นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดเอาเปรียบทางการเมืองในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เพราะตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีการเลือกตั้งวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาพรรคพบว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมที่ไม่มีผู้นำประเทศคนใดเคยทำมาก่อน คือ การฉกฉวยโอกาส เวลา สถานที่บริหารราชการแผ่นดินและงบประมาณของรัฐเอื้อประโยชน์หาเสียงพรรคการเมืองของตนเองอย่าโจ่งแจ้งโดยไม่ละอายฟ้าดิน โดย 6 พฤติกรรมที่เห็นชัดแจ้ง คือ 1.การใช้สื่อของรัฐหาเสียงประชาสัมพันธ์ผลงานของตนเอง โดยนำรัฐมนตรีมาออกรายการทีวีทุกวัน เช่น รายการกรองสถานการณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง11 และเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมามีการถ่ายทอดสดนายกฯไปเปิดงานไชน่าสตรีท อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมีรูปป้ายของพรรคป้ายไทยรักไทยและรูปพ.ต.ท.ทักษิณเต็มไปหมด
นายองอาจ กล่าวว่า 2.การใช้กลไกของรัฐสร้างภาพหาเสียง ซึ่งเมื่อวันที่ 11 ม.ค.มีการถ่ายทอดสดการประชุมครม.สัญจรที่จ.เชียงรายโดยนายกฯและครม.สวมเสื้อคลุมของพรรคไทยรักไทยอย่างพร้อมหน้าและยังใช้เวทีนี้ปราศรัยโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม 3.การแทรกแซงสื่อ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้กดดันบรรณาธิการผู้ดำเนินรายการสถานีวิทยแห่งหนึ่งที่ไม่ตอบสนองเอื้อประโยชน์ให้พรรครัฐบาลไม่ให้จัดรายการต่อ ซึ่งถือเป็นยุคมืดของสิทธิเสรีภาพของสังคมไทยอย่างแท้จริง 4.ใช้วิธีการบล็อกหัวคะแนน โดยการส่งรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทยไปค้างตามบ้านกำนันผู้ใหญ่บ้าน 5.การสร้างค่านิยมที่ผิด โดยเมื่อวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมานายกฯฉวยโอกาสให้โอวาทสร้างค่านิยมที่ผิดแก่เยาวชนและวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองคู่แข่ง และ6.ใช้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการหาเสียงให้รัฐบาล
ที่สำคัญทราบว่านางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ดูแลภาคเหนือแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลไกของรัฐ กลับใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรฯเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จ.แพร่ และการประชุมดังกล่าวกว่า 2 ชั่วโมงไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เป็นการเตรียมการทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งในพื้นที่จ.แพร่ ดังนั้นพรรคอยากฝากให้กกต.ตรวจสอบด้วยว่าการกระทำดังกล่าวถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ มิเช่นนั้นจะทำให้ประชาธิปไตยกลายเป็นปฏิสังขอนทางการเมืองอย่างน่าละอายที่สุด
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ทราบว่าเย็นวันนี้(13 ม.ค.)นายกฯจะไปตรวจเยี่ยมกองทุนชุมชนกองทัพบกที่ ร.11 รอ.ซึ่งนอกเวลาราชการนายกฯจะไปไหนก็มีสิทธิทำได้ แต่ปรากฎว่าค่ายทหารที่นายกฯจะไปกลับ ได้มีคำสั่งของผบ.พล.1 รอ.สั่งให้หน่วยต่าง ๆ และครอบครัวจำนวน 2,855 คนไปร่วมให้การต้อนรับนายกฯ ซึ่งอยากทราบว่าเป็นการไปส่วนตัวหรือไปหาเสียงเลือกตั้งหรือไปส่งสัญญาณให้สนับสนุนของพรรคไทยรักไทย เพราะเมื่อไปนอกเวลาราชการทำไมถึงใช้หนังสือราชการในการสั่งงานของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเรื่องอย่างนี้พรรคเชื่อว่าจะมีอีกเรื่อย ๆ ดังนั้นอยากฝากให้กกต.ช่วยจับตาด้วยว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ทั้งนี้กกต.ไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคการเมืองร้องทุกข์ถึงจะดำเนินการ แต่หากกกต.พบเห็นอะไรไม่ถูกต้องก็เป็นหน้าที่ของกกต.ที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว
ในวันพรุ่งนี้(14 ม.ค.48) ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดการปราศรัยใหญ่ ณ ลานบรมรูปทรงม้า ร่วมปราศรัยโดยแกนนำพรรค ส.ส.พรรค พร้อมกันนี้จะได้มีการแนะนำ ส.ส.กทม.ทั้ง 37 เขต ทางพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมฟังปราศรัยและให้กำลังใจพรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
นายองอาจ กล่าวว่า 2.การใช้กลไกของรัฐสร้างภาพหาเสียง ซึ่งเมื่อวันที่ 11 ม.ค.มีการถ่ายทอดสดการประชุมครม.สัญจรที่จ.เชียงรายโดยนายกฯและครม.สวมเสื้อคลุมของพรรคไทยรักไทยอย่างพร้อมหน้าและยังใช้เวทีนี้ปราศรัยโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม 3.การแทรกแซงสื่อ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้กดดันบรรณาธิการผู้ดำเนินรายการสถานีวิทยแห่งหนึ่งที่ไม่ตอบสนองเอื้อประโยชน์ให้พรรครัฐบาลไม่ให้จัดรายการต่อ ซึ่งถือเป็นยุคมืดของสิทธิเสรีภาพของสังคมไทยอย่างแท้จริง 4.ใช้วิธีการบล็อกหัวคะแนน โดยการส่งรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทยไปค้างตามบ้านกำนันผู้ใหญ่บ้าน 5.การสร้างค่านิยมที่ผิด โดยเมื่อวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมานายกฯฉวยโอกาสให้โอวาทสร้างค่านิยมที่ผิดแก่เยาวชนและวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองคู่แข่ง และ6.ใช้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการหาเสียงให้รัฐบาล
ที่สำคัญทราบว่านางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ดูแลภาคเหนือแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลไกของรัฐ กลับใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรฯเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จ.แพร่ และการประชุมดังกล่าวกว่า 2 ชั่วโมงไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เป็นการเตรียมการทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งในพื้นที่จ.แพร่ ดังนั้นพรรคอยากฝากให้กกต.ตรวจสอบด้วยว่าการกระทำดังกล่าวถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ มิเช่นนั้นจะทำให้ประชาธิปไตยกลายเป็นปฏิสังขอนทางการเมืองอย่างน่าละอายที่สุด
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ทราบว่าเย็นวันนี้(13 ม.ค.)นายกฯจะไปตรวจเยี่ยมกองทุนชุมชนกองทัพบกที่ ร.11 รอ.ซึ่งนอกเวลาราชการนายกฯจะไปไหนก็มีสิทธิทำได้ แต่ปรากฎว่าค่ายทหารที่นายกฯจะไปกลับ ได้มีคำสั่งของผบ.พล.1 รอ.สั่งให้หน่วยต่าง ๆ และครอบครัวจำนวน 2,855 คนไปร่วมให้การต้อนรับนายกฯ ซึ่งอยากทราบว่าเป็นการไปส่วนตัวหรือไปหาเสียงเลือกตั้งหรือไปส่งสัญญาณให้สนับสนุนของพรรคไทยรักไทย เพราะเมื่อไปนอกเวลาราชการทำไมถึงใช้หนังสือราชการในการสั่งงานของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเรื่องอย่างนี้พรรคเชื่อว่าจะมีอีกเรื่อย ๆ ดังนั้นอยากฝากให้กกต.ช่วยจับตาด้วยว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ทั้งนี้กกต.ไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคการเมืองร้องทุกข์ถึงจะดำเนินการ แต่หากกกต.พบเห็นอะไรไม่ถูกต้องก็เป็นหน้าที่ของกกต.ที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว
ในวันพรุ่งนี้(14 ม.ค.48) ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดการปราศรัยใหญ่ ณ ลานบรมรูปทรงม้า ร่วมปราศรัยโดยแกนนำพรรค ส.ส.พรรค พร้อมกันนี้จะได้มีการแนะนำ ส.ส.กทม.ทั้ง 37 เขต ทางพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมฟังปราศรัยและให้กำลังใจพรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-