วิกฤตการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบออกไปยังเศรษฐกิจของประเทศ
เพื่อนบ้านในอินโดจีนด้วยเช่นกัน ผลกระทบที่ปรากฏชัดเจนประการหนึ่งก็คือการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง
ประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของคนไทยจะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่
ซบเซา จึงประกาศเลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาวบางโครงการออกไป นอกจากนี้
วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในเอเชีย ยังส่งผลกระทบทำให้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ร่วมทุนไทย-
ลาวหลายโครงการประสบกับปัญหาการขาดสภาพคล่องและมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้โครงการเสร็จไม่ทันตาม
กำหนดและไม่สามารถส่งไฟฟ้าให้กับไทยได้ภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้
รัฐบาลไทยได้ทำความตกลงกับรัฐบาลลาว เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2539 ว่าจะซื้อไฟฟ้าจากลาว
รวม 3,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2549 โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลไทยจะซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-
ลาวเท่านั้น รัฐบาลลาวจึงได้คัดเลือกโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาว 10 แห่ง ให้รัฐบาลไทยเลือกรับซื้อ
ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลิกไนต์ 1 แห่ง คือ โครงการหงสาลิก-ไนต์และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 9 แห่ง
ได้แก่ โครงการน้ำเทินหินบุน โครงการห้วยเฮาะ โครงการน้ำงึม 2 โครงการน้ำงึม 3 โครงการ
เซเปียน-เซน้ำน้อย โครงการเซตะมาน 1 โครงกาน้ำ-เทิน 1 โครงการน้ำเทิน 2 และโครงการ
น้ำเทิน 3
ในจำนวน 10 โครงการนี้ กฟผ. ได้ทำข้อตกลงซื้อกระแสไฟฟ้า (Power Purchase
Agreement - PPA) อย่างเป็นทางการไปแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการเทินหินบุน และโครงการ
ห้วยเฮาะซึ่งในข้อตกลง PPA ได้กำหนดปริมาณการรับซื้อ ราคาค่าไฟฟ้า ค่าปรับในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ผิดสัญญา รวมทั้งระยะเวลาที่จะเริ่มรับซื้อที่แน่นอนเอาไว้ โครงการทั้ง 2 แห่งนี้ จึงไม่ได้รับผลกระทบ
จากการเลื่อนรับซื้อไฟฟ้าของ กฟผ.
ส่วนโครงการที่เหลืออีก 8 แห่งล้วนได้รับผลกระทบจากการที่ กฟผ. เลื่อนการรับซื้อไฟฟ้า
ออกไปราว 1-2 ปี แบ่งเป็น โครงการที่ กฟผ. ได้ทำข้อตกลงเบื้องต้นในการซื้อไฟฟ้าในรูปของบันทึก
ความเข้าใจ (Memorandum of Understanding - MOU) รวม 3 แห่ง ได้แก่ โครงการหงสาลิก
ไนต์ โครงการน้ำงึม 2 และโครงการน้ำงึม 3 ส่วนโครงการที่กำลังจะทำ MOU กับ กฟผ. 1 แห่ง คือ
โครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย และโครงการที่ยังมิได้ทำ MOU กับ กฟผ. รวม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ
เซตะมาน 1 โครงการน้ำเทิน 1 โครงการน้ำเทิน 2 และโครงการน้ำเทิน 3 (รายละเอียดในตาราง)
โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาว
_________________________________________________________________________
| โครงการ | กำลังการผลิตขั้นต่ำ | กฟผ. จะรับซื้อ | กำหนดเสร็จ |
| | (เมกะวัตต์) | (เมกะวัตต์) | |
|________________________|__________________|_______________|_____________|
| 1. เทินหินบุน | 210 | 210 | ปี 2541 |
| 2. ห้วยเฮาะ | 126 | 150 | ปี 2541 |
| 3. หงสาลิกไนต์ | 608 | 608 | ปี 2545 |
| 4. น้ำงึม 2 | 615 | 615 | ปี 2546 |
| 5. น้ำงึม 3 | 460 | 460 | ปี 2546 |
| 6. เซเปียน-เซน้ำน้อย | 444 | 390 | ปี 2547 |
| 7. เซตะมาน 1 | 468 | n.a. | ปี 2547 |
| 8. น้ำเทิน 1 | 540 | n.a. | n.a. |
| 9. น้ำเทิน 2 | 681 | n.a. | n.a. |
