ทางอังกฤษแจ้งว่า ผลการตรวจสอบตัวอย่างสินค้าที่ผลิตในอังกฤษหรือที่มีแหล่งกำเนิดในสหภาพยุโรป (อียู) เกือบร้อยละ 50 ได้มีการตรวจพบปริมาณ 3-MCPD โดยในตัวอย่าง 14 รายการ มีระดับสูงเกิน one part per billion ทั้งนี้ หน่วยงาน Food Advisory Committee กำหนดระดับของ 3-MCPD คือ 0.01 mg/kg นอกจากนี้ ทางการ เดนมาร์ก เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน ก็แจ้งว่าตรวจพบปริมาณ 3-MCPD ค่อนข้างสูงในซอสถั่วเหลืองหลายยี่ห้อ โดยเบื้องต้นนี้ทางอังกฤษจะตรวจสอบซอสถั่วเหลืองที่ผลิตในอังกฤษหรือที่มีแหล่งกำเนิดในอียูเป็นระยะต่อเนื่องกัน 1 ปี
ข้อมูลเกี่ยวกับสาร Chloropropanols
1.สาร Chloropropanols ในอาหาร ปัจจุบันหน่วยงาน Food Advisory Committee (FAC) ของสหภาพยุโรป (อียู) กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาระดับการเจือปนของสารดังกล่าว หรือที่เรียกว่า 3-MCPD (3-monochloropropane -1, 2-diol) ในอาหารและส่วนผสม เนื่องจากผลการศึกษาในห้องทดลองพบในหนูทดลองที่ได้รับสาร 3-MCPD ปริมาณสูงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องระยะหนึ่งแล้ว หนูดังกล่าวจะเป็นโรคมะเร็ง ดังนั้น Scientific Committee on Food (SCF) ของอียูจึงเสนอแนะว่าระดับสาร 3-MCPD ในผลิตภัณฑ์อาหารควรมีระดับต่ำสุดจนไม่สามารถตรวจวัดได้ (undetectable)2.
2.สาเหตุการเกิดสาร 3-MCPD สารเคมีนี้ตรวจพบในช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต acid-hydrolysed vegetable protein (acid HVP) ซึ่งใช้เป็นส่วนผสมปรุงรส (savoury food ingradient) ในอาหารหลายรายการ โดยสาเหตุที่เกิดนั้นสันนิษฐานว่า
- เกิดจากสภาพการผลิตหรือการเก็บกัก (processing or storage condition) โดยอาจเป็นปฏิกิริยาระหว่างเกลือกับไขมันในผลิตภัณฑ์ที่มีรสเปรี้ยว (acidic products)
-เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติในสินค้าเกษตรบางรายการ เช่าน ธัญพืช นม และเนื้อ นอกจากนี้ ในทางทฤษฎีกล่าวว่า สาร 3-MCPD อาจกระจาย (migrate) ต่อไปพร้อมกับอาหาร
อนึ่ง ขณะที่ได้มีการศึกษาหาสาเหตุที่ 3-MCPD เข้าไปเจือปนในการผลิตสินค้าอาหรและเมื่อทราบสาเหตุก็จะให้มีการลดระดับสารฯ ให้อยู่ในระดับต่ำสุดที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ (undetectable)
3. ข้อมูลอื่น ๆ เนื่องจากในเดือนพฤษภาคม 1996 ผู้ผลิต acid-HVP ร้องเรียนต่อ FAC ว่าไม่สามารถกำจัด (remove) 3-MCPD ออกได้ทั้งหมด ดังนั้น เพื่อให้เป็น preacautionary measure คณะกรรมการ FAC จึงเสนอแนะให้ดำเนินการดังนี้
- ใช้วิธีการวิเคราะห์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ลดระดับ 3-MCPD ให้อยู่ในระดับต่ำสุดที่พอจะวัดได้ (detectable)
- ผู้ผลิตควรกำหนดระยะเวลาในการยุติการใช้ acid-HVP โดยใช้สารอื่นที่ไม่มี 3-MCPD แทน
ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ผู้ผลิต acid-HVP รายใหญ่ในอังกฤษสามารถผลิตได้ในระดับต่ำมากและไม่สามารถตรวจสอบ 3-MCPD ได้ (undetectable level of 3-MCPD) โดยเมื่อมีการตรวจวิเคราะห์ก็จะวัดได้ในระดับต่ำมากที่ 0.01 mg/kg (10 parts per billion or 10 ppb) และจากข้อมูลนี้ทำให้ Scientific Committee on Food (SCF) ของคณะกรรมาธิการอียูแนะนำว่า ระยะต่อไปนี้ภายใน 18 เดือน (คือ ในช่วงเดือนตุลาคม 2539 ถึงมีนาคม 2541 ที่ผ่านมา) ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อมิให้มีการตรวจพบ 3-MCPD ในอาหารหรือส่วนผสม และหากมีการตรวจสอบจะต้องให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่สามารถวัดได้คือ 0.01 mg/kg (10 ppb) และให้ครอบคลุมถึงผู้ผลิต acid-HVP ด้วย
4. มาตรการกำหนดระดับสาร 3-MCPD ในอียู ปัจจุบันอียูยังมิได้กำหนดระดับเจือปนของสาร 3-MCPD แม้จะมีข้อมูลว่าสารดังกล่าวก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และถูกกดดันจากอังกฤษให้กำหนดระดับเจือปนฯ ดังนั้น อังกฤษจึงกำหนดระดับเจือปนของสาร 3-MCPD ที่ 0.01 mg/kg. (10 ppb) และบังคับใช้ภายในประเทศโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยด้านอาหารในระยะยาว
สำหรับในเบลเยี่ยมยังไม่มีกำหนดระดับเจือปนสาร 3-MCPD โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบแจ้งว่าอยู่ในระยะการรอกำหนดของอียู
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
1. ซอสถั่วเหลืองเป็นที่นิยมใช้ในการปรุงอาหารในหมู่ชาวเอเซียและชาวยุโรป ปัจจุบันมีการนำเข้าซอสถั่วเหลืองจากไทยหลายยี่ห้อ ซึ่งหากผู้ผลิตของไทยมีความระมัดระวังตลอดจนหน่วยงานที่รับผิดชอบของไทยเข้มงวดตรวจสอบระดับ 3-MCPD ให้เป็นไปตามที่ประเทศสมาชิกอียูกำหนดไว้ จะทำให้ไม่เกิดปัญหาการส่งออกในอนาคต
2. การเริ่มต้นตรวจสอบปริมาณ 3-MCPD ของซอสถั่วเหลืองที่ผลิตในอังกฤษและในอียูอาจเป็นสัญญาณแจ้งเหตุเบื้องต้นสำหรับผู้ผลิตซอสถั่วเหลืองในประเทศที่สามที่ส่งเข้าอียู เนื่องจากสาร 3-MCPD เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 21/15 พฤศจิกายน 2542--
ข้อมูลเกี่ยวกับสาร Chloropropanols
1.สาร Chloropropanols ในอาหาร ปัจจุบันหน่วยงาน Food Advisory Committee (FAC) ของสหภาพยุโรป (อียู) กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาระดับการเจือปนของสารดังกล่าว หรือที่เรียกว่า 3-MCPD (3-monochloropropane -1, 2-diol) ในอาหารและส่วนผสม เนื่องจากผลการศึกษาในห้องทดลองพบในหนูทดลองที่ได้รับสาร 3-MCPD ปริมาณสูงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องระยะหนึ่งแล้ว หนูดังกล่าวจะเป็นโรคมะเร็ง ดังนั้น Scientific Committee on Food (SCF) ของอียูจึงเสนอแนะว่าระดับสาร 3-MCPD ในผลิตภัณฑ์อาหารควรมีระดับต่ำสุดจนไม่สามารถตรวจวัดได้ (undetectable)2.
