วันนี้ (27 ธ.ค.47) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจัดรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระแสข่าวว่าอาจไม่มีชื่อของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค และเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มผลัดใบ รวมอยู่ด้วย ว่า ตนคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะได้มีการแจ้งแก่คณะผู้บริหารให้รับทราบถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาความรู้ความสามารถ ความทุ่มเทให้กับพรรค ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ในขั้นการพิจารณา โดยตนได้ขอรายชื่อบุคคลที่แสดงความจำนงที่ขอลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดมาพิจารณาเปรียบเทียบคุณสมบัติ อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ทุกฝ่ายสบายใจในเรื่องนี้ ส่วนที่มีข่าวออกมาว่ามีปัญหากันนั้น ก็เป็นเพียงการพูดของแหล่งข่าว ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้แล้วว่าไม่คิดว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น สำหรับกรณีของนายสุเทพนั้น นายสุเทพ ถือเป็นคนที่ทำงานหนักมากให้กับพรรค ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชื่ออยู่ในอันดับท้ายๆของระบบปาร์ตี้ ลิสต์ เรื่องดังกล่าว จึงคาดว่าน่าจะเป็นการปล่อยข่าวให้พรรคมีปัญหาระหว่างกันมากกว่า
ส่วนกระแสข่าวว่ามีชื่อของนายสมยศ สุธางกูร นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมยศ ได้แสดงความจำนงมายังพรรคว่าพร้อมที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ไม่ได้มีการเสนอเงื่อนไขใดๆ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นบุคคลที่น่าจะพิจารณา เพราะนายสมยศ เป็นตัวแทนของกลุ่มคนอาชีพหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในระบบปาร์ตี้ ลิสต์ นี้ ส่วนใหญ่มีชื่อของบุคคลจากหลายสาขาอาชีพเข้ามารวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องพิจารณา เพราะหากเราถือว่าต้องการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนทุกสาขาอาชีพ เราก็ต้องเอาคนจากทุกสาขาอาชีพที่สนใจจะลงสมัครมาพิจารณา ส่วนการที่มีชื่อของผู้ที่ทำธุรกิจกลางคืน จะถูกมองว่าตรงข้ามกับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เน้นในด้านสังคมหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่มีปัญหา ถ้าบุคคลนั้นเคารพยึดถือกฎเกณฑ์กติกา รู้จักความพอดี และประกอบอาชีพโดยสุจริต ไม่ว่าจะเป็นอาชีพกลางวันหรือกลางคืน ต้องถือว่าเหมือนกัน หากจะมีการโจมตีพรรค ก็มีเรื่องอื่นให้หยิบยกมาได้ ทั้งนี้ ในการประกาศชัดเจนว่านายสมยศ เป็นผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคหรือไม่นั้น พรรคจะยังไม่ประกาศ เพราะการพิจารณาผู้สมัครในระบบนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อย
“เมื่อพรรคการเมืองคือตัวแทนคนทุกสาขาอาชีพ คนทุกกลุ่มอาชีพก็ควรจะมีสิทธิ์ร่วมกระบวนการทางเมืองด้วย ถ้าจะไปคิดแต่ว่าคนทำงานกลางคืนไม่เหมาะ คงจะไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็จะเป็นความคับแคบได้ ส่วนเรื่องการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบริการให้เป็นตี 2 นั้น ที่คุณสมยศได้เคยออกมาเรียกร้องนั้น ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนั้น ขอให้สบายใจได้ว่า ถ้ามีคนสาขาอาชีพนั้น สาขาอาชีพนี้ เข้ามาอยู่ในพรรคแล้ว พรรคจะลอยเปลี่ยนตามเขาที่จะเสนออะไรก็ได้ คงไม่ใช่ และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเรามีกฎเกณฑ์ และผมมีความรู้สึกว่า อย่าไปตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์คนแต่ละสาขาอาชีพ เพราะเราจะไปบังคับให้ทุกคนประกอบอาชีพเดียวกันอย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่ได้”นายบัญญัติ กล่าว
ด้านนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่เคยอยู่ในระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว หัวหน้าพรรคได้ให้แสดงความจำนงก่อนว่ายังยืนยันที่จะอยู่ในระบบนี้หรือไม่ ส่วนหลักการในการพิจารณาคนใหม่นั้น หัวหน้าพรรคได้เรียนในที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรค คือ สัดส่วนผู้สมัครบัญชีรายชื่อนั้น ให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคนำเสนอชื่อภาคละ 10 คนมาที่หัวหน้าพรรค และหัวหน้าพรรคจะคัดสรรและหารือกับคณะผู้บริหารอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อต้องมีหลากหลายสาขาวิชาชีพ และมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับในสาขานั้น ๆ ซึ่งพรรคจะต้องคัดสรรอย่างดีที่สุด ส่วนที่มีข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออาจถูกจัดอยู่ในลำดับท้าย ๆของบัญชีรายชื่อนั้น ตนขอยืนยันว่านายสุเทพได้ช่วยงานพรรคมาตลอดและเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในพรรคมานาน คณะผู้บริหารต้องจัดลำดับให้นายสุเทพอยู่ในลำดับที่สามารถตอบกับทุก ๆ คนได้
