บทสัมภาษณ์ ส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ‘นริศ ขำนุรักษ์’ ต่อการจัดงบพัฒนาพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยดูจากการแบ่งโซนสี ตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เห็นอย่างไรกับแนวคิดการแบ่งโซนจัดงบประมาณลงพื้นที่ภาคใต้ของนายกฯ
แนวคิดดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง พรรคประชาธิปัตย์คิดว่า เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอีกครั้งของรัฐบาลชุดนี้ หลังจากที่ผิดพลาดในเรื่องการยุบศอ.บต. และพตท.43 รวมถึงความคิดการถอนทหารออกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมั่นใจว่าผู้ว่าซีอีโอจะเข้ามาแก้ปัญหาได้ ผลที่ได้จากแนวทางดังกล่าว มีการอุ้มฆ่าคนในพื้นที่มากมาย แนวคิดการตั้งกองพลทหาร ตลอดจนการแบ่งสีพื้นที่ สีเขียว สีเหลือง สีแดง ก็เป็นแนวคิดที่ผิดพลาดอีกครั้ง ผมเข้าใจว่าแนวคิดดังกล่าวติดอยู่ในใจนายกฯตั้งแต่วันเลือกตั้งแล้ว เพราะนายกฯพยายามที่จะบอกว่า พื้นที่ใดเลือกพรรคไทยรักไทยก็จะได้รับการพัฒนา เทงบประมาณลงไป นายกฯจะใช้แนวคิดเรื่องเงินหรืองบประมาณเป็นหลัก ซึ่งเราก็พยายามโต้แย้งแนวคิดนี้ว่างบประมาณเป็นของประชาชนในประเทศ ควรจะทำไปตามสภาพปัญหาของคนในพื้นที่ ไม่ใช่พิจารณาจากพื้นที่ใดว่าเลือกหรือไม่เลือกพรรคไทยรักไทย
แนวคิดดังกล่าวหลังจากเลือกตั้งแล้วนายกฯนำไปใช้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย นี่ดีที่ไม่นับคะแนนที่หน่วย ถ้านับที่หน่วยเลือกตั้งนายกฯอาจจะสนับสนุนเฉพาะหน่วยที่สนับสนุนเลือกพรรคไทยรักไทยก็ได้ ส่วนแนวคิดการแบ่งพื้นที่เป็น 3 สีนั้น ก่อนหน้านี้รัฐบาลพยายามจะบอกว่าจะพยายามไม่ให้มีการแบ่งแยกดินแดน จะต่อสู้กับกรแบ่งแยกดินแดนและพยายามให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติ แต่ขณะนี้ผมคิดว่ารัฐบาลกำลังแบ่งแยกดินแดน แบ่งแยกประเทศเสียเอง แนวคิดที่บอกว่า ‘คุณไปไหนผมไปด้วย’ เป็นแนวคิดที่แข็งกร้าว เป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อใจประชาชนในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีควรถอยเรื่องนี้ เพราะปัญหาจะลุกลามใหญ่โต ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วว่าปัญหายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เลือกสถานที่ปฏิบัติ ไม่เลือกกลุ่มเป้าหมาย นักเรียนอนุบาลก็ทำ งานเลี้ยงโรงแรมก็ทำ การจัดการปัญหาชายแดนภาคใต้ รัฐบาลต้องไม่ละเลยการก่อการร้ายสากล ผสมกับความไม่พอใจรัฐบาลของคนในพื้นที่
แนวทางนี้เหมือนเป็นการสร้างความกดดันคนในพื้นที่ ให้ต่อต้านรัฐบาลหรือไม่
ใช่ แล้วก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็รัฐบาลเองกำลังแก้ปัญหาโดยการราดน้ำมันลงบนเชื้อไฟ ยิ่งนายกฯยืนยันแนวคิดของตัวเองมากเท่าไหร่ ประชาชนยิ่งต่อต้านมากยิ่งขึ้น และความรุนแรงก็จะไม่สามารถหยุดยั้งได้
การตั้งกองพลทหารราบ 15 ขึ้นมา โดยส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่ภาคใต้โดยแท้ ตรงนี้จะเกิดปัญหาความไม่เข้าใจหรือไม่
