เมื่ออังคาร ที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้มีการประชุมส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม โดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กล่าวว่า
"การประชุมในวันนี้นอกเหนือจากเรื่องที่มีการพูดถึงวาระการประช ุมในสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 วัน นั้นก็ คือวันพุธ - วันพฤหัสบดี ซึ่งจะประชุมสภาผู้แทนราษฎร และในวันศุกร์จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อ พิจารณากับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองโดยทั่วไป โดย ในวันนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ได้เข้าประชุม และท่านนายกฯก็ได้เข้าประชุม ร่วมกับส.ส.ใน พรรค ประเด็นที่มีการพูดกันมากในวันนี้มีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก เป็น ข้อซักถามของเพื่อนสมาชิก ในพรรคต่อประเด็นที่ต่อเนื่อง จากเรื่องการอภิปรายไม่ไว้ วางใจในสภา ก็คือประเด็นที่ฝ่ายค้านได้นำมาขยายผล เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายไปแล้ว โดยเฉพาะ อย่างยิ่งใน 2 ประเด็นหลัก ก็คือ
1. เรื่องที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คือคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ได้ อภิปรายเกี่ยวข้องกับเรื่อง การ กล่าวหา เรื่องของจดหมายที่คุณจาตุรนต์ ใช้คำว่าจดหมายลับ หรือ SIDE LETTERS ซึ่งเนื้อหาในการ กล่าวหานั้นก็ได้ปรากฎ ทั้งในการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และปรากฎในสื่อมวลชน ในทำนองที่กล่าว หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่ามีการทำจดหมายลับโดยไม่เปิดเผย ต่อสารธารณะ และในเนื้อหา จดหมายลับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของกฎหมาย ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจว่า ได้มีการตกลงในเรื่องหลักการอื่น นอกเหนือไปจากจดหมายแสดงเจตจำนง ซึ่งรัฐบาลเปิดเผยแล้ว เรื่องนี้ ถ้า ฝ่ายค้านมีการพูดจาในสถาธารณะ ต่อไปก็อาจจะเกิดความเสียหายได้ สมาชิกจึงได้ซักถามท่านรัฐมนตรีธารินทร์ ในที่ประชุม ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนในที่ประชุมวันนี้
โดยท่านรัฐมนตรีธารินทร์ได้แถลงว่า แท้จริงแล้ว SIDE LETTERS เป็นเพียงหนังสือประกอบจดหมาย แสดงเจตจำนงเท่านั้น ไม่ใช้เป็นจดหมายลับแต่ประการใด ที่สำคัญก็คือว่าหนังสือประกอบ หนังสือแสดงเจต จำนงนั้น ไม่ใช้เรื่องของการทำสัญญาลับ เรื่องข้อตกลงลับแต่ประการใดทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งซึ่งคุณ จาตุรนต์ ได้อ้างในสภา ว่าเป็น SIDE LETTERS โดยอ้างถึงบันทึกการประชุมของไอเอ็มเอฟนั้น แท้จริงแล้ว ได้มี การตรวจสอบ โดยกระทรวงการคลัง พบว่าทาง ไอเอ็มเอฟยืนยันว่าหนังสือฉบับดังกล่าวไม่มีในสารระบบ ของไอเอ็มเอฟ ดังนั้นที่คุณจาตุรนต์ กล่าวอ้างว่าเป็น บันทึกการประชุมของไอเอ็มเอฟ หลังจากการตรวจสอบกับ ไอเอ็มเอฟ แล้วจึงทราบว่าไม่เป็นความจริง เพราะหนังสือที่คุณจาตุรนต์อ้าง ไม่มีในสารระบบหนังสือของ ไอเอ็มเอฟ เมื่อมีการตรวจสอบต่อไปกระทรวงการคลัง