“ข่าวที่บอกว่าผมรู้กับหัวหน้า 2 คน ขอยืนยันว่าผมยังไม่รู้ระแคะระคายเลยว่าจัดอย่างไรและรายชื่อทั้งหมดอยู่ที่ไหนอย่างไร ท่านหัวหน้าเป็นคนรวบรวมอยู่ และผมสามารถพูดได้โดยไม่มีผลประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องบัญชีรายชื่อ เพราะผมในฐานะเลขาธิการพรรคก็ไม่ได้อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ ผมลงในระบบเขต เพราะฉะนั้น การที่ใครมาจะมาอยู่บัญชีรายชื่อ ผมก็ต้องพูดและออกความเห็นได้ ดังนั้น ขอบอกให้ทุกคนสบายใจได้ว่าการที่คณะผู้บริหารและกรรมการบริหารจะจัดบัญชีรายชื่อออกมาจะต้องตอบสมาชิกพรรคได้และอธิบายได้ว่าใครอยู่ในลำดับใดอยู่ตรงไหนมีเหตุผลอะไร ถ้าอธิบายไม่ได้พรรคก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่จัดอะไร ตำแหน่งในพรรคต้องอยู่บนพื้นฐานที่มีความยุติธรรม อธิบายได้และมีความเหมาะสม” นายประดิษฐ์ กล่าว
ส่วนกรณีเหตุการณ์เกิดคลื่นยักษ์ถล่มพื้นที่ในหลายจังหวัดในแถบอันดามันของไทย ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและสูญหาย นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ลงไปตั้งทีมงานที่ประกอบด้วย ส.ส.และสาขาพรรคในพื้นที่จังหวัดเหล่านี้ ออกให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น และประสานงานกับหน่วยงานราชการ และในวันนี้ ตนได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารพรรคเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่พรรคจะต้องคุยกันว่าจะลงไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างไร ซึ่งบทบาทของพรรคในเรื่องนี้ จะเป็นการลงพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับประชาชนเท่านั้น เพราะหากฝ่ายการเมืองเข้าไปให้ความช่วยเหลือมากเกินไป อาจกลายเป็นการเข้าข่ายจูงใจให้ลงคะแนนเสียงแก่พรรคการเมืองนั้นๆในการเลือกตั้ง ทั้งที่ถือเป็นภาระส.ส.ของแต่ละพรรคที่จะต้องให้ความช่วยเหลือในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ส่วนการหาเสียงในพื้นที่ยังคงทำต่อไปให้ครบถ้วน
ส่วนกรณีที่นางกันตวรรณ กุลจรรยาวิวัฒน์ ส.ส.พังงา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับนางกันตวรรณที่ต้องสูญเสียบุตรชายและบิดา คือ นายบรม ตันเถียร จากเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม พรรคยังไม่พบว่ามีส.ส.คนอื่นของพรรคที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นนี้ แต่มีเพียงผู้ที่ได้รับผลกระทบบ้าง คือ นางเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านพักในจ.ภูเก็ต เกิดความเสียหาย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ส่วนกระแสข่าวว่ามีชื่อของนายสมยศ สุธางกูร นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมยศ ได้แสดงความจำนงมายังพรรคว่าพร้อมที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ไม่ได้มีการเสนอเงื่อนไขใดๆ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นบุคคลที่น่าจะพิจารณา เพราะนายสมยศ เป็นตัวแทนของกลุ่มคนอาชีพหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในระบบปาร์ตี้ ลิสต์ นี้ ส่วนใหญ่มีชื่อของบุคคลจากหลายสาขาอาชีพเข้ามารวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องพิจารณา เพราะหากเราถือว่าต้องการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนทุกสาขาอาชีพ เราก็ต้องเอาคนจากทุกสาขาอาชีพที่สนใจจะลงสมัครมาพิจารณา ส่วนการที่มีชื่อของผู้ที่ทำธุรกิจกลางคืน จะถูกมองว่าตรงข้ามกับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เน้นในด้านสังคมหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่มีปัญหา ถ้าบุคคลนั้นเคารพยึดถือกฎเกณฑ์กติกา รู้จักความพอดี และประกอบอาชีพโดยสุจริต ไม่ว่าจะเป็นอาชีพกลางวันหรือกลางคืน ต้องถือว่าเหมือนกัน หากจะมีการโจมตีพรรค ก็มีเรื่องอื่นให้หยิบยกมาได้ ทั้งนี้ ในการประกาศชัดเจนว่านายสมยศ เป็นผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคหรือไม่นั้น พรรคจะยังไม่ประกาศ เพราะการพิจารณาผู้สมัครในระบบนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อย