|10. น้ำเทิน 3 | 263 | n.a. | n.a. |
_________________________________________________________________________
ที่มา : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ : n.a. = ไม่มีข้อมูล
เนื่องจากลาวพึ่งพารายได้จากการส่งออกกระแสไฟฟ้าซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญอันดับ 3
ของประเทศและกว่าร้อยละ 80 ของกระแสไฟฟ้าที่ลาวผลิตได้จะส่งขายแก่ประเทศไทย การที่ไทยเลื่อน
การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาวบางโครงการออกไปอีก 2 ปี จึงส่งผลต่อแผนพัฒนา
เศรษฐกิจของลาว ฉบับที่ 4 (ระหว่างปี 2539 - 2543) ที่มีเป้าหมายจะพัฒนาลาวให้เป็นศูนย์กลาง
การค้าเสรีในภูมิภาคอินโดจีน ดังจะเห็นได้จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของลาวในปี 2540 อยู่
ในระดับเพียงร้อยละ 7.4 เทียบกับเป้าหมายร้อยละ 8.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอโครงการ
ก่อสร้างโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาว ซึ่งเป็นโครงการที่นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนมากที่สุดในลาว คิดเป็น
มูลค่าราว 1.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. 2540 การชะลอโครงการเหล่านี้ส่งผล
กระทบให้การว่าจ้างงานลดลง ทำให้กำลังซื้อของคนลาวลดต่ำลง และเศรษฐกิจของลาวขยายตัวต่ำกว่า
เป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
--Exim News, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ปีที่ 4 ฉบับ 3
ประจำเดือน มีนาคม--
เพื่อนบ้านในอินโดจีนด้วยเช่นกัน ผลกระทบที่ปรากฏชัดเจนประการหนึ่งก็คือการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง
ประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของคนไทยจะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่
ซบเซา จึงประกาศเลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาวบางโครงการออกไป นอกจากนี้
วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในเอเชีย ยังส่งผลกระทบทำให้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ร่วมทุนไทย-
ลาวหลายโครงการประสบกับปัญหาการขาดสภาพคล่องและมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้โครงการเสร็จไม่ทันตาม
กำหนดและไม่สามารถส่งไฟฟ้าให้กับไทยได้ภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้
รัฐบาลไทยได้ทำความตกลงกับรัฐบาลลาว เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2539 ว่าจะซื้อไฟฟ้าจากลาว
รวม 3,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2549 โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลไทยจะซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-
ลาวเท่านั้น รัฐบาลลาวจึงได้คัดเลือกโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาว 10 แห่ง ให้รัฐบาลไทยเลือกรับซื้อ
ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลิกไนต์ 1 แห่ง คือ โครงการหงสาลิก-ไนต์และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 9 แห่ง
ได้แก่ โครงการน้ำเทินหินบุน โครงการห้วยเฮาะ โครงการน้ำงึม 2 โครงการน้ำงึม 3 โครงการ
เซเปียน-เซน้ำน้อย โครงการเซตะมาน 1 โครงกาน้ำ-เทิน 1 โครงการน้ำเทิน 2 และโครงการ
น้ำเทิน 3
ในจำนวน 10 โครงการนี้ กฟผ. ได้ทำข้อตกลงซื้อกระแสไฟฟ้า (Power Purchase
Agreement - PPA) อย่างเป็นทางการไปแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการเทินหินบุน และโครงการ
ห้วยเฮาะซึ่งในข้อตกลง PPA ได้กำหนดปริมาณการรับซื้อ ราคาค่าไฟฟ้า ค่าปรับในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ผิดสัญญา รวมทั้งระยะเวลาที่จะเริ่มรับซื้อที่แน่นอนเอาไว้ โครงการทั้ง 2 แห่งนี้ จึงไม่ได้รับผลกระทบ
จากการเลื่อนรับซื้อไฟฟ้าของ กฟผ.