โดยท่านรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า แท้จริงแล้วเป็นการรายงานปกติ ภายในของธนาคารแห่งประเทศไทย โดย เจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งประจำอยู่ที่วอชิงตันดีซี ได้รายงานมายังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็น รายงานภายในตามปกติ ไม่ใช้เป็นบันทึกการประชุมของไอเอ็มเอฟ แต่ประการใด
ที่สำคัญก็คือว่าท่านรัฐมนตรีคลังยังชี้แจงให้สมาชิกได้ทราบต่อไ ปว่า สิ่งซึ่งเป็นจดหมายที่ท่านได้มีไปถึง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ มิสเตอร์ กองเดอร์ซู จดหมายที่พูดถึงเรื่องของกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามที่คุณจาตุรนต์ กล่าวอ้างนั้น มีอยู่จริงแต่ไม่ใช้เป็นเรื่องข้อตกลงลับ แต่ในจดหมายนั้นซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ทำจดหมายข่าวส่งให้สื่อมวลชน แล้วเป็นเพียงการพูดถึงกระบวนการออกก ฎหมายในประเทศไทยว่าจะ ต้องมีกระบวนการซึ่งต้องเคารพ ต่อการพิจารณาของรัฐสภา รามทั้งวุฒิสมาชิกด้วยไม่สามารถที่จะไปกำหนด วันซึ่งกฎหมายต้องผ่านได้ โดยจดหมายที่ท่านรัฐมนตรีธารินทร์มีไปถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ถึง มิสเตอร์กองเดอร์ ซู นั้น เป็นจดหมายซึ่งพูดถึง เหตุผลที่ทำให้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพื้นฟูเศรษฐกิจ ล่าช้า กว่าที่เคยพูดกันเอาไว้ เนื่องจากกระบวนการของรัฐสภา
ซึ่งจดหมายฉบับนี้ นั้นท่านหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ได้นำมากล่าวอ้าง และได้มีการโจมตีรัฐมนตรี ธารินทร์ ในทำนองว่าไม่ให้เกียรติต่อวุฒิสมาชิก ผมเข้าใจว่าท่านหัวหน้าพรรคความหวังใหม่คงจะกล่าวอ้าง โดยยังไม่เห็นตัวจดหมายจริง ๆ ดังนั้นวันนี้ท่านธารินทร์ ได้ชี้แจง เนื้อหาสาระของกฎหมายที่ประชุมเข้าใจ อย่างชัดเจน และก็จะเห็นชัดว่าจดหมายดังกล่าวนั้น เป็นการเคารพในวิจารณญาณของวุฒิสมาชิก ไม่ได้เป็น การประนามหยามเหยียด ดังที่หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ได้กล่าวอ้าง แต่ประการใด ที่สำคัญก็คือในกฎหมาย ฉบับนี้นั้นท่านรัฐมนตรีธารินทร์ได้อ้างถึงความตั้งใจของท่านนายกฯ และการที่จะดำเนินการให้ ความร่วมมือ กับวุฒิสภาอย่างเต็มที่ด้วย ดังนั้นการกล่าวอ้างของหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านจึงเป็น เรื่องที่น่าเสียใจ ที่ไม่ได้เป็นการพูดถึงข้อเท็จจริง แต่เป็นเพียงการบิดเบือนประเด็นเพื่อ หวังผลทางด้านการ เมือง อันจะก่อให้เกิดความสับสนกับประชาชนต่อไปเท่านั้น
2. เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีธารินทร์ได้ชี้แจง ในที่ประชุมก็คือกรณีการกล่าวหา ของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอีก ท่านหนึ่ง คือคุณสมัคร สุนทรเวช ที่ได้กล่าวหากระทรวงการคลัง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท เอสโซ่ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง ในคำกล่าวอ้างของท่านหัวหน้าพรรคประชากรไทย