ปัจจุบันการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอยู่ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมาก เนื่องจากต้องแข่งขันกับผู้ส่งออกจากประเทศ ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตและมีชื่อเสียงด้านการออกแบบ แต่ไม่มีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเอง เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส รวมทั้งการแข่งขันกับประเทศที่มีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเองและมีค่าแรงการผลิตต่ำ เช่น อินเดีย และศรีลังกา จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและคุณภาพของสินค้า นอกเหนือจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงแล้ว การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยยังคงมีอุปสรรคอื่นๆ อีกเช่น ปัญหาการผลิต วัตถุดิบ และรูปแบบผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าออกสำคัญอันดับที่ 6 ของไทย โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญอันดับที่ 3 มูลค่าการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. 41 จำนวน 2,939.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10.1 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมดอัญมณีและเครื่องประดับที่ไทยส่งออกไปขายในตลาดญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ขนาดชิ้นเล็กที่มีราคาไม่สูงนัก ในตลาดญี่ปุ่นนี้ ไทยเผชิญกับการแข่งขันจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และอิตาลี ผลของการแข่งขันที่สูงในตลาดนี่เองทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องมองหาตลาดใหม่หรือเทคนิคใหม่ในการขยายตลาด ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อรายเล็กที่มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ซื้อกลุ่มเดิมหรือรายใหญ่ หรืออาจเป็นผู้ซื้อกลุ่มเดิมแต่เสนอขายสินค้าภายใต้เงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรนมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า ผู้ส่งออกต้องแบกรับความเสี่ยงในการขายสินค้าที่สูงขึ้นเช่นกัน
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเพิ่มความเสี่ยงในการทำการค้าด้วยเช่นกันในปี พ.ศ. 2540 ประเทศญี่ปุ่นมีกิจการล้มละลายและมีมูลค่าหนี้ 10 ล้านเยนขึ้นไปมีจำนวนสูงถึง 16,365 ราย หรือคิดเป็นหนี้สินทั้งหมด 14,020,988 ล้านเยน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา จำนวนกิจการที่ล้มละลายในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 1,821 ราย จากปีก่อนหน้านั้นในจำนวนนี้เป็นการล้มละลายของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 10 ราย และเป็นการล้มละลายที่เกิดจากความถดถอยทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น 10,748 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี นอกจากนี้องค์กรข้อมูลในประเทศญี่ปุ่นที่ชื่อ Teikoku Databank ได้รายงานว่า ธุรกิจอัญมณีรายย่อยจำนวนมากประสบปัญหาด้านการเงิน จนต้องปิดกิจการหรืออยู่ในภาวะถึงขั้นล้มละลาย ส่งผลให้ผู้นำเข้าอัญมณีของประเทศญี่ปุ่นหลายรายล้มละลายไปด้วย เนื่องจากการไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของตนเองได้
ความถดถอยทางเศรษฐกิจนี้ได้ส่งผลต่อผู้ส่งออกอัญมณีรายใหญ่ของไทยรายหนึ่ง ซึ่งได้ทำประกันการส่งออกไว้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) โดยเมื่อเร็วๆ นี้ผู้ซื้อในประเทศญี่ปุ่นรายหนึ่งได้ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงจนไม่สามารถชำระค่าสินค้าให้กับผู้เอาประกันรายนี้เป็นมูลค่าประมาณ 2.23 ล้านบาท ผู้ซื้อรายนี้ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี มีสาขาอยู่มากมายทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ผู้เอาประกันได้ติดต่อค้าขายกับผู้ซื้อรายนี้มานานถึง 15 ปีแล้ว มีความเชื่อถือและไว้วางใจกันเป็นอย่างดี ซึ่งสาเหตุของการไม่สามารถชำระค่าสินค้าให้กับผู้เอาประกันในครั้งนี้เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศญี่ปุ่นทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง นอกจากนี้ผู้ซื้อยังประสบปัญหาหนี้เสียซึ่งเกิดจากร้านค้าย่อยที่รับสินค้าไปแล้วไม่ชำระเงินค่าสินค้า ส่งผลให้ผู้ซื้อรายนี้ขาดสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้
