ปชป.ปฏิเสธข่าวขัดแย้งจัดปาร์ตี้ลิสต์ ยัน ! ยึดหลักเกณฑ์เหมือนการเลือกตั้งครั้งก่อนและต้องผ่านที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรคก่อนยื่นกกต.วันที่ 7 ม.ค.
ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กทม. เขต 27 ธนบุรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มทศวรรษใหม่กับกลุ่มผลัดใบในการจัดลำดับผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ โดยรู้กันเฉพาะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งตามที่เป็นข่าว เพราะนายบัญญัติ ได้แจ้งผู้บริหารพรรคให้ทราบว่าจะขอเวลาในการไปดูผู้ที่แสดงความจำนงลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด และเมื่อสอบถามกันชัดเจนแล้วว่าใครมีความประสงค์อย่างไร และดูหลักเกณฑ์ในเรื่องของความรู้ ประสบการณ์ โครงสร้างพรรค และลำดับเดิม เพราะจะเกี่ยวพันกับตอนที่คัดเลือกผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้งด้วย เพราะบางคนจะเปลี่ยนจากระบบเขตขึ้นมา ทางหัวหน้าพรรคจึงขอไปดูภาพรวมตรงนั้น จากนั้นคงจะมาแจ้งให้ผู้บริหารพรรคทราบ ซึ่งหัวหน้าพรรคให้ความมั่นใจกับทุกคนว่าจะพิจารณาตามหลักเกณฑ์และให้ความเป็นธรรม ขณะเดียวกันตนเชื่อว่าทุกคนมีวินัย เมื่อพรรคมีข้อยุติอย่างไรก็พร้อมที่จะปฏิบัติ
“ตอนนี้หัวหน้าขอไปดูแลพูดคุยกับหลาย ๆ ท่าน เช่นคนเดิมที่เคยลง อาจจะสอบถามว่ายืนยันหรือไม่ อย่างไร และเมื่อดูเรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่าท่านคงไม่มีปัญหาที่จะมาแจ้งผู้บริหารว่าใครมีความเห็นอย่างไร และผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีปัญหา เพราะเราพูดเสมอว่าใครสมัครระบบบัญชีรายชื่อต้องไม่เกี่ยงเรื่องลำดับ และเซ็นใบยินยอมกันไปแล้ว รวมทั้งผมด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่คณะผู้บริหารพรรคและกรรมการบริหารพรรคจะได้สิทธิลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อในลำดับต้น ๆ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องแล้วแต่ทางพรรคจะพิจารณา ซึ่งอาจจะมีหลักเกณฑ์อื่นด้วยก็ได้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยเปลี่ยนตัวผู้สมัครเขต 30 บางกอกน้อยจากนายจักรพันธุ์ ยมจินดา มาเป็นนายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าจริง ๆ แล้วเป็นเหตุซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่ในแง่ของเขตพื้นที่นั้นนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคในเขตดังกล่าวได้ทำงานอย่างเข้มแข็งมาตลอด ดังนั้นไม่ว่าใครมาสมัครก็ต้องพร้อม และเชื่อว่าการที่นายจักรภพมีตำแหน่งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกโทรทัศน์บ่อยไม่ได้ทำให้ได้เปรียบ เพราะนายองอาจก็เป็นโฆษกพรรค และออกโทรทัศน์บ่อยเช่นกัน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสมยศ สุทธางกูร เจ้าธุรกิจคาเฟ่จะลงสมัครส.ส.กทม.ในนามพรรคนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูว่ายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกหรือยัง และเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้พิจารณา
