กรุงเทพ--14 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ในช่วงกฐินกาลของทุกปี กระทรวงการต่างประเทศจะทำการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายยังวัดพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศละ 1 วัด สำหรับปีพุทธศักราช 2548 ซึ่งอยู่ในระหว่าง 25 ตุลาคม — 17 พฤศจิกายน ศกนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารและเงินบำรุงอารามให้กระทรวงการต่างประเทศเชิญไปทอดถวายยังวัดมหาโพธิ์ สหภาพพม่า วัดเกาะแก้วหัวโขงพระใหญ่ สปป. ลาว วัดอู่หยุน มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน วัดทีปทุตตมาราม ประเทศศรีลังกา และวัดสามัคคีราชวราราม ประเทศกัมพูชา
เนื่องจากวัดสามัคคีราชวราราม เป็นวัดแรกที่กระทรวงการต่างประเทศได้อัญเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายในฤดูกฐินกาลของปีนี้ จึงขอแนะนำประวัติของวัดโดยสังเขป วัดนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน “โรกาธม” อำเภอชบามอญ จังหวัดกำปงสะปือ ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางถนนหมายเลข 4 ประมาณ 48 กม. สร้างขึ้นเมื่อปี 2438 เป็นวัดที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของพระราชวงศ์กัมพูชา ในช่วงปี 2518-2522 ซึ่งเป็นช่วงที่เขมรแดงมีอำนาจ วัดได้ถูกทำลายลง พอสิ้นยุคเขมรแดง ได้มีการบูรณะวัดขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ และต้องการปัจจัยสำหรับใช้ในการก่อสร้างอีกจำนวนมาก
นับเป็นฤกษ์งามยามดีที่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 นายเตช บุนนาค ประธานคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ได้เป็นผู้อัญเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังวัดสามัคคีราชวราราม เพราะมีความรู้จักคุ้นเคยกับทางฝ่ายกัมพูชาเป็นอย่างดี จึงมีบุคคลสำคัญฝ่ายกัมพูชาเดินทางมาร่วมงานกฐินครั้งนี้ด้วย อาทิ ท่านสอน สมนาง ประธานคณะกรรมาธิการร่วมฯ ฝ่ายกัมพูชา นอกจากนี้ พระครูธรรมเสนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีราชวราราม ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราชบัวครี่ สมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุกตินิกายของกัมพูชา มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีถวายผ้าพระกฐินด้วย
กฐินพระราชทานครั้งนี้ มีความพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นปีครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 19 ธันวาคมของปีนี้ นอกจากกฐินพระราชทานดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาระหว่างประชาชนชาวไทยและกัมพูชาแล้ว ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของประเทศทั้งสองที่ได้มาทำบุญร่วมกันอีกด้วย เพราะสามารถรวบรวมเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและกัมพูชาได้กว่า 300,000 บาท ซึ่งได้นำไปถวายเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระอุโบสถของวัดแห่งนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ในช่วงกฐินกาลของทุกปี กระทรวงการต่างประเทศจะทำการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายยังวัดพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศละ 1 วัด สำหรับปีพุทธศักราช 2548 ซึ่งอยู่ในระหว่าง 25 ตุลาคม — 17 พฤศจิกายน ศกนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารและเงินบำรุงอารามให้กระทรวงการต่างประเทศเชิญไปทอดถวายยังวัดมหาโพธิ์ สหภาพพม่า วัดเกาะแก้วหัวโขงพระใหญ่ สปป. ลาว วัดอู่หยุน มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน วัดทีปทุตตมาราม ประเทศศรีลังกา และวัดสามัคคีราชวราราม ประเทศกัมพูชา
เนื่องจากวัดสามัคคีราชวราราม เป็นวัดแรกที่กระทรวงการต่างประเทศได้อัญเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายในฤดูกฐินกาลของปีนี้ จึงขอแนะนำประวัติของวัดโดยสังเขป วัดนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน “โรกาธม” อำเภอชบามอญ จังหวัดกำปงสะปือ ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางถนนหมายเลข 4 ประมาณ 48 กม. สร้างขึ้นเมื่อปี 2438 เป็นวัดที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของพระราชวงศ์กัมพูชา ในช่วงปี 2518-2522 ซึ่งเป็นช่วงที่เขมรแดงมีอำนาจ วัดได้ถูกทำลายลง พอสิ้นยุคเขมรแดง ได้มีการบูรณะวัดขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ และต้องการปัจจัยสำหรับใช้ในการก่อสร้างอีกจำนวนมาก
นับเป็นฤกษ์งามยามดีที่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 นายเตช บุนนาค ประธานคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ได้เป็นผู้อัญเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังวัดสามัคคีราชวราราม เพราะมีความรู้จักคุ้นเคยกับทางฝ่ายกัมพูชาเป็นอย่างดี จึงมีบุคคลสำคัญฝ่ายกัมพูชาเดินทางมาร่วมงานกฐินครั้งนี้ด้วย อาทิ ท่านสอน สมนาง ประธานคณะกรรมาธิการร่วมฯ ฝ่ายกัมพูชา นอกจากนี้ พระครูธรรมเสนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีราชวราราม ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราชบัวครี่ สมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุกตินิกายของกัมพูชา มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีถวายผ้าพระกฐินด้วย
กฐินพระราชทานครั้งนี้ มีความพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นปีครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 19 ธันวาคมของปีนี้ นอกจากกฐินพระราชทานดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาระหว่างประชาชนชาวไทยและกัมพูชาแล้ว ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของประเทศทั้งสองที่ได้มาทำบุญร่วมกันอีกด้วย เพราะสามารถรวบรวมเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและกัมพูชาได้กว่า 300,000 บาท ซึ่งได้นำไปถวายเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระอุโบสถของวัดแห่งนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-