคยมีการสืบสวนอย่างเป็นจริงจังจากรัฐบาล
“พรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องรัฐบาล คือ รัฐบาลจะต้องไม่ปากว่าตาขยิบ ปากก็บอกว่าปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ในทางปฏิบัติจริงในขณะนี้ ถามว่าผู้มีอิทธิพลหมดไปหรือยัง ถ้าหมดไปแล้วทำไมจึงยังมีการลอบฆ่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์หวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จ.พังงาจะเป็นเหตุการณืครั้งสุดท้ายในการเลือกตั้งครั้งและหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่นๆที่แข่งขันกับพรรคไทยรักไทย และสิ่งที่เราได้รับรายงานมากขึ้นในเรื่องความรุนแรงว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบในหลายๆพื้นที่มีส่วนสำคัญในการรู้เห็นเป็นใจกับผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีควรจะกำชับเป็นนโยบายไม่ให้ข้าราชการ โดยเฉพาะคนในเครื่องแบบไม่ว่าจะเป็นสีเขียว หรือสีกากี อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้สมัครพรรคไทยรักไทย เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลเหิมเกริมมากขึ้น และอาจเป็นเครื่องลอบฆ่าพรรคการเมืองตรงข้ามและผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์”นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-