1. สรุปภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
เครื่องชี้เศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกันยายน 2548 มีทิศทางที่ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยในด้านอุปสงค์ดัชนี การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงสอดคล้องกับการนำเข้า ขณะที่การส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน
ด้านอุปทาน การผลิตภาคเกษตร พืชผลหลักยังขยายตัวต่อจากเดือนก่อนหน้าจากภาวะภัยแล้งที่คลี่คลายขณะที่ราคาสินค้าเกษตรเร่งสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงเทียบกับที่เร่งตัวสูงมากในเดือนก่อนซึ่งมีบางหมวดอุตสาหกรรมได้รับผลจากฐานที่อยู่ในระดับต่ำ สำหรับในภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เสถียรภาพเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามดุลการค้าที่ปรับตัวดีขึ้นมากฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม มีแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปจาก การเพิ่มขึ้นมากของราคาน้ำมันและราคาผักผลไม้สดเป็นสำคัญ รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ปี 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่เร่งตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในช่วงเดือนสิงหาคมแต่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนกันยายนปีก่อนหน้า โดยหลายหมวดยังขยายตัวดี ต่อเนื่อง เช่น หมวดอิเล็กทรอนิกส์ หมวดยางและผลิตภัณฑ์ยางขยายตัวดีตามอุปสงค์ในต่างประเทศ หมวด ผลิตภัณฑ์เคมีเร่งขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย และหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งที่อุปสงค์ในรถยนต์พาณิชย์ยังคงขยายตัวดีทั้งในประเทศและส่งออก อย่างไรก็ตาม การผลิตบางหมวดอุตสาหกรรม ยังหดตัว ที่สำคัญ เช่น หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเนื่องจากมีการเร่งสต็อกสินค้าไว้มากในช่วงก่อนหน้าประกอบกับอุปสงค์ลดลงเพื่อรอความชัดเจนด้านราคา หมวดเครื่องดื่ม การผลิตลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนหลังจากการปรับขึ้นภาษีสุรา และได้มีการผลิตสะสมสต็อกไว้ก่อนหน้า ประกอบกับในปีก่อนมีการเร่งผลิตเบียร์ เนื่องจากมีข่าวการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต หมวดเครื่องหนังการผลิตลดลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาสูงขึ้น และหมวดยาสูบหดตัวลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางส่วน สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้ อยู่ที่ร้อยละ 72.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.2 ในเดือนก่อน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยการผลิตส่วนใหญ่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี แต่หลายหมวดมีการผลิตลดลง เช่น หมวดเครื่องดื่ม หมวดเครื่องหนัง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 71.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.0 ในไตรมาสก่อน
2. ดัชนีกรอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน
ใกล้เคียงกับการขยายตัวในเดือนก่อน โดยปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขยายตัวในเกณฑ์ดี การใช้ไฟฟ้ากลับเร่งขึ้น ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มชะลอลง ปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า และปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี สำหรับ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่เป็นสำคัญ เช่นเดียวกับการลงทุนในหมวดก่อสร้าง ชะลอตัวตามแนวโน้มของพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์ ประกอบกับ เป็นช่วงที่ฝนตกมากในปีนี้
สำหรับในไตรมาสที่ 3 การบริโภคภาคเอกชน ชะลอลงเทียบกับไตรมาสก่อน แม้รายได้เกษตรกรจะ ขยายตัวดีและมีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมยังคงปรับลดลง ส่วนหนึ่งจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนตัวลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนส่วน ใหญ่ชะลอตัวลง ยกเว้นปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงกังวลกับปัจจัยเสี่ยงในระยะต่อไป โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บในเดือนกันยายน 2548 118.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 32.2 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 ส่วนรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.3 ซึ่งเป็นผลจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ขยายตัวถึงร้อยละ 60.6 เกิดขึ้นจากรายการพิเศษจากการขายไฟฟ้าภายในกลุ่ม ผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวน 14.1 พันล้านบาท ซึ่งมีทั้งภาษีขายนำส่งและภาษีซื้อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนที่เท่ากันภายในเดือนเดียวกัน ซึ่งเมื่อหักรายการพิเศษดังกล่าวออกจะทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวร้อยละ 11.9 และรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ตามลำดับ
ทั้งนี้ สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,474.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.3 ซึ่งเมื่อหักการถอนคืนภาษีจะทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,255.9 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 13.3 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,200 พันล้านบาท) ทั้งสิ้น 55.9 พันล้านบาท หรือร้อยละ 4.7