“เมื่อพรรคการเมืองคือตัวแทนคนทุกสาขาอาชีพ คนทุกกลุ่มอาชีพก็ควรจะมีสิทธิ์ร่วมกระบวนการทางเมืองด้วย ถ้าจะไปคิดแต่ว่าคนทำงานกลางคืนไม่เหมาะ คงจะไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็จะเป็นความคับแคบได้ ส่วนเรื่องการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบริการให้เป็นตี 2 นั้น ที่คุณสมยศได้เคยออกมาเรียกร้องนั้น ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนั้น ขอให้สบายใจได้ว่า ถ้ามีคนสาขาอาชีพนั้น สาขาอาชีพนี้ เข้ามาอยู่ในพรรคแล้ว พรรคจะลอยเปลี่ยนตามเขาที่จะเสนออะไรก็ได้ คงไม่ใช่ และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเรามีกฎเกณฑ์ และผมมีความรู้สึกว่า อย่าไปตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์คนแต่ละสาขาอาชีพ เพราะเราจะไปบังคับให้ทุกคนประกอบอาชีพเดียวกันอย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่ได้”นายบัญญัติ กล่าว
ด้านนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่เคยอยู่ในระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว หัวหน้าพรรคได้ให้แสดงความจำนงก่อนว่ายังยืนยันที่จะอยู่ในระบบนี้หรือไม่ ส่วนหลักการในการพิจารณาคนใหม่นั้น หัวหน้าพรรคได้เรียนในที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรค คือ สัดส่วนผู้สมัครบัญชีรายชื่อนั้น ให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคนำเสนอชื่อภาคละ 10 คนมาที่หัวหน้าพรรค และหัวหน้าพรรคจะคัดสรรและหารือกับคณะผู้บริหารอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อต้องมีหลากหลายสาขาวิชาชีพ และมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับในสาขานั้น ๆ ซึ่งพรรคจะต้องคัดสรรอย่างดีที่สุด ส่วนที่มีข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออาจถูกจัดอยู่ในลำดับท้าย ๆของบัญชีรายชื่อนั้น ตนขอยืนยันว่านายสุเทพได้ช่วยงานพรรคมาตลอดและเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในพรรคมานาน คณะผู้บริหารต้องจัดลำดับให้นายสุเทพอยู่ในลำดับที่สามารถตอบกับทุก ๆ คนได้
“ข่าวที่บอกว่าผมรู้กับหัวหน้า 2 คน ขอยืนยันว่าผมยังไม่รู้ระแคะระคายเลยว่าจัดอย่างไรและรายชื่อทั้งหมดอยู่ที่ไหนอย่างไร ท่านหัวหน้าเป็นคนรวบรวมอยู่ และผมสามารถพูดได้โดยไม่มีผลประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องบัญชีรายชื่อ เพราะผมในฐานะเลขาธิการพรรคก็ไม่ได้อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ ผมลงในระบบเขต เพราะฉะนั้น การที่ใครมาจะมาอยู่บัญชีรายชื่อ ผมก็ต้องพูดและออกความเห็นได้ ดังนั้น ขอบอกให้ทุกคนสบายใจได้ว่าการที่คณะผู้บริหารและกรรมการบริหารจะจัดบัญชีรายชื่อออกมาจะต้องตอบสมาชิกพรรคได้และอธิบายได้ว่าใครอยู่ในลำดับใดอยู่ตรงไหนมีเหตุผลอะไร ถ้าอธิบายไม่ได้พรรคก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่จัดอะไร ตำแหน่งในพรรคต้องอยู่บนพื้นฐานที่มีความยุติธรรม อธิบายได้และมีความเหมาะสม” นายประดิษฐ์ กล่าว
ส่วนกรณีเหตุการณ์เกิดคลื่นยักษ์ถล่มพื้นที่ในหลายจังหวัดในแถบอันดามันของไทย ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและสูญหาย นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ลงไปตั้งทีมงานที่ประกอบด้วย ส.ส.และสาขาพรรคในพื้นที่จังหวัดเหล่านี้ ออกให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น และประสานงานกับหน่วยงานราชการ และในวันนี้ ตนได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารพรรคเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่พรรคจะต้องคุยกันว่าจะลงไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างไร ซึ่งบทบาทของพรรคในเรื่องนี้ จะเป็นการลงพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับประชาชนเท่านั้น เพราะหากฝ่ายการเมืองเข้าไปให้ความช่วยเหลือมากเกินไป อาจกลายเป็นการเข้าข่ายจูงใจให้ลงคะแนนเสียงแก่พรรคการเมืองนั้นๆในการเลือกตั้ง ทั้งที่ถือเป็นภาระส.ส.ของแต่ละพรรคที่จะต้องให้ความช่วยเหลือในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ส่วนการหาเสียงในพื้นที่ยังคงทำต่อไปให้ครบถ้วน
ส่วนกรณีที่นางกันตวรรณ กุลจรรยาวิวัฒน์ ส.ส.พังงา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับนางกันตวรรณที่ต้องสูญเสียบุตรชายและบิดา คือ นายบรม ตันเถียร จากเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม พรรคยังไม่พบว่ามีส.ส.คนอื่นของพรรคที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นนี้ แต่มีเพียงผู้ที่ได้รับผลกระทบบ้าง คือ นางเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านพักในจ.ภูเก็ต เกิดความเสียหาย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-