2.สาเหตุการเกิดสาร 3-MCPD สารเคมีนี้ตรวจพบในช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต acid-hydrolysed vegetable protein (acid HVP) ซึ่งใช้เป็นส่วนผสมปรุงรส (savoury food ingradient) ในอาหารหลายรายการ โดยสาเหตุที่เกิดนั้นสันนิษฐานว่า
- เกิดจากสภาพการผลิตหรือการเก็บกัก (processing or storage condition) โดยอาจเป็นปฏิกิริยาระหว่างเกลือกับไขมันในผลิตภัณฑ์ที่มีรสเปรี้ยว (acidic products)
-เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติในสินค้าเกษตรบางรายการ เช่าน ธัญพืช นม และเนื้อ นอกจากนี้ ในทางทฤษฎีกล่าวว่า สาร 3-MCPD อาจกระจาย (migrate) ต่อไปพร้อมกับอาหาร
อนึ่ง ขณะที่ได้มีการศึกษาหาสาเหตุที่ 3-MCPD เข้าไปเจือปนในการผลิตสินค้าอาหรและเมื่อทราบสาเหตุก็จะให้มีการลดระดับสารฯ ให้อยู่ในระดับต่ำสุดที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ (undetectable)
3. ข้อมูลอื่น ๆ เนื่องจากในเดือนพฤษภาคม 1996 ผู้ผลิต acid-HVP ร้องเรียนต่อ FAC ว่าไม่สามารถกำจัด (remove) 3-MCPD ออกได้ทั้งหมด ดังนั้น เพื่อให้เป็น preacautionary measure คณะกรรมการ FAC จึงเสนอแนะให้ดำเนินการดังนี้
- ใช้วิธีการวิเคราะห์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ลดระดับ 3-MCPD ให้อยู่ในระดับต่ำสุดที่พอจะวัดได้ (detectable)
- ผู้ผลิตควรกำหนดระยะเวลาในการยุติการใช้ acid-HVP โดยใช้สารอื่นที่ไม่มี 3-MCPD แทน
ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ผู้ผลิต acid-HVP รายใหญ่ในอังกฤษสามารถผลิตได้ในระดับต่ำมากและไม่สามารถตรวจสอบ 3-MCPD ได้ (undetectable level of 3-MCPD) โดยเมื่อมีการตรวจวิเคราะห์ก็จะวัดได้ในระดับต่ำมากที่ 0.01 mg/kg (10 parts per billion or 10 ppb) และจากข้อมูลนี้ทำให้ Scientific Committee on Food (SCF) ของคณะกรรมาธิการอียูแนะนำว่า ระยะต่อไปนี้ภายใน 18 เดือน (คือ ในช่วงเดือนตุลาคม 2539 ถึงมีนาคม 2541 ที่ผ่านมา) ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อมิให้มีการตรวจพบ 3-MCPD ในอาหารหรือส่วนผสม และหากมีการตรวจสอบจะต้องให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่สามารถวัดได้คือ 0.01 mg/kg (10 ppb) และให้ครอบคลุมถึงผู้ผลิต acid-HVP ด้วย
4. มาตรการกำหนดระดับสาร 3-MCPD ในอียู ปัจจุบันอียูยังมิได้กำหนดระดับเจือปนของสาร 3-MCPD แม้จะมีข้อมูลว่าสารดังกล่าวก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และถูกกดดันจากอังกฤษให้กำหนดระดับเจือปนฯ ดังนั้น อังกฤษจึงกำหนดระดับเจือปนของสาร 3-MCPD ที่ 0.01 mg/kg. (10 ppb) และบังคับใช้ภายในประเทศโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยด้านอาหารในระยะยาว
สำหรับในเบลเยี่ยมยังไม่มีกำหนดระดับเจือปนสาร 3-MCPD โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบแจ้งว่าอยู่ในระยะการรอกำหนดของอียู
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
1. ซอสถั่วเหลืองเป็นที่นิยมใช้ในการปรุงอาหารในหมู่ชาวเอเซียและชาวยุโรป ปัจจุบันมีการนำเข้าซอสถั่วเหลืองจากไทยหลายยี่ห้อ ซึ่งหากผู้ผลิตของไทยมีความระมัดระวังตลอดจนหน่วยงานที่รับผิดชอบของไทยเข้มงวดตรวจสอบระดับ 3-MCPD ให้เป็นไปตามที่ประเทศสมาชิกอียูกำหนดไว้ จะทำให้ไม่เกิดปัญหาการส่งออกในอนาคต
2. การเริ่มต้นตรวจสอบปริมาณ 3-MCPD ของซอสถั่วเหลืองที่ผลิตในอังกฤษและในอียูอาจเป็นสัญญาณแจ้งเหตุเบื้องต้นสำหรับผู้ผลิตซอสถั่วเหลืองในประเทศที่สามที่ส่งเข้าอียู เนื่องจากสาร 3-MCPD เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 21/15 พฤศจิกายน 2542--