ส่วนโครงการที่เหลืออีก 8 แห่งล้วนได้รับผลกระทบจากการที่ กฟผ. เลื่อนการรับซื้อไฟฟ้า
ออกไปราว 1-2 ปี แบ่งเป็น โครงการที่ กฟผ. ได้ทำข้อตกลงเบื้องต้นในการซื้อไฟฟ้าในรูปของบันทึก
ความเข้าใจ (Memorandum of Understanding - MOU) รวม 3 แห่ง ได้แก่ โครงการหงสาลิก
ไนต์ โครงการน้ำงึม 2 และโครงการน้ำงึม 3 ส่วนโครงการที่กำลังจะทำ MOU กับ กฟผ. 1 แห่ง คือ
โครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย และโครงการที่ยังมิได้ทำ MOU กับ กฟผ. รวม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ
เซตะมาน 1 โครงการน้ำเทิน 1 โครงการน้ำเทิน 2 และโครงการน้ำเทิน 3 (รายละเอียดในตาราง)
โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาว
_________________________________________________________________________
| โครงการ | กำลังการผลิตขั้นต่ำ | กฟผ. จะรับซื้อ | กำหนดเสร็จ |
| | (เมกะวัตต์) | (เมกะวัตต์) | |
|________________________|__________________|_______________|_____________|
| 1. เทินหินบุน | 210 | 210 | ปี 2541 |
| 2. ห้วยเฮาะ | 126 | 150 | ปี 2541 |
| 3. หงสาลิกไนต์ | 608 | 608 | ปี 2545 |
| 4. น้ำงึม 2 | 615 | 615 | ปี 2546 |
| 5. น้ำงึม 3 | 460 | 460 | ปี 2546 |
| 6. เซเปียน-เซน้ำน้อย | 444 | 390 | ปี 2547 |
| 7. เซตะมาน 1 | 468 | n.a. | ปี 2547 |
| 8. น้ำเทิน 1 | 540 | n.a. | n.a. |
| 9. น้ำเทิน 2 | 681 | n.a. | n.a. |
|10. น้ำเทิน 3 | 263 | n.a. | n.a. |
_________________________________________________________________________
ที่มา : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ : n.a. = ไม่มีข้อมูล
เนื่องจากลาวพึ่งพารายได้จากการส่งออกกระแสไฟฟ้าซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญอันดับ 3
ของประเทศและกว่าร้อยละ 80 ของกระแสไฟฟ้าที่ลาวผลิตได้จะส่งขายแก่ประเทศไทย การที่ไทยเลื่อน
การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาวบางโครงการออกไปอีก 2 ปี จึงส่งผลต่อแผนพัฒนา
เศรษฐกิจของลาว ฉบับที่ 4 (ระหว่างปี 2539 - 2543) ที่มีเป้าหมายจะพัฒนาลาวให้เป็นศูนย์กลาง
การค้าเสรีในภูมิภาคอินโดจีน ดังจะเห็นได้จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของลาวในปี 2540 อยู่
ในระดับเพียงร้อยละ 7.4 เทียบกับเป้าหมายร้อยละ 8.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอโครงการ
ก่อสร้างโรงไฟฟ้าร่วมทุนไทย-ลาว ซึ่งเป็นโครงการที่นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนมากที่สุดในลาว คิดเป็น
มูลค่าราว 1.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. 2540 การชะลอโครงการเหล่านี้ส่งผล
กระทบให้การว่าจ้างงานลดลง ทำให้กำลังซื้อของคนลาวลดต่ำลง และเศรษฐกิจของลาวขยายตัวต่ำกว่า
เป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
--Exim News, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ปีที่ 4 ฉบับ 3
ประจำเดือน มีนาคม--