ธสน.ได้ดำเนินการเพื่อลดความเสียหายในทันที โดยสอบถามไปยังองค์กรข้อมูล Teikoku Databank และพบว่าผู้ซื้อรายดังกล่าวเข้าข่ายล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ให้กับธนาคารและเจ้าหนี้ทางการค้า ธสน. จึงได้แจ้งไปยังผู้เอาประกันเพื่อให้ดำเนินการยื่นคำขอรับค่าสินไหมทดแทนและขณะเดียวกัน ธสน. ก็ได้ติดต่อกับสำนักทนายความ Nakagawa & Takashina ประเทศญี่ปุ่นให้เป็นผู้ประสานงานและติดตามหนี้สินครั้งนี้ และในระหว่างติดตามหนี้ ธสน. ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวนประมาณ 1.8 ล้านบาท คิดเป็น 85% ของความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของบริการรับประกันการส่งออก โดยนับระยะเวลาตั้งแต่ผู้เอาประกันแจ้งให้ ธสน. ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจนถึงการได้รับค่าสินไหมทดแทนใช้เวลาเพียง 34 วันเท่านั้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการจ้างสำนักงานทนายความเพื่อติดตามหนี้สิน ธสน. จะช่วยเหลือ 85% ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และผู้เอาประกันจ่ายในส่วนที่เหลืออีก 15% หากติดตามหนี้สินคืนมาได้แล้ว ผู้เอาประกันจะได้รับส่วนแบ่ง 15% ของมูลค่าที่ติดตามคืนมาได้
บริการประกันการส่งออกของ ธสน. เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถลดความเสี่ยงของการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อ อันเนื่องมาจากการล้มละลายของผู้ซื้อ การขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อที่มีความเสี่ยง หรือจากการขายสินค้าภายใต้เงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรน เช่น Documents against Payment (D/P), Documents against Acceptance (D/A) หรือ Open Account (O/A) โดย ธสน. จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ส่งออกหากผู้ซื้อไม่ชำระค่าสินค้า ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้าผู้ซื้อล้มละลาย หรือแม้แต่ความเสี่ยงทางการเมืองต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกให้มีการส่งออกได้มากขึ้น
--Exim News, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ปีที่ 4 ฉบับ 12 ประจำเดือน ธันวาคม--
อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าออกสำคัญอันดับที่ 6 ของไทย โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญอันดับที่ 3 มูลค่าการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. 41 จำนวน 2,939.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10.1 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมดอัญมณีและเครื่องประดับที่ไทยส่งออกไปขายในตลาดญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ขนาดชิ้นเล็กที่มีราคาไม่สูงนัก ในตลาดญี่ปุ่นนี้ ไทยเผชิญกับการแข่งขันจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และอิตาลี ผลของการแข่งขันที่สูงในตลาดนี่เองทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องมองหาตลาดใหม่หรือเทคนิคใหม่ในการขยายตลาด ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อรายเล็กที่มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ซื้อกลุ่มเดิมหรือรายใหญ่ หรืออาจเป็นผู้ซื้อกลุ่มเดิมแต่เสนอขายสินค้าภายใต้เงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรนมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า ผู้ส่งออกต้องแบกรับความเสี่ยงในการขายสินค้าที่สูงขึ้นเช่นกัน