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าเกินดุลเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยเกินดุล 818 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกที่ยังคงขยายตัวดีในอัตราร้อยละ 23.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 10,329 ล้านดอลลาร์ สรอ โดยสิ น ค้าออกที่ ขยายตัวดี ได้แก่ คอมพิ วเตอร์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพารา และผลิตภัณฑ์พลาสติก ขณะที่การนำเข้าชะลอตัวลง โดยขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.9 คิดเป็นมูลค่า 9,510 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งชะลอลงเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดวัตถุดิบจากการลดลงของมูลค่าการนำเข้าเหล็กและผลิตภัณฑ์ และหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 58 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่เกินดุล 384 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากเดือนนี้เป็นช่วงตกงวดการส่งกลับกำไรและเงินปันผลให้แก่นักลงทุน ต่างชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 877 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 106 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 1,115 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เกินดุล 382 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 อยู่ที่ระดับ 49.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 2.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ดุลการค้าเกินดุล 203 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการเกินดุลในเดือนกันยายนเป็นสำคัญ โดยการส่งออกมีมูลค่า 29,794 ล้านดอลลาร์สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.7 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 29,590 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.7 ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 949 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตามการส่งกลับกำไรและเงินปันผลที่ ลดลง โดยเมื่อรวมกับดุลการค้าที่เกินดุลทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1,153 ล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากที่ขาดดุลติดต่อกัน 2 ไตรมาส ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 1,765 ล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน 2548 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.0 เร่งขึ้นจากเดือนก่อนถึงร้อยละ 0.7 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทั้งในหมวดอาหารสด หมวดพลังงาน และหมวดอื่นๆ โดยราคาในหมวดอาหารสดสูงขึ้นจากผลผลิตผัก ผลไม้ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ประกอบกับ ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลกินเจ ส่วนราคาในหมวดพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูงตาม ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง สำหรับ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.3 เท่ากับเดือนก่อน ตามราคาค่าโดยสาร ราคาในหมวดอาหารบริโภคใน-นอกบ้าน ราคาสุราซึ่งปรับขึ้นจากภาษีสรรพสามิต และราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.6 จากการเพิ่มขึ้นของราคาผลผลิตเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากฝนตกชุกทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ส่วนราคาหมวด ผลิตภัณฑ์จากเหมืองเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเป็นหลัก
สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 2.2 และ 9.4 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนกันยายน 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนับรวมเงินฝากของ ธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่งควบรวมและยกระดับจากบริษัทเงินทุนเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเมื่อหักผลดังกล่าวออกเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 4.8เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.4 ในเดือนสิงหาคม ตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากจากประชาชน สินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนับรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่เช่นกัน ซึ่งเมื่อหักผลดังกล่าวแล้วสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 2.2ชะลอลงจากร้อยละ 4.1 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ การชะลอตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ เนื่องมาจากฐานที่สูงนับแต่เดือนกันยายน 2547 ซึ่งเป็นผลจากการควบรวมกิจการ ของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเข้ากับธนาคารทหารไทยและธนาคารดี บี เอส ไทยทนุ
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 6.6 5.2 และ 4.8 ตามลำดับ โดย M2 และ M2a ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับ เดือนก่อน ตามการขยายตัวของเงินฝาก สำหรับ M3 ขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินในเดือนกันยายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.10 ต่อปีเท่ากัน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นจากเดือนก่อนสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน ป รับ สูงขึ้น จากไตรม ส ที่ 2 มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.79 เท่ากัน โดยเป็นการปรับขึ้น ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นสำคัญ และส่งผลให้สถาบันการเงินทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและ เงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้น
7. ค่าเงินบาทในเดือนกันยายน 2548 เฉลี่ย อยู่ที่ 41.05 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งขึ้นจากค่าเฉลี่ย 41.19 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนสิงหาคม ส่วนหนึ่งจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเผยแพร่สูงกว่าที่ตลาดคาด และดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับในช่วงวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ค่าเงินบาทผันผวนอยู่ในช่วงแคบๆ แต่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 เงินบาทปรับค่าอ่อนลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 41.31 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จาก 40.16 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสก่อน โดย เงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้นช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ส่วนหนึ่งจากการที่ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุล มีเงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ไทย และ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