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ของการจัดบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะก่อนหน้านี้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคได้พูดชัดเจนกับคณะผู้บริหารพรรคในที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรคว่าในจำนวนผู้สมัคร 100 รายชื่อของระบบบัญชีรายชื่อนั้นได้มอบหมายให้คณะผู้บริหารพรรค โดยเฉพาะรองหัวหน้าพรรคภาคต่าง ๆ ไปจัดหาเชื้อเชิญและรวบรวมรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมและส่งรายชื่อนั้นให้หัวหน้าพรรค เพราะฉะนั้นขณะนี้อยู่ในกระบวนการขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยมีรองหัวหน้าพรรคหลายคนได้ยื่นรายชื่อต่อหัวหน้าพรรคแล้ว จากนั้นหัวหน้าพรรคจะหารือกับคณะผู้บริหารพรรคอีกครั้งหนึ่ง โดยจะนัดการประชุมคณะผู้บริหารเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจัดลำดับผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ก่อนยื่นรายชื่อต่อกกต.ในรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 7 ม.ค.2548
“ในการพิจารณาการจัดลำดับคงใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว โดยยึดความรู้ความสามารถ ความผูกพันธ์และมีอุดมการณ์ร่วมกับพรรค ความอาวุโส ความพร้อมที่จะเป็นส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคงไม่มีใครพอใจ 100% เพราะใคร ๆ ก็อยากได้ลำดับต้น ๆ แต่จะทำให้ทุกคนยอมรับได้มากที่สุด แต่บรรยากาศการประชุมที่ผ่านมายืนยันว่าไม่ถึงกับขัดแย้ง ทั้งนี้ก่อนวันสมัครจะต้องมีการนัดประชุมคณะผู้บริหารพรรคเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่ปรากฎเป็นข่าวจึงไม่เป็นความจริง เพราะคงไม่มีใครไปยื่นรายชื่อผู้สมัครส.ส.ของพรรคโดยไม่ผ่านคณะผู้บริหารหรือกรรมการบริหารพรรคได้ ตรงนี้ไม่ต้องกังวล” นายองอาจ กล่าว
ส่วนที่มีข่าวว่าจะจัดให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคอยู่ในลำดับที่ 2 ของระบบบัญชีรายชื่อนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครบอกได้ว่าอยู่ลำดับใด เพราะขึ้นอยู่กับคณะผู้บริหารพิจารณา
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่านายสมยศ สุธางกุล เจ้าของพระราม 9 คาเฟ่จะมาลงสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยังไม่ทราบ สำหรับการที่นายสมยศเป็นเจ้าของคาเฟ่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่งด้านบันเทิงกลางคืน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กทม. เขต 27 ธนบุรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มทศวรรษใหม่กับกลุ่มผลัดใบในการจัดลำดับผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ โดยรู้กันเฉพาะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งตามที่เป็นข่าว เพราะนายบัญญัติ ได้แจ้งผู้บริหารพรรคให้ทราบว่าจะขอเวลาในการไปดูผู้ที่แสดงความจำนงลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด และเมื่อสอบถามกันชัดเจนแล้วว่าใครมีความประสงค์อย่างไร และดูหลักเกณฑ์ในเรื่องของความรู้ ประสบการณ์ โครงสร้างพรรค และลำดับเดิม เพราะจะเกี่ยวพันกับตอนที่คัดเลือกผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้งด้วย เพราะบางคนจะเปลี่ยนจากระบบเขตขึ้นมา ทางหัวหน้าพรรคจึงขอไปดูภาพรวมตรงนั้น จากนั้นคงจะมาแจ้งให้ผู้บริหารพรรคทราบ ซึ่งหัวหน้าพรรคให้ความมั่นใจกับทุกคนว่าจะพิจารณาตามหลักเกณฑ์และให้ความเป็นธรรม ขณะเดียวกันตนเชื่อว่าทุกคนมีวินัย เมื่อพรรคมีข้อยุติอย่างไรก็พร้อมที่จะปฏิบัติ
“ตอนนี้หัวหน้าขอไปดูแลพูดคุยกับหลาย ๆ ท่าน เช่นคนเดิมที่เคยลง อาจจะสอบถามว่ายืนยันหรือไม่ อย่างไร และเมื่อดูเรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่าท่านคงไม่มีปัญหาที่จะมาแจ้งผู้บริหารว่าใครมีความเห็นอย่างไร และผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีปัญหา เพราะเราพูดเสมอว่าใครสมัครระบบบัญชีรายชื่อต้องไม่เกี่ยงเรื่องลำดับ และเซ็นใบยินยอมกันไปแล้ว รวมทั้งผมด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่คณะผู้บริหารพรรคและกรรมการบริหารพรรคจะได้สิทธิลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อในลำดับต้น