ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.86 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 99.38 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9478 ฟรังค์ จากระดับ 0.9467 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรขยับขึ้นสู่ระดับ 1.3066 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3061 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์ทรงตัวอยู่ที่ 1.5104 ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9098 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9059 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะลดขนาดโครงการ QE ภายในปีนี้หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 9.46 จาก 7.84 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าธุรกิจของภาคการผลิตในนิวยอร์กปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่หดตัวลง -1.43 ในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนีแนวโน้มทางธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 32.01 ในเดือนนี้ จาก 24.98 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตในนิวยอร์กมีมุมมองบวกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะทางธุรกิจในอนาคต
นักลงทุนจับตาดูนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดจะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเบอร์นันเก้อาจจะส่งสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับทิศทางของโครงการ QE
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เบอร์นันเก้กล่าวสุนทรพจน์ที่สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากอัตราว่างงานยังสูงและอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด พร้อมกับกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแรงลงอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นภาษีและการปรับลดงบรายจ่ายของรัฐบาลกลาง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน เฟดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และได้เสร็จสิ้นการใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ไปแล้ว 2 รอบ ซึ่งก็คือ QE1 และ QE2 โดยปัจจุบันเฟดกำลังเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หรือที่เรียกว่า QE3 นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2%