ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.สนับสนุนนโยบายรัฐบาลกระตุ้นการส่งออกให้ขยายตัวร้อยละ 20 ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการส่งออกของไทยให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ที่รัฐบาลวางไว้ให้ขยายตัวร้อยละ 20 โดยในช่วงที่ผ่านมาภาวะการส่งออกมีทิศทางดีขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อน
ค่าลง ซึ่ง ธปท.ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ขณะเดียวกันในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 20
เม.ย.นี้ ได้ให้ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท.ปรับปรุงการประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งหมด โดยนำผลกระทบที่เกิด
ขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และภัยแล้งมาประเมินภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยใหม่ (จากเดิมที่
ร้อยละ 5.25-6.25) เพื่อที่จะปรับนโยบายการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
เกิดขึ้นได้ในระดับสูง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในต่างประเทศไม่ได้สร้างแรงกดดันให้มีเงินทุนไหล
ออกจากประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, ผู้จัดการรายวัน, มติชน, ไทยรัฐ, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์)
2. คาดว่าผลประกอบการกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 48 ของ ธพ. 7 แห่งลดลงร้อยละ 14.1
รายงานจาก บล.กิมเอ็ง เปิดเผยว่า คาดว่าผลประกอบการกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 48 ของกลุ่ม ธพ. 7 แห่งจะ
เท่ากับ 21,022 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขยาย
เงินลงทุนลดลง ทั้งในส่วนของตราสารหนี้และตราสารทุน ทำให้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 28.5 จากช่วง
เดียวกันปีก่อน ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 18.6 ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้อยู่ใน
รูปดอกเบี้ยคาดว่ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 15.7 อย่างไรก็ตาม เงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญคาดว่าจะลด
ลงถึงร้อยละ 74.2 เมื่อเทียบไตรมาสก่อน เนื่องจากฐานะการเงินของกลุ่ม ธพ.อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และมีเงิน
สำรองในระบบที่เพียงพอ และสามารถแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง (มติชน)
3. ปตท.ประเมินไตรมาส 2 ปีนี้ราคาน้ำมันไม่ต่ำกว่า 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กรรมการผู้จัดการ
ใหญ่ บ.ปตท.เปิดเผยว่า แนวโน้มของราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้น
ขณะที่กำลังการผลิตทั่วโลกมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในประเทศอินเดียและจีน รวมทั้งมีการเก็งกำไรระยะสั้นใน
ราคาน้ำมัน ทำให้ส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาน้ำมันในปีนี้ยังอยู่ในระดับสูงไม่ต่ำกว่า 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะเริ่ม
ปรับตัวลงมาบ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ราคาน้ำมันก็ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันขาย
ปลีกจะไม่ต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร (กรุงเทพธุรกิจ)
4. สศค.เตรียมเสนอหลักเกณฑ์การส่งเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติร้อยละ 3 ของรายได้
ต่อเดือน ผอ.สำนักการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.เสนอ
รมว.คลังเห็นชอบในหลักการของการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อดำเนินการกำหนดนโยบายและราย
ละเอียดของกองทุนดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการร่างกฎหมายในการจัดตั้ง คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในปี 49
และมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผลการศึกษาอัตราเงินสมทบในการส่งเงินเข้ากองทุน
บำเหน็จบำนาญแห่งชาติระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่เหมาะสมจะมีจำนวนร้อยละ 3 ของรายได้ต่อเดือน โดยการ
กำหนดเงินนำส่งสมทบดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความสามารถในการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับผู้ที่
อยู่ในกองทุนดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงได้เสนอลดจำนวนเงินนำส่งสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นขั้นต่ำ เพื่อลด
ภาระของผู้นำส่งเงินเข้ากองทุน โดยอาจจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ของรายได้ต่อเดือน (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การส่งออกช่วยให้จีดีพีของเยอรมนีกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสแรกปีนี้ รายงานจากกรุง
เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 18 เม.ย.48 Bundesbank ธ.กลางของเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของ
เยอรมนีจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาสแรกปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นผล
มาจากการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการสินค้าของตลาดในต่างประเทศที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้การส่งออกขยายตัวมากกว่าการนำเข้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แต่ภาพโดยรวมของการบริโภคภายในประเทศ
ยังคงอ่อนตัวอยู่ ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรปเริ่มชะงักงันในช่วง
ครึ่งหลังของปี 47 โดยจีดีพีหยุดขยายตัวในช่วงไตรมาส 3 และลดลงร้อยละ 0.2 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 47
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่นัก
วิเคราะห์และสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 48 ลง
เหลือประมาณร้อยละ 1.0 (รอยเตอร์)
2. เป็นการยากที่จะชี้ว่าจีนจะปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศเมื่อใด รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 48 นาย Joaquin Almunia กรรมาธิการเศรษฐกิจและนโยบายการเงินสหภาพ
ยุโรปกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดว่าเมื่อใดและอย่างไรจีนจึงจะปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของตนที่
ปัจจุบันใช้ระบบกำหนดค่าเงินโดยผูกค่าไว้กับเงินสกุลดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าปักกิ่งจะต้องกล่าว
ประเด็นดังกล่าวนี้กับทั่วโลก ทั้งนี้จีนนับเป็นประเทศที่มีความสำคัญในการแก้ปัญหาการขยายตัวของความไม่สมดุลใน
ด้านการค้าและการเงินของโลก โดยกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะนำเข้าในการ
ประชุมในปลายสัปดาห์นี้ และเรียกร้องให้มีการปฎิบัติอย่างจริงจัง แม้ว่าจีนได้ชี้ว่ามีแผนจะเปลี่ยนแปลงระบบผูกค่า
เงินตราแล้วตามที่ประเทศสรอ. และประเทศอื่นๆกล่าวหาว่าไม่เป็นธรรม เพราะระบบดังกล่าวของจีนทำให้สินค้า
ส่งออกของจีนได้เปรียบประเทศคู่แข่งอื่นๆเพราะราคาถูกกว่า (รอยเตอร์)
3. เดือน มี.ค.48 การส่งออกของสิงคโปร์ลดลงร้อยละ 6.7 เทียบต่อเดือน ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
6.2 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 18 เม.ย.48 International Enterprise Singapore
เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกซึ่งไม่รวมผลิตภัณฑ์น้ำมัน(หลังปรับฤดูกาล)ของสิงคโปร์ในเดือน มี.ค.48 มีมูลค่า
11.9 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ (7.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงร้อยละ 6.7 เทียบต่อเดือน นับเป็นการลดลง
ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ตรงข้ามกับเดือนก่อนหน้าซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 และเป็นการลดลงมากเมื่อเทียบกับการ
คาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 4.3 สาเหตุจากความผันผวนของมูลค่าการส่งออก
เภสัชภัณฑ์ ขณะที่เมื่อเทียบต่อปี มูลค่าการส่งออกกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
5.3 แต่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.48 คงที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือนก่อน
รายงานจากโซล เมื่อ 19 เม.ย.48 สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้รายงานอัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ใน
เดือน มี.ค.48 คงที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือน ก.พ.48 ลดลงจากเดือน ม.ค.48 ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดใน
รอบ 5 เดือนที่ร้อยละ 3.6 โดยในเดือน มี.ค.48 มีคนที่มีงานทำทั้งสิ้น 22.83 ล้าน เพิ่มขึ้นจาก 22.71 ล้านคน
ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ทั้งนี้การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปี
ก่อนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง ในขณะที่การจ้างงานในภาคบริการ
ของเกาหลีใต้ เช่น ร้านค้า ภัตตาคารและโรงแรมก็ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน อันเป็นผลจากการใช้จ่ายของผู้
บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวนับตั้งแต่เกิดวิกฤตจากการขยายตัวอย่างมากของสินเชื่อส่วนบุคคลในปี 45 อย่างไรก็ดี ยอดขาย
ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ในเดือน มี.ค.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน เช่นเดียวกับดัชนีชี้วัดความเชื่อ
มั่นของธุรกิจที่ดีขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ
ที่ 3 ของเอเชียจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ในปีนี้ชะลอตัวจากปีก่อนซึ่งจากตัวเลขเบื้องต้นคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ
4.6 ต่อปี โดย ก.คลังของเกาหลีใต้วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวถึงร้อย
ละ 5.0 ในปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19 เม.ย. 48 18 เม.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.675 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.5126/39.7973 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.2500 - 2.3500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 676.90/22.64 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 44.99 44.97 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.89*/18.19** 22.89*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 เม.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.สนับสนุนนโยบายรัฐบาลกระตุ้นการส่งออกให้ขยายตัวร้อยละ 20 ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการส่งออกของไทยให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ที่รัฐบาลวางไว้ให้ขยายตัวร้อยละ 20 โดยในช่วงที่ผ่านมาภาวะการส่งออกมีทิศทางดีขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อน