การส่งทหารลงไปในพื้นที่จำนวนมาก และบอกให้ทหารไปหาครอบครัว ไปหาเมียเอาที่ภาคใต้ ความคิดแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ที่นำเอาคนอีสานไปไว้ที่ชายแดน อำเภอสุขิรินทร์ เพื่อหวังว่าจะไปผสมกลมกลืนกับคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ที่จริงการตั้งกองพลทหารราบขึ้นมา ก็เพื่อเป็นการโฆษณามากกว่า เพราะที่จริงทหารหรือหน่วยงานพัฒนาในพื้นที่ก็มีมากพอ นายกฯอาจจะไปเพิ่มเติมทหารที่มีอยู่แล้วก็ได้ แต่การออกข่าวว่าสร้างกองพลขึ้นมา คิดว่านายกฯมุ่งการประชาสัมพันธ์ว่ารัฐบาลทุ่มเท ชาวบ้านอาจจะมีความรู้สึกกดดันก็ได้ ผมคิดว่านายกฯต้องเข้าไปสู่การเข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกฯไม่เข้าใจและยังบ่งแยกการพัฒนาออกไปอีก
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯกำลังแก้ปัญหาตามแนวทางของคอมมิวนิสต์
การแบ่งคนออกเป็น 3 ส่วน รุนแรงกว่าแนวคิดการปราบคอมมิวนิสต์ นโยบายการเมืองนำทหาร แนวคิดของการแก้ปัญหาชายแดนใต้ขณะนี้สามารถใช้แนวคิดแบบนี้ได้ เราคิดว่า คำตอบสุดท้ายก็เช่นเดียวกันคือ ความล้มเหลว ถ้ารัฐบาลใจกว้างพอที่จะรับฟัง ก็อยากให้รัฐบาลได้เอา ‘คำประกาศปัตตานี’ ที่พรรคประชาธิปัตย์นำมารณรงค์เลือกตั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำมาเป็นนโยบายของรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะมอบให้
รัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมานายกฯซึ่งมีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาลยึดถือความคิดของตัวเองมาโดยตลอด
นายกฯ ต้องทบทวนตัวเองบ้าง แนวคิดที่ตัวเองเก่งคนเดียว ดีคนเดียว หรือรู้คนเดียว แนวคิดนี้ทำให้น้ำตาท่วมเมือง เลือดท่วมภาคใต้แล้ว ดังนั้นนายกฯต้องยุติ ยับยั้ง และทบทวน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
เห็นอย่างไรกับแนวคิดการแบ่งโซนจัดงบประมาณลงพื้นที่ภาคใต้ของนายกฯ
แนวคิดดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง พรรคประชาธิปัตย์คิดว่า เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอีกครั้งของรัฐบาลชุดนี้ หลังจากที่ผิดพลาดในเรื่องการยุบศอ.บต. และพตท.43 รวมถึงความคิดการถอนทหารออกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมั่นใจว่าผู้ว่าซีอีโอจะเข้ามาแก้ปัญหาได้ ผลที่ได้จากแนวทางดังกล่าว มีการอุ้มฆ่าคนในพื้นที่มากมาย แนวคิดการตั้งกองพลทหาร ตลอดจนการแบ่งสีพื้นที่ สีเขียว สีเหลือง สีแดง ก็เป็นแนวคิดที่ผิดพลาดอีกครั้ง ผมเข้าใจว่าแนวคิดดังกล่าวติดอยู่ในใจนายกฯตั้งแต่วันเลือกตั้งแล้ว เพราะนายกฯพยายามที่จะบอกว่า พื้นที่ใดเลือกพรรคไทยรักไทยก็จะได้รับการพัฒนา เทงบประมาณลงไป นายกฯจะใช้แนวคิดเรื่องเงินหรืองบประมาณเป็นหลัก ซึ่งเราก็พยายามโต้แย้งแนวคิดนี้ว่างบประมาณเป็นของประชาชนในประเทศ ควรจะทำไปตามสภาพปัญหาของคนในพื้นที่ ไม่ใช่พิจารณาจากพื้นที่ใดว่าเลือกหรือไม่เลือกพรรคไทยรักไทย