ๆ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องแล้วแต่ทางพรรคจะพิจารณา ซึ่งอาจจะมีหลักเกณฑ์อื่นด้วยก็ได้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยเปลี่ยนตัวผู้สมัครเขต 30 บางกอกน้อยจากนายจักรพันธุ์ ยมจินดา มาเป็นนายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าจริง ๆ แล้วเป็นเหตุซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่ในแง่ของเขตพื้นที่นั้นนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคในเขตดังกล่าวได้ทำงานอย่างเข้มแข็งมาตลอด ดังนั้นไม่ว่าใครมาสมัครก็ต้องพร้อม และเชื่อว่าการที่นายจักรภพมีตำแหน่งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกโทรทัศน์บ่อยไม่ได้ทำให้ได้เปรียบ เพราะนายองอาจก็เป็นโฆษกพรรค และออกโทรทัศน์บ่อยเช่นกัน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสมยศ สุทธางกูร เจ้าธุรกิจคาเฟ่จะลงสมัครส.ส.กทม.ในนามพรรคนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูว่ายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกหรือยัง และเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้พิจารณา
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ของการจัดบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะก่อนหน้านี้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคได้พูดชัดเจนกับคณะผู้บริหารพรรคในที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรคว่าในจำนวนผู้สมัคร 100 รายชื่อของระบบบัญชีรายชื่อนั้นได้มอบหมายให้คณะผู้บริหารพรรค โดยเฉพาะรองหัวหน้าพรรคภาคต่าง ๆ ไปจัดหาเชื้อเชิญและรวบรวมรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมและส่งรายชื่อนั้นให้หัวหน้าพรรค เพราะฉะนั้นขณะนี้อยู่ในกระบวนการขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยมีรองหัวหน้าพรรคหลายคนได้ยื่นรายชื่อต่อหัวหน้าพรรคแล้ว จากนั้นหัวหน้าพรรคจะหารือกับคณะผู้บริหารพรรคอีกครั้งหนึ่ง โดยจะนัดการประชุมคณะผู้บริหารเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจัดลำดับผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ก่อนยื่นรายชื่อต่อกกต.ในรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 7 ม.ค.2548
“ในการพิจารณาการจัดลำดับคงใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว โดยยึดความรู้ความสามารถ ความผูกพันธ์และมีอุดมการณ์ร่วมกับพรรค ความอาวุโส ความพร้อมที่จะเป็นส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคงไม่มีใครพอใจ 100% เพราะใคร ๆ ก็อยากได้ลำดับต้น ๆ แต่จะทำให้ทุกคนยอมรับได้มากที่สุด แต่บรรยากาศการประชุมที่ผ่านมายืนยันว่าไม่ถึงกับขัดแย้ง ทั้งนี้ก่อนวันสมัครจะต้องมีการนัดประชุมคณะผู้บริหารพรรคเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่ปรากฎเป็นข่าวจึงไม่เป็นความจริง เพราะคงไม่มีใครไปยื่นรายชื่อผู้สมัครส.ส.ของพรรคโดยไม่ผ่านคณะผู้บริหารหรือกรรมการบริหารพรรคได้ ตรงนี้ไม่ต้องกังวล” นายองอาจ กล่าว
ส่วนที่มีข่าวว่าจะจัดให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคอยู่ในลำดับที่ 2 ของระบบบัญชีรายชื่อนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครบอกได้ว่าอยู่ลำดับใด เพราะขึ้นอยู่กับคณะผู้บริหารพิจารณา
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่านายสมยศ สุธางกุล เจ้าของพระราม 9 คาเฟ่จะมาลงสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยังไม่ทราบ สำหรับการที่นายสมยศเป็นเจ้าของคาเฟ่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่งด้านบันเทิงกลางคืน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-