เครื่องชี้เศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกันยายน 2548 มีทิศทางที่ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยในด้านอุปสงค์ดัชนี การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงสอดคล้องกับการนำเข้า ขณะที่การส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน
ด้านอุปทาน การผลิตภาคเกษตร พืชผลหลักยังขยายตัวต่อจากเดือนก่อนหน้าจากภาวะภัยแล้งที่คลี่คลายขณะที่ราคาสินค้าเกษตรเร่งสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงเทียบกับที่เร่งตัวสูงมากในเดือนก่อนซึ่งมีบางหมวดอุตสาหกรรมได้รับผลจากฐานที่อยู่ในระดับต่ำ สำหรับในภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เสถียรภาพเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามดุลการค้าที่ปรับตัวดีขึ้นมากฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม มีแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปจาก การเพิ่มขึ้นมากของราคาน้ำมันและราคาผักผลไม้สดเป็นสำคัญ รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ปี 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่เร่งตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในช่วงเดือนสิงหาคมแต่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนกันยายนปีก่อนหน้า โดยหลายหมวดยังขยายตัวดี ต่อเนื่อง เช่น หมวดอิเล็กทรอนิกส์ หมวดยางและผลิตภัณฑ์ยางขยายตัวดีตามอุปสงค์ในต่างประเทศ หมวด ผลิตภัณฑ์เคมีเร่งขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย และหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งที่อุปสงค์ในรถยนต์พาณิชย์ยังคงขยายตัวดีทั้งในประเทศและส่งออก อย่างไรก็ตาม การผลิตบางหมวดอุตสาหกรรม ยังหดตัว ที่สำคัญ เช่น หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเนื่องจากมีการเร่งสต็อกสินค้าไว้มากในช่วงก่อนหน้าประกอบกับอุปสงค์ลดลงเพื่อรอความชัดเจนด้านราคา หมวดเครื่องดื่ม การผลิตลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนหลังจากการปรับขึ้นภาษีสุรา และได้มีการผลิตสะสมสต็อกไว้ก่อนหน้า ประกอบกับในปีก่อนมีการเร่งผลิตเบียร์ เนื่องจากมีข่าวการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต หมวดเครื่องหนังการผลิตลดลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาสูงขึ้น และหมวดยาสูบหดตัวลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางส่วน สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้ อยู่ที่ร้อยละ 72.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.2 ในเดือนก่อน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยการผลิตส่วนใหญ่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี แต่หลายหมวดมีการผลิตลดลง เช่น หมวดเครื่องดื่ม หมวดเครื่องหนัง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 71.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.0 ในไตรมาสก่อน
2. ดัชนีกรอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน
ใกล้เคียงกับการขยายตัวในเดือนก่อน โดยปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขยายตัวในเกณฑ์ดี การใช้ไฟฟ้ากลับเร่งขึ้น ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มชะลอลง ปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า และปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี สำหรับ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่เป็นสำคัญ เช่นเดียวกับการลงทุนในหมวดก่อสร้าง ชะลอตัวตามแนวโน้มของพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์ ประกอบกับ เป็นช่วงที่ฝนตกมากในปีนี้
สำหรับในไตรมาสที่ 3 การบริโภคภาคเอกชน ชะลอลงเทียบกับไตรมาสก่อน แม้รายได้เกษตรกรจะ ขยายตัวดีและมีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมยังคงปรับลดลง ส่วนหนึ่งจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนตัวลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนส่วน ใหญ่ชะลอตัวลง ยกเว้นปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงกังวลกับปัจจัยเสี่ยงในระยะต่อไป โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บในเดือนกันยายน 2548 118.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 32.2 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 ส่วนรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.3 ซึ่งเป็นผลจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ขยายตัวถึงร้อยละ 60.6 เกิดขึ้นจากรายการพิเศษจากการขายไฟฟ้าภายในกลุ่ม ผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวน 14.1 พันล้านบาท ซึ่งมีทั้งภาษีขายนำส่งและภาษีซื้อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนที่เท่ากันภายในเดือนเดียวกัน ซึ่งเมื่อหักรายการพิเศษดังกล่าวออกจะทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวร้อยละ 11.9 และรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ตามลำดับ
ทั้งนี้ สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,474.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.3 ซึ่งเมื่อหักการถอนคืนภาษีจะทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,255.9 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 13.3 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,200 พันล้านบาท) ทั้งสิ้น 55.9 พันล้านบาท หรือร้อยละ 4.7