ค่าลง ซึ่ง ธปท.ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ขณะเดียวกันในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 20
เม.ย.นี้ ได้ให้ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท.ปรับปรุงการประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งหมด โดยนำผลกระทบที่เกิด
ขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และภัยแล้งมาประเมินภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยใหม่ (จากเดิมที่
ร้อยละ 5.25-6.25) เพื่อที่จะปรับนโยบายการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
เกิดขึ้นได้ในระดับสูง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในต่างประเทศไม่ได้สร้างแรงกดดันให้มีเงินทุนไหล
ออกจากประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, ผู้จัดการรายวัน, มติชน, ไทยรัฐ, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์)
2. คาดว่าผลประกอบการกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 48 ของ ธพ. 7 แห่งลดลงร้อยละ 14.1
รายงานจาก บล.กิมเอ็ง เปิดเผยว่า คาดว่าผลประกอบการกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 48 ของกลุ่ม ธพ. 7 แห่งจะ
เท่ากับ 21,022 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขยาย
เงินลงทุนลดลง ทั้งในส่วนของตราสารหนี้และตราสารทุน ทำให้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 28.5 จากช่วง
เดียวกันปีก่อน ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 18.6 ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้อยู่ใน
รูปดอกเบี้ยคาดว่ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 15.7 อย่างไรก็ตาม เงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญคาดว่าจะลด
ลงถึงร้อยละ 74.2 เมื่อเทียบไตรมาสก่อน เนื่องจากฐานะการเงินของกลุ่ม ธพ.อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และมีเงิน
สำรองในระบบที่เพียงพอ และสามารถแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง (มติชน)
3. ปตท.ประเมินไตรมาส 2 ปีนี้ราคาน้ำมันไม่ต่ำกว่า 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กรรมการผู้จัดการ
ใหญ่ บ.ปตท.เปิดเผยว่า แนวโน้มของราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้น
ขณะที่กำลังการผลิตทั่วโลกมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในประเทศอินเดียและจีน รวมทั้งมีการเก็งกำไรระยะสั้นใน
ราคาน้ำมัน ทำให้ส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาน้ำมันในปีนี้ยังอยู่ในระดับสูงไม่ต่ำกว่า 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะเริ่ม
ปรับตัวลงมาบ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ราคาน้ำมันก็ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันขาย
ปลีกจะไม่ต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร (กรุงเทพธุรกิจ)
4. สศค.เตรียมเสนอหลักเกณฑ์การส่งเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติร้อยละ 3 ของรายได้
ต่อเดือน ผอ.สำนักการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.เสนอ
รมว.คลังเห็นชอบในหลักการของการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อดำเนินการกำหนดนโยบายและราย
ละเอียดของกองทุนดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการร่างกฎหมายในการจัดตั้ง คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในปี 49
และมีผลบังคับใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผลการศึกษาอัตราเงินสมทบในการส่งเงินเข้ากองทุน
บำเหน็จบำนาญแห่งชาติระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่เหมาะสมจะมีจำนวนร้อยละ 3 ของรายได้ต่อเดือน โดยการ
กำหนดเงินนำส่งสมทบดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความสามารถในการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับผู้ที่
อยู่ในกองทุนดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงได้เสนอลดจำนวนเงินนำส่งสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นขั้นต่ำ เพื่อลด
ภาระของผู้นำส่งเงินเข้ากองทุน โดยอาจจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ของรายได้ต่อเดือน (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การส่งออกช่วยให้จีดีพีของเยอรมนีกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสแรกปีนี้ รายงานจากกรุง
เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 18 เม.ย.48 Bundesbank ธ.กลางของเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของ
เยอรมนีจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาสแรกปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นผล
มาจากการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการสินค้าของตลาดในต่างประเทศที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้การส่งออกขยายตัวมากกว่าการนำเข้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แต่ภาพโดยรวมของการบริโภคภายในประเทศ
ยังคงอ่อนตัวอยู่ ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรปเริ่มชะงักงันในช่วง
ครึ่งหลังของปี 47 โดยจีดีพีหยุดขยายตัวในช่วงไตรมาส 3 และลดลงร้อยละ 0.2 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 47
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่นัก
วิเคราะห์และสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 48 ลง
เหลือประมาณร้อยละ 1.0 (รอยเตอร์)
2. เป็นการยากที่จะชี้ว่าจีนจะปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศเมื่อใด รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 48 นาย Joaquin Almunia กรรมาธิการเศรษฐกิจและนโยบายการเงินสหภาพ
ยุโรปกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดว่าเมื่อใดและอย่างไรจีนจึงจะปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของตนที่
ปัจจุบันใช้ระบบกำหนดค่าเงินโดยผูกค่าไว้กับเงินสกุลดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าปักกิ่งจะต้องกล่าว
ประเด็นดังกล่าวนี้กับทั่วโลก ทั้งนี้จีนนับเป็นประเทศที่มีความสำคัญในการแก้ปัญหาการขยายตัวของความไม่สมดุลใน
ด้านการค้าและการเงินของโลก โดยกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะนำเข้าในการ
ประชุมในปลายสัปดาห์นี้ และเรียกร้องให้มีการปฎิบัติอย่างจริงจัง แม้ว่าจีนได้ชี้ว่ามีแผนจะเปลี่ยนแปลงระบบผูกค่า
เงินตราแล้วตามที่ประเทศสรอ. และประเทศอื่นๆกล่าวหาว่าไม่เป็นธรรม เพราะระบบดังกล่าวของจีนทำให้สินค้า
ส่งออกของจีนได้เปรียบประเทศคู่แข่งอื่นๆเพราะราคาถูกกว่า (รอยเตอร์)
3. เดือน มี.ค.48 การส่งออกของสิงคโปร์ลดลงร้อยละ 6.7 เทียบต่อเดือน ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
6.2 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 18 เม.ย.48 International Enterprise Singapore
เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกซึ่งไม่รวมผลิตภัณฑ์น้ำมัน(หลังปรับฤดูกาล)ของสิงคโปร์ในเดือน มี.ค.48 มีมูลค่า
11.9 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ (7.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงร้อยละ 6.7 เทียบต่อเดือน นับเป็นการลดลง
ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ตรงข้ามกับเดือนก่อนหน้าซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 และเป็นการลดลงมากเมื่อเทียบกับการ
คาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 4.3 สาเหตุจากความผันผวนของมูลค่าการส่งออก
เภสัชภัณฑ์ ขณะที่เมื่อเทียบต่อปี มูลค่าการส่งออกกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
5.3 แต่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.48 คงที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือนก่อน
รายงานจากโซล เมื่อ 19 เม.ย.48 สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้รายงานอัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ใน
เดือน มี.ค.48 คงที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือน ก.พ.48 ลดลงจากเดือน ม.ค.48 ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดใน
รอบ 5 เดือนที่ร้อยละ 3.6 โดยในเดือน มี.ค.48 มีคนที่มีงานทำทั้งสิ้น 22.83 ล้าน เพิ่มขึ้นจาก 22.71 ล้านคน
ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ทั้งนี้การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปี
ก่อนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง ในขณะที่การจ้างงานในภาคบริการ
ของเกาหลีใต้ เช่น ร้านค้า ภัตตาคารและโรงแรมก็ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน อันเป็นผลจากการใช้จ่ายของผู้
บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวนับตั้งแต่เกิดวิกฤตจากการขยายตัวอย่างมากของสินเชื่อส่วนบุคคลในปี 45 อย่างไรก็ดี ยอดขาย
ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ในเดือน มี.ค.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน เช่นเดียวกับดัชนีชี้วัดความเชื่อ
มั่นของธุรกิจที่ดีขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ
ที่ 3 ของเอเชียจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ในปีนี้ชะลอตัวจากปีก่อนซึ่งจากตัวเลขเบื้องต้นคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ
4.6 ต่อปี โดย ก.คลังของเกาหลีใต้วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวถึงร้อย
ละ 5.0 ในปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19 เม.ย. 48 18 เม.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.675 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.5126/39.7973 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.2500 - 2.3500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 676.90/22.64 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 44.99 44.97 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.89*/18.19** 22.89*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 เม.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--