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเพิ่มความเสี่ยงในการทำการค้าด้วยเช่นกันในปี พ.ศ. 2540 ประเทศญี่ปุ่นมีกิจการล้มละลายและมีมูลค่าหนี้ 10 ล้านเยนขึ้นไปมีจำนวนสูงถึง 16,365 ราย หรือคิดเป็นหนี้สินทั้งหมด 14,020,988 ล้านเยน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา จำนวนกิจการที่ล้มละลายในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 1,821 ราย จากปีก่อนหน้านั้นในจำนวนนี้เป็นการล้มละลายของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 10 ราย และเป็นการล้มละลายที่เกิดจากความถดถอยทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น 10,748 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี นอกจากนี้องค์กรข้อมูลในประเทศญี่ปุ่นที่ชื่อ Teikoku Databank ได้รายงานว่า ธุรกิจอัญมณีรายย่อยจำนวนมากประสบปัญหาด้านการเงิน จนต้องปิดกิจการหรืออยู่ในภาวะถึงขั้นล้มละลาย ส่งผลให้ผู้นำเข้าอัญมณีของประเทศญี่ปุ่นหลายรายล้มละลายไปด้วย เนื่องจากการไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของตนเองได้
ความถดถอยทางเศรษฐกิจนี้ได้ส่งผลต่อผู้ส่งออกอัญมณีรายใหญ่ของไทยรายหนึ่ง ซึ่งได้ทำประกันการส่งออกไว้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) โดยเมื่อเร็วๆ นี้ผู้ซื้อในประเทศญี่ปุ่นรายหนึ่งได้ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงจนไม่สามารถชำระค่าสินค้าให้กับผู้เอาประกันรายนี้เป็นมูลค่าประมาณ 2.23 ล้านบาท ผู้ซื้อรายนี้ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี มีสาขาอยู่มากมายทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ผู้เอาประกันได้ติดต่อค้าขายกับผู้ซื้อรายนี้มานานถึง 15 ปีแล้ว มีความเชื่อถือและไว้วางใจกันเป็นอย่างดี ซึ่งสาเหตุของการไม่สามารถชำระค่าสินค้าให้กับผู้เอาประกันในครั้งนี้เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศญี่ปุ่นทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง นอกจากนี้ผู้ซื้อยังประสบปัญหาหนี้เสียซึ่งเกิดจากร้านค้าย่อยที่รับสินค้าไปแล้วไม่ชำระเงินค่าสินค้า ส่งผลให้ผู้ซื้อรายนี้ขาดสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้
ธสน.ได้ดำเนินการเพื่อลดความเสียหายในทันที โดยสอบถามไปยังองค์กรข้อมูล Teikoku Databank และพบว่าผู้ซื้อรายดังกล่าวเข้าข่ายล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ให้กับธนาคารและเจ้าหนี้ทางการค้า ธสน. จึงได้แจ้งไปยังผู้เอาประกันเพื่อให้ดำเนินการยื่นคำขอรับค่าสินไหมทดแทนและขณะเดียวกัน ธสน. ก็ได้ติดต่อกับสำนักทนายความ Nakagawa & Takashina ประเทศญี่ปุ่นให้เป็นผู้ประสานงานและติดตามหนี้สินครั้งนี้ และในระหว่างติดตามหนี้ ธสน. ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวนประมาณ 1.8 ล้านบาท คิดเป็น 85% ของความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของบริการรับประกันการส่งออก โดยนับระยะเวลาตั้งแต่ผู้เอาประกันแจ้งให้ ธสน. ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจนถึงการได้รับค่าสินไหมทดแทนใช้เวลาเพียง 34 วันเท่านั้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการจ้างสำนักงานทนายความเพื่อติดตามหนี้สิน ธสน. จะช่วยเหลือ 85% ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และผู้เอาประกันจ่ายในส่วนที่เหลืออีก 15% หากติดตามหนี้สินคืนมาได้แล้ว ผู้เอาประกันจะได้รับส่วนแบ่ง 15% ของมูลค่าที่ติดตามคืนมาได้
บริการประกันการส่งออกของ ธสน. เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถลดความเสี่ยงของการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อ อันเนื่องมาจากการล้มละลายของผู้ซื้อ การขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อที่มีความเสี่ยง หรือจากการขายสินค้าภายใต้เงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรน เช่น Documents against Payment (D/P), Documents against Acceptance (D/A) หรือ Open Account (O/A) โดย ธสน. จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ส่งออกหากผู้ซื้อไม่ชำระค่าสินค้า ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้าผู้ซื้อล้มละลาย หรือแม้แต่ความเสี่ยงทางการเมืองต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกให้มีการส่งออกได้มากขึ้น
--Exim News, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ปีที่ 4 ฉบับ 12 ประจำเดือน ธันวาคม--