คือคุณสมัครนั้นได้พูดจาในทำนองว่าหุ้นจำนวนนี้ กระทรวงการคลังได้ขายออกไปแล้ว โดยไม่มีการปรึกษา หารือกับผู้ใดทั้งสิ้น ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า กระทรวงการคลังนั้นมีพฤติกรรมที่มุบมิบ และก็เอาหุ้น ซึ่งรัฐบาลมีหุ้นอยู่ แอบขาย ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการชี้แจง ของท่านรัฐมนตรีธารินทร์ ต่อที่ประชุม และท่าน จุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อที่ประชุมประกอบกับเอกสาร แถลงข่าว ของกระทรวงการคลังนั้น สมาชิกได้รับฟังข้อเท็จจริงแล้วก็ทราบว่าแท้จริงแล้วกระทรวงการคลัง ได้มีการติดต่อ กับบริษัทเอสโซ่จริง แต่เป็นการติดต่อในเรื่องหุ้นนี้ตามมติคณะรัฐมนตี ซึ่งเป็นมติคณะรัฐมนตรี ในสมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และเป็น รัฐบาลที่คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นรองนายกฯ ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย คือเป็นมติครม. เมื่อเดือนกันยายน ปี 2540 และเป็นมติครม.ต้นเดือน พ.ย. ปี 2540 ดังนั้นมติครม.ในเรื่องนี้จริง ๆ เกิดขึ้นในสมัยที่คุณสมัครเองก็เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย ก็เป็นที่สงสัยว่าทำไมท่านจึงลืมเรื่องนี้ไป ที่ สำคัญก็คือว่าหุ้นนี้ยังไม่มีการติดต่อหรือขายออกไปเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่ประการใด แต่อยู่ในระยะของการติด ต่อเท่านั้น ยังไม่มีการขายหุ้นออกไปโดยกระทรวงการคลังแต่ประการใด
ดังนั้นเรื่องนี้จึงยืนยันได้ว่าคุณสมัคร ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นกระบวนการของฝ่ายค้าน ที่พยายามที่จะขยาย ผลเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพียงเพื่อที่จะหวังผลทางด้านการเมือง ต่อรัฐบาลเท่านั้น
ทั้งสองเรื่องนี้ ทางพรรคได้ตั้งขอสังเกตุว่าเหลังการอภิปรายไปแล้วการทำงานของรัฐบาล ก็คงจะต้อง มี ความยากขึ้น เนื่องจาก ฝ่ายค้าน เองดูเหมือนว่าพยายามจะใช้หลายเรื่องที่บิดเบือนประเด็น เพื่อสร้างประเด็น ทางด้านการเมืองโจมตี รัฐบาล โดยปราศจากข้อเท็จจริง นี่เป็นสองเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีธารินทร์ ได้ชี้แจงที่ เป็นเรื่องขยายผลจากการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งท่านายกรัฐมนตรีได้พูดในที่ประชุมด้วยก็ได้ม ีการขึ้นมาพูด กับสมาชิก โดยท่านายกฯ นั้น ได้ย้ำให้สมาชิกให้ความสำคัญ กับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ มีการออกกฎหมาย โดยท่านได้ย้ำว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ก็ขอให้ทุกคนได้เข้าร่วมประชุม โดยพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากมี กฎหมาย สำคัญอีกหลายฉบับทั้งเป็นกฎหมาย ที่เป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมาย
ที่ต้องออกตาม รัฐธรรมนูญ กฎหมายซึ่งมีความสัมพันธ์ ต่อการเสริม มาตรการและนโยบายของรัฐบาล ท่านได้ย้ำให้สมาชิก ทุกท่าน ให้ความสำคัญกับกระบวนการรัฐสภา และเข้าประชุม โดยท่านได้พูดในที่ประชุมว่าท่าน เป็นห่วงว่า ฝ่ายค้านเอง ซึ่งท่าทีที่ผ่านมานั้นค่อนข้างจะมีท่าทีที่ไม่ค่อย