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าเกินดุลเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยเกินดุล 818 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกที่ยังคงขยายตัวดีในอัตราร้อยละ 23.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 10,329 ล้านดอลลาร์ สรอ โดยสิ น ค้าออกที่ ขยายตัวดี ได้แก่ คอมพิ วเตอร์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพารา และผลิตภัณฑ์พลาสติก ขณะที่การนำเข้าชะลอตัวลง โดยขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.9 คิดเป็นมูลค่า 9,510 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งชะลอลงเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดวัตถุดิบจากการลดลงของมูลค่าการนำเข้าเหล็กและผลิตภัณฑ์ และหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 58 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่เกินดุล 384 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากเดือนนี้เป็นช่วงตกงวดการส่งกลับกำไรและเงินปันผลให้แก่นักลงทุน ต่างชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 877 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 106 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 1,115 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เกินดุล 382 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 อยู่ที่ระดับ 49.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 2.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ดุลการค้าเกินดุล 203 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการเกินดุลในเดือนกันยายนเป็นสำคัญ โดยการส่งออกมีมูลค่า 29,794 ล้านดอลลาร์สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.7 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 29,590 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.7 ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 949 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตามการส่งกลับกำไรและเงินปันผลที่ ลดลง โดยเมื่อรวมกับดุลการค้าที่เกินดุลทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1,153 ล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากที่ขาดดุลติดต่อกัน 2 ไตรมาส ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 1,765 ล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน 2548 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.0 เร่งขึ้นจากเดือนก่อนถึงร้อยละ 0.7 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทั้งในหมวดอาหารสด หมวดพลังงาน และหมวดอื่นๆ โดยราคาในหมวดอาหารสดสูงขึ้นจากผลผลิตผัก ผลไม้ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ประกอบกับ ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลกินเจ ส่วนราคาในหมวดพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูงตาม ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง สำหรับ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.3 เท่ากับเดือนก่อน ตามราคาค่าโดยสาร ราคาในหมวดอาหารบริโภคใน-นอกบ้าน ราคาสุราซึ่งปรับขึ้นจากภาษีสรรพสามิต และราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.6 จากการเพิ่มขึ้นของราคาผลผลิตเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากฝนตกชุกทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ส่วนราคาหมวด ผลิตภัณฑ์จากเหมืองเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเป็นหลัก
สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 2.2 และ 9.4 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนกันยายน 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนับรวมเงินฝากของ ธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่งควบรวมและยกระดับจากบริษัทเงินทุนเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเมื่อหักผลดังกล่าวออกเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 4.8เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.4 ในเดือนสิงหาคม ตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากจากประชาชน สินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนับรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่เช่นกัน ซึ่งเมื่อหักผลดังกล่าวแล้วสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 2.2ชะลอลงจากร้อยละ 4.1 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ การชะลอตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ เนื่องมาจากฐานที่สูงนับแต่เดือนกันยายน 2547 ซึ่งเป็นผลจากการควบรวมกิจการ ของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเข้ากับธนาคารทหารไทยและธนาคารดี บี เอส ไทยทนุ
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 6.6 5.2 และ 4.8 ตามลำดับ โดย M2 และ M2a ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับ เดือนก่อน ตามการขยายตัวของเงินฝาก สำหรับ M3 ขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินในเดือนกันยายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.10 ต่อปีเท่ากัน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นจากเดือนก่อนสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน ป รับ สูงขึ้น จากไตรม ส ที่ 2 มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.79 เท่ากัน โดยเป็นการปรับขึ้น ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นสำคัญ และส่งผลให้สถาบันการเงินทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและ เงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้น
7. ค่าเงินบาทในเดือนกันยายน 2548 เฉลี่ย อยู่ที่ 41.05 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งขึ้นจากค่าเฉลี่ย 41.19 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนสิงหาคม ส่วนหนึ่งจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเผยแพร่สูงกว่าที่ตลาดคาด และดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับในช่วงวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ค่าเงินบาทผันผวนอยู่ในช่วงแคบๆ แต่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 เงินบาทปรับค่าอ่อนลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 41.31 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จาก 40.16 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสก่อน โดย เงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้นช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ส่วนหนึ่งจากการที่ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุล มีเงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ไทย และ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--