แท็ก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงการต่างประเทศ
สุริยา ลาภวิสุทธิสิน
กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย
รัฐมนตรี
กรุงเทพ--23 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายประวิช รัตนเพียร ผู้แทนการค้าไทย และผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM Bank) และผู้แทนสภาหอการค้า รวมทั้งผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดเทศกาลส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวไทย — เวียดนาม ทั้งนี้ ภายหลังจากการประชุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกันแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการประชุมโดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้นับเป็นมิติใหม่ของการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจากนี้ไปจะทำงานในเชิงบูรณาการ โดยการรวมกลุ่มหน่วยราชการและเอกชน ในการร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทยให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้าน และได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาประชุมเกี่ยวกับโครงการจัดคาราวานไปยังเมืองเว้ ประเทศเวียดนามเพื่อที่จะเปิดเส้นทางการค้าใหม่ และเพื่อกระชับความมั่นคงด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 1 — 3 เมษายน 2548 ผลจากการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนประเทศไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดที่สนใจจะให้ความร่วมมือเข้าไปเผยแพร่สินค้า และวัฒนธรรมรวมทั้งได้รับความสนใจจากภาคเอกชนจำนวนมากด้วย
และในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนะที่จะนำสินค้าเข้าไปส่งเสริมในประเทศเพื่อนบ้านประกอบด้วยสินค้าหลายรูปแบบ ทั้งสินค้าพื้นเมือง สินค้า OTOP สินค้า SME และสินค้าบริการ ซึ่งจะนำเข้าไปเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านได้รู้จักสินค้าไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก็จะได้เชิญชวนนักธุรกิจเพื่อนบ้านให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และจะหาลู่ทางการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านภายใต้การให้ความสนับสนุนช่วยเหลือจาก EXIM Bank
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเชิงบูรณาการแนวใหม่ เพื่อจะสร้างความมั่นคงและแข็งแกร่งให้กับการค้าของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งอาจเริ่มที่ประเทศเวียดนามเป็นแห่งแรกก่อน และในโอกาสต่อไปก็จะขยายการดำเนินโครงการไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นเช่น จีนตอนใต้ พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงอินเดีย ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันเพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากร โดยจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดในแต่ละครั้งที่ดำเนินโครงการ และเพื่อให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวเสริมว่าโครงการที่จะจัดขึ้นเรียกว่าโครงการเทศกาลการส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวไทย — เวียดนาม โดยระหว่างการเดินทางจะสำรวจลู่ทางเศรษฐกิจในประเทศลาวด้วย ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่คือคาราวานการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นโครงการแรกที่ได้บูรณาการดำเนินการ โดยนำหน่วยงานต่าง ๆ มาร่วมกันทำงาน สำหรับสินค้าที่จะนำไปส่งเสริมในครั้งนี้จะประกอบด้วยสินค้าประเภทอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ยา ทั้งนี้มูลค่าสินค้าไทยที่ส่งไปขายยังเวียดนามในปี 2547 มีมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าในปี 2548 ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามโครงการนี้ จะเป็นนิมิตหมายที่ดีและคาดว่าจะมีโครงการอื่นต่อไป
ผู้แทนการค้าไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากประโยชน์ที่จะได้รับทันทีในส่วนที่จะได้รับจากการจัดโครงการส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สิ่งที่จะตามมาก็คือ
ประการที่หนึ่ง นอกเหนือจากแนวคิดใหม่ที่จะบูรณาการในการทำงานร่วมกัน คือการที่เราตั้งใจจะขจัดปัญหาและอุปสรรคในทางการค้า โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันเดินทางไปครั้งนี้ จะช่วยลดและแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้าได้อย่างครบวงจร
ประการที่สอง ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านมีความสำคัญอย่างยิ่ง การดำเนินความสัมพันธ์โดยผนวกด้านเศรษฐกิจด้วย และการที่มีเพื่อนบ้านที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมๆ กับไทยจะทำให้ภูมิภาคนี้ มีความเจริญแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต ซึ่งทั้งสองประการนี้จะเป็นประเด็นหลักที่จะส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศในระยะยาว
สำหรับตัวเลขการลงทุนดำเนินโครงการจัดคาราวานส่งเสริมสินค้าไทยในประเทศเพื่อนบ้าน จะมีค่าใช้จ่ายไม่มากนักเพราะทั้งในแง่การเดินทางก็ใกล้ และสินค้าต่าง ๆ ก็มีความคุ้นเคยอยู่แล้วในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นที่นิยมค่อนข้างมาก ซึ่งเห็นว่าจะประสบผลสำเร็จและจะได้มีการดำเนินการต่อไปในประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางตอนเหนือ ใต้ และทางด้านตะวันตก ทั้งนี้ หากทำครบวงจรจะทำให้เป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายประวิช รัตนเพียร ผู้แทนการค้าไทย และผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM Bank) และผู้แทนสภาหอการค้า รวมทั้งผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดเทศกาลส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวไทย — เวียดนาม ทั้งนี้ ภายหลังจากการประชุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกันแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการประชุมโดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้นับเป็นมิติใหม่ของการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจากนี้ไปจะทำงานในเชิงบูรณาการ โดยการรวมกลุ่มหน่วยราชการและเอกชน ในการร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทยให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้าน และได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาประชุมเกี่ยวกับโครงการจัดคาราวานไปยังเมืองเว้ ประเทศเวียดนามเพื่อที่จะเปิดเส้นทางการค้าใหม่ และเพื่อกระชับความมั่นคงด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 1 — 3 เมษายน 2548 ผลจากการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนประเทศไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดที่สนใจจะให้ความร่วมมือเข้าไปเผยแพร่สินค้า และวัฒนธรรมรวมทั้งได้รับความสนใจจากภาคเอกชนจำนวนมากด้วย
และในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนะที่จะนำสินค้าเข้าไปส่งเสริมในประเทศเพื่อนบ้านประกอบด้วยสินค้าหลายรูปแบบ ทั้งสินค้าพื้นเมือง สินค้า OTOP สินค้า SME และสินค้าบริการ ซึ่งจะนำเข้าไปเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านได้รู้จักสินค้าไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก็จะได้เชิญชวนนักธุรกิจเพื่อนบ้านให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และจะหาลู่ทางการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านภายใต้การให้ความสนับสนุนช่วยเหลือจาก EXIM Bank
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเชิงบูรณาการแนวใหม่ เพื่อจะสร้างความมั่นคงและแข็งแกร่งให้กับการค้าของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งอาจเริ่มที่ประเทศเวียดนามเป็นแห่งแรกก่อน และในโอกาสต่อไปก็จะขยายการดำเนินโครงการไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นเช่น จีนตอนใต้ พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงอินเดีย ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันเพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากร โดยจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดในแต่ละครั้งที่ดำเนินโครงการ และเพื่อให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวเสริมว่าโครงการที่จะจัดขึ้นเรียกว่าโครงการเทศกาลการส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวไทย — เวียดนาม โดยระหว่างการเดินทางจะสำรวจลู่ทางเศรษฐกิจในประเทศลาวด้วย ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่คือคาราวานการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นโครงการแรกที่ได้บูรณาการดำเนินการ โดยนำหน่วยงานต่าง ๆ มาร่วมกันทำงาน สำหรับสินค้าที่จะนำไปส่งเสริมในครั้งนี้จะประกอบด้วยสินค้าประเภทอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ยา ทั้งนี้มูลค่าสินค้าไทยที่ส่งไปขายยังเวียดนามในปี 2547 มีมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าในปี 2548 ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามโครงการนี้ จะเป็นนิมิตหมายที่ดีและคาดว่าจะมีโครงการอื่นต่อไป
ผู้แทนการค้าไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากประโยชน์ที่จะได้รับทันทีในส่วนที่จะได้รับจากการจัดโครงการส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สิ่งที่จะตามมาก็คือ
ประการที่หนึ่ง นอกเหนือจากแนวคิดใหม่ที่จะบูรณาการในการทำงานร่วมกัน คือการที่เราตั้งใจจะขจัดปัญหาและอุปสรรคในทางการค้า โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันเดินทางไปครั้งนี้ จะช่วยลดและแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้าได้อย่างครบวงจร
ประการที่สอง ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านมีความสำคัญอย่างยิ่ง การดำเนินความสัมพันธ์โดยผนวกด้านเศรษฐกิจด้วย และการที่มีเพื่อนบ้านที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมๆ กับไทยจะทำให้ภูมิภาคนี้ มีความเจริญแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต ซึ่งทั้งสองประการนี้จะเป็นประเด็นหลักที่จะส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศในระยะยาว
สำหรับตัวเลขการลงทุนดำเนินโครงการจัดคาราวานส่งเสริมสินค้าไทยในประเทศเพื่อนบ้าน จะมีค่าใช้จ่ายไม่มากนักเพราะทั้งในแง่การเดินทางก็ใกล้ และสินค้าต่าง ๆ ก็มีความคุ้นเคยอยู่แล้วในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นที่นิยมค่อนข้างมาก ซึ่งเห็นว่าจะประสบผลสำเร็จและจะได้มีการดำเนินการต่อไปในประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางตอนเหนือ ใต้ และทางด้านตะวันตก ทั้งนี้ หากทำครบวงจรจะทำให้เป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-