สนับสนุนนักกับกระบวน การออก กฎหมาย ของรัฐบาล ก็ไม่อยากให้เป็นตัวถ่วงรั้งต่อไป
ทั้งสองเรื่องนี้ก็มีการพูดคุยกันว่า สถานการณ์ทางด้านการเมือง ต่อไปนั้นสมาชิกในพรรคก็เป็นห่วงว่า รัฐบาล จะทำงานได้ยากขึ้น เป็นห่วงว่าเรื่องภายนอกสภาจะเป็นเรื่องที่ถ่วงรั้งการตัดสินใจของรัฐบาล ซึ่งใน ที่สุดแล้ว ที่ประชุมก็ได้มีการอภิปรายกันค่อนข้างกว้างขวาง และมีข้อสรุปประการหนึ่งว่ารัฐบาลเองจะต้องชี้ แจงข้อเท็จ จริงทุกเรื่องที่มีการกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ชี้แจง หรือเลขารัฐมนตรีชี้แจงก็ตาม โดยสมาชิก บางท่านถึง ขนาดตั้งข้อสังเกต ว่าขนาดเรื่องไอเอ็มเอฟ คนที่รับไอเอ็มเอฟเข้ามาเอง คือรัฐบาลพล.อ.ชวลิต รัฐบาล คุณ สมัคร ก็ยังมาโจมตีว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นคนรับเอาไอเอ็มเอฟเข้ามา ซึ่งเป็นการบิดเบือน อย่างเห็นได้ ชัดเจน และ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ก็ปรากฎในสภาฯแล้วยังกล่าวหาได้ ทำไมเรื่องอื่นจะกล่าวหาไม่ได้ดังนั้นรัฐบาล จึง จำเป็นที่จะ ต้องชี้แจงทุกเรื่องให้เกิดความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน อันนี้ก็เป็นเรื่องโดยสรุปทั่ว ๆ ไปที่มี การ หารือในวันนี้"--จบ--
"การประชุมในวันนี้นอกเหนือจากเรื่องที่มีการพูดถึงวาระการประช ุมในสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 วัน นั้นก็ คือวันพุธ - วันพฤหัสบดี ซึ่งจะประชุมสภาผู้แทนราษฎร และในวันศุกร์จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อ พิจารณากับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองโดยทั่วไป โดย ในวันนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ได้เข้าประชุม และท่านนายกฯก็ได้เข้าประชุม ร่วมกับส.ส.ใน พรรค ประเด็นที่มีการพูดกันมากในวันนี้มีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก เป็น ข้อซักถามของเพื่อนสมาชิก ในพรรคต่อประเด็นที่ต่อเนื่อง จากเรื่องการอภิปรายไม่ไว้ วางใจในสภา ก็คือประเด็นที่ฝ่ายค้านได้นำมาขยายผล เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายไปแล้ว โดยเฉพาะ อย่างยิ่งใน 2 ประเด็นหลัก ก็คือ
1. เรื่องที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คือคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ได้ อภิปรายเกี่ยวข้องกับเรื่อง การ กล่าวหา เรื่องของจดหมายที่คุณจาตุรนต์ ใช้คำว่าจดหมายลับ หรือ SIDE LETTERS ซึ่งเนื้อหาในการ กล่าวหานั้นก็ได้ปรากฎ ทั้งในการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และปรากฎในสื่อมวลชน ในทำนองที่กล่าว หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่ามีการทำจดหมายลับโดยไม่เปิดเผย ต่อสารธารณะ และในเนื้อหา จดหมายลับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของกฎหมาย ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจว่า ได้มีการตกลงในเรื่องหลักการอื่น นอกเหนือไปจากจดหมายแสดงเจตจำนง ซึ่งรัฐบาลเปิดเผยแล้ว เรื่องนี้ ถ้า ฝ่ายค้านมีการพูดจาในสถาธารณะ ต่อไปก็อาจจะเกิดความเสียหายได้ สมาชิกจึงได้ซักถามท่านรัฐมนตรีธารินทร์ ในที่ประชุม ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนในที่ประชุมวันนี้
โดยท่านรัฐมนตรีธารินทร์ได้แถลงว่า แท้จริงแล้ว SIDE LETTERS เป็นเพียงหนังสือประกอบจดหมาย แสดงเจตจำนงเท่านั้น ไม่ใช้เป็นจดหมายลับแต่ประการใด ที่สำคัญก็คือว่าหนังสือประกอบ หนังสือแสดงเจต จำนงนั้น ไม่ใช้เรื่องของการทำสัญญาลับ เรื่องข้อตกลงลับแต่ประการใดทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งซึ่งคุณ จาตุรนต์ ได้อ้างในสภา ว่าเป็น SIDE LETTERS โดยอ้างถึงบันทึกการประชุมของไอเอ็มเอฟนั้น แท้จริงแล้ว ได้มี การตรวจสอบ โดยกระทรวงการคลัง พบว่าทาง ไอเอ็มเอฟยืนยันว่าหนังสือฉบับดังกล่าวไม่มีในสารระบบ ของไอเอ็มเอฟ ดังนั้นที่คุณจาตุรนต์ กล่าวอ้างว่าเป็น บันทึกการประชุมของไอเอ็มเอฟ หลังจากการตรวจสอบกับ ไอเอ็มเอฟ แล้วจึงทราบว่าไม่เป็นความจริง เพราะหนังสือที่คุณจาตุรนต์อ้าง ไม่มีในสารระบบหนังสือของ ไอเอ็มเอฟ เมื่อมีการตรวจสอบต่อไปกระทรวงการคลัง
โดยท่านรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า แท้จริงแล้วเป็นการรายงานปกติ ภายในของธนาคารแห่งประเทศไทย โดย เจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งประจำอยู่ที่วอชิงตันดีซี ได้รายงานมายังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็น รายงานภายในตามปกติ ไม่ใช้เป็นบันทึกการประชุมของไอเอ็มเอฟ แต่ประการใด
ที่สำคัญก็คือว่าท่านรัฐมนตรีคลังยังชี้แจงให้สมาชิกได้ทราบต่อไ ปว่า สิ่งซึ่งเป็นจดหมายที่ท่านได้มีไปถึง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ มิสเตอร์ กองเดอร์ซู จดหมายที่พูดถึงเรื่องของกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามที่คุณจาตุรนต์ กล่าวอ้างนั้น มีอยู่จริงแต่ไม่ใช้เป็นเรื่องข้อตกลงลับ แต่ในจดหมายนั้นซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ทำจดหมายข่าวส่งให้สื่อมวลชน แล้วเป็นเพียงการพูดถึงกระบวนการออกก ฎหมายในประเทศไทยว่าจะ ต้องมีกระบวนการซึ่งต้องเคารพ ต่อการพิจารณาของรัฐสภา รามทั้งวุฒิสมาชิกด้วยไม่สามารถที่จะไปกำหนด วันซึ่งกฎหมายต้องผ่านได้ โดยจดหมายที่ท่านรัฐมนตรีธารินทร์มีไปถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ถึง มิสเตอร์กองเดอร์ ซู นั้น เป็นจดหมายซึ่งพูดถึง เหตุผลที่ทำให้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพื้นฟูเศรษฐกิจ ล่าช้า กว่าที่เคยพูดกันเอาไว้ เนื่องจากกระบวนการของรัฐสภา
ซึ่งจดหมายฉบับนี้ นั้นท่านหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ได้นำมากล่าวอ้าง และได้มีการโจมตีรัฐมนตรี ธารินทร์ ในทำนองว่าไม่ให้เกียรติต่อวุฒิสมาชิก ผมเข้าใจว่าท่านหัวหน้าพรรคความหวังใหม่คงจะกล่าวอ้าง โดยยังไม่เห็นตัวจดหมายจริง ๆ ดังนั้นวันนี้ท่านธารินทร์ ได้ชี้แจง เนื้อหาสาระของกฎหมายที่ประชุมเข้าใจ อย่างชัดเจน และก็จะเห็นชัดว่าจดหมายดังกล่าวนั้น เป็นการเคารพในวิจารณญาณของวุฒิสมาชิก ไม่ได้เป็น การประนามหยามเหยียด ดังที่หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ได้กล่าวอ้าง แต่ประการใด ที่สำคัญก็คือในกฎหมาย ฉบับนี้นั้นท่านรัฐมนตรีธารินทร์ได้อ้างถึงความตั้งใจของท่านนายกฯ และการที่จะดำเนินการให้ ความร่วมมือ กับวุฒิสภาอย่างเต็มที่ด้วย ดังนั้นการกล่าวอ้างของหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านจึงเป็น เรื่องที่น่าเสียใจ ที่ไม่ได้เป็นการพูดถึงข้อเท็จจริง แต่เป็นเพียงการบิดเบือนประเด็นเพื่อ หวังผลทางด้านการ เมือง อันจะก่อให้เกิดความสับสนกับประชาชนต่อไปเท่านั้น
2. เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีธารินทร์ได้ชี้แจง ในที่ประชุมก็คือกรณีการกล่าวหา ของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอีก ท่านหนึ่ง คือคุณสมัคร สุนทรเวช ที่ได้กล่าวหากระทรวงการคลัง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท เอสโซ่ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง ในคำกล่าวอ้างของท่านหัวหน้าพรรคประชากรไทย คือคุณสมัครนั้นได้พูดจาในทำนองว่าหุ้นจำนวนนี้ กระทรวงการคลังได้ขายออกไปแล้ว โดยไม่มีการปรึกษา หารือกับผู้ใดทั้งสิ้น ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า กระทรวงการคลังนั้นมีพฤติกรรมที่มุบมิบ และก็เอาหุ้น ซึ่งรัฐบาลมีหุ้นอยู่ แอบขาย ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการชี้แจง ของท่านรัฐมนตรีธารินทร์ ต่อที่ประชุม และท่าน จุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อที่ประชุมประกอบกับเอกสาร แถลงข่าว ของกระทรวงการคลังนั้น สมาชิกได้รับฟังข้อเท็จจริงแล้วก็ทราบว่าแท้จริงแล้วกระทรวงการคลัง ได้มีการติดต่อ กับบริษัทเอสโซ่จริง แต่เป็นการติดต่อในเรื่องหุ้นนี้ตามมติคณะรัฐมนตี ซึ่งเป็นมติคณะรัฐมนตรี ในสมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และเป็น รัฐบาลที่คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นรองนายกฯ ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย คือเป็นมติครม. เมื่อเดือนกันยายน ปี 2540 และเป็นมติครม.ต้นเดือน พ.ย. ปี 2540 ดังนั้นมติครม.ในเรื่องนี้จริง ๆ เกิดขึ้นในสมัยที่คุณสมัครเองก็เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย ก็เป็นที่สงสัยว่าทำไมท่านจึงลืมเรื่องนี้ไป ที่ สำคัญก็คือว่าหุ้นนี้ยังไม่มีการติดต่อหรือขายออกไปเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่ประการใด แต่อยู่ในระยะของการติด ต่อเท่านั้น ยังไม่มีการขายหุ้นออกไปโดยกระทรวงการคลังแต่ประการใด
ดังนั้นเรื่องนี้จึงยืนยันได้ว่าคุณสมัคร ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นกระบวนการของฝ่ายค้าน ที่พยายามที่จะขยาย ผลเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพียงเพื่อที่จะหวังผลทางด้านการเมือง ต่อรัฐบาลเท่านั้น
ทั้งสองเรื่องนี้ ทางพรรคได้ตั้งขอสังเกตุว่าเหลังการอภิปรายไปแล้วการทำงานของรัฐบาล ก็คงจะต้อง มี ความยากขึ้น เนื่องจาก ฝ่ายค้าน เองดูเหมือนว่าพยายามจะใช้หลายเรื่องที่บิดเบือนประเด็น เพื่อสