หอการค้าไทยยันปีนี้ไทยขาดดุลชัวร์ ย้ำเป้าส่งออก 20% ยาก แนะเร่งผลักดันยานยนต์-อาหาร 'พาณิชย์' ฉับไวรับลูก 'สมคิด' เพิ่มเป้าหมายส่งออก 20% ทันควัน มูลค่า 117,196 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายอาชว์ เตาลานนท์ อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากปี 2547 ทั้งไข้หวัดนก สึนามิ น้ำมันแพง และภัยแล้ง ซึ่งล่าสุดราคาน้ำมันดิบตลาดเท็กซัสขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และแนวโน้มทรงตัวสูงซึ่งจะมีผลกระทบต่อจีดีพี แต่ถ้าเศรษฐกิจไทยโต 5% ขึ้นไปและกระจายรายได้อย่างทั่วถึงก็ถือเป็นอัตราที่น่าพอใจ
ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เพิ่มเป้าหมายการส่งออกจาก 15% เป็น 20% นั้น ในช่วง 2 เดือนแรกมีประเด็นที่น่าสนใจคือ การส่งออกสินค้าหมวดอาหารและหมวดเกษตรลดลง และจริงๆ แล้วมูลค่าหรือเป้าหมายไม่ได้มีความสำคัญกับภาคเอกชนเพราะเร่งผลักดันส่งออกเต็มที่แล้ว
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาการนำเข้ากับการขาดดุลการค้าเป็นเรื่องต่อเนื่องกัน ถ้ายังส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มน้อย เพราะราคาสินค้านำเข้าใกล้เคียงกับที่ส่งออกไปและกำลังผลิตในภาคอุตสาหกรรมขึ้นมาอยู่ที่ 70-80% ซึ่งระดับนี้ต้องลงทุนด้านเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงด้านการผลิตทำให้ต้องนำเข้า ดังนั้นต้องส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศมากขึ้น เช่น ยานยนต์ หมวดอาหาร รวมทั้งควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น
ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย ระบุว่า ปีนี้ไทยขาดดุลการค้าแน่นอนในระดับใกล้เคียงกับสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ไว้คือ 3,200 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้นำเข้าน้ำมัน 6 แสนล้านบาท จากปีก่อน 5 แสนล้านบาท แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังเกินดุล ส่วนเป้าหมายการส่งออกที่ปรับใหม่ 20% ไม่น่าจะทำได้เพราะการเร่งส่งออกเกิน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเรื่องยากมาก
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กรมส่งเสริมการส่งออกได้ปรับเป้าหมายการส่งออกใหม่แล้ว และแจ้งสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 53 แห่งทั่วโลก โดยในวันที่ 7 เม.ย.จะหารือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป้าหมายใหม่ที่ปรับจากเดิม 13% เป็น 20% มีมูลค่าทั้งสิ้น 117,196 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเป้าเดิม 110,402 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดหลักปรับเพิ่มจาก 65,128 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 69,386 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจาก 7.9% เป็น 15% ตลาดรอง จาก 15,330 ล้านเหรียญฯ เป็น 15,970 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 19.2% จาก 14.5% และตลาดใหม่จาก 27,371 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 29,101 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 34.3% จากเดิม 26.3%.
ที่มา: หอการค้าไทย ศูนย์ข้อมูลธุรกิจ www.thaiechamber.com
-ดท-