แนวคิดดังกล่าวหลังจากเลือกตั้งแล้วนายกฯนำไปใช้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย นี่ดีที่ไม่นับคะแนนที่หน่วย ถ้านับที่หน่วยเลือกตั้งนายกฯอาจจะสนับสนุนเฉพาะหน่วยที่สนับสนุนเลือกพรรคไทยรักไทยก็ได้ ส่วนแนวคิดการแบ่งพื้นที่เป็น 3 สีนั้น ก่อนหน้านี้รัฐบาลพยายามจะบอกว่าจะพยายามไม่ให้มีการแบ่งแยกดินแดน จะต่อสู้กับกรแบ่งแยกดินแดนและพยายามให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติ แต่ขณะนี้ผมคิดว่ารัฐบาลกำลังแบ่งแยกดินแดน แบ่งแยกประเทศเสียเอง แนวคิดที่บอกว่า ‘คุณไปไหนผมไปด้วย’ เป็นแนวคิดที่แข็งกร้าว เป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อใจประชาชนในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีควรถอยเรื่องนี้ เพราะปัญหาจะลุกลามใหญ่โต ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วว่าปัญหายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เลือกสถานที่ปฏิบัติ ไม่เลือกกลุ่มเป้าหมาย นักเรียนอนุบาลก็ทำ งานเลี้ยงโรงแรมก็ทำ การจัดการปัญหาชายแดนภาคใต้ รัฐบาลต้องไม่ละเลยการก่อการร้ายสากล ผสมกับความไม่พอใจรัฐบาลของคนในพื้นที่
แนวทางนี้เหมือนเป็นการสร้างความกดดันคนในพื้นที่ ให้ต่อต้านรัฐบาลหรือไม่
ใช่ แล้วก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็รัฐบาลเองกำลังแก้ปัญหาโดยการราดน้ำมันลงบนเชื้อไฟ ยิ่งนายกฯยืนยันแนวคิดของตัวเองมากเท่าไหร่ ประชาชนยิ่งต่อต้านมากยิ่งขึ้น และความรุนแรงก็จะไม่สามารถหยุดยั้งได้
การตั้งกองพลทหารราบ 15 ขึ้นมา โดยส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่ภาคใต้โดยแท้ ตรงนี้จะเกิดปัญหาความไม่เข้าใจหรือไม่
การส่งทหารลงไปในพื้นที่จำนวนมาก และบอกให้ทหารไปหาครอบครัว ไปหาเมียเอาที่ภาคใต้ ความคิดแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ที่นำเอาคนอีสานไปไว้ที่ชายแดน อำเภอสุขิรินทร์ เพื่อหวังว่าจะไปผสมกลมกลืนกับคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ที่จริงการตั้งกองพลทหารราบขึ้นมา ก็เพื่อเป็นการโฆษณามากกว่า เพราะที่จริงทหารหรือหน่วยงานพัฒนาในพื้นที่ก็มีมากพอ นายกฯอาจจะไปเพิ่มเติมทหารที่มีอยู่แล้วก็ได้ แต่การออกข่าวว่าสร้างกองพลขึ้นมา คิดว่านายกฯมุ่งการประชาสัมพันธ์ว่ารัฐบาลทุ่มเท ชาวบ้านอาจจะมีความรู้สึกกดดันก็ได้ ผมคิดว่านายกฯต้องเข้าไปสู่การเข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกฯไม่เข้าใจและยังบ่งแยกการพัฒนาออกไปอีก
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯกำลังแก้ปัญหาตามแนวทางของคอมมิวนิสต์
การแบ่งคนออกเป็น 3 ส่วน รุนแรงกว่าแนวคิดการปราบคอมมิวนิสต์ นโยบายการเมืองนำทหาร แนวคิดของการแก้ปัญหาชายแดนใต้ขณะนี้สามารถใช้แนวคิดแบบนี้ได้ เราคิดว่า คำตอบสุดท้ายก็เช่นเดียวกันคือ ความล้มเหลว ถ้ารัฐบาลใจกว้างพอที่จะรับฟัง ก็อยากให้รัฐบาลได้เอา ‘คำประกาศปัตตานี’ ที่พรรคประชาธิปัตย์นำมารณรงค์เลือกตั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำมาเป็นนโยบายของรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะมอบให้
รัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมานายกฯซึ่งมีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาลยึดถือความคิดของตัวเองมาโดยตลอด
นายกฯ ต้องทบทวนตัวเองบ้าง แนวคิดที่ตัวเองเก่งคนเดียว ดีคนเดียว หรือรู้คนเดียว แนวคิดนี้ทำให้น้ำตาท่วมเมือง เลือดท่วมภาคใต้แล้ว ดังนั้นนายกฯต้องยุติ ยับยั้ง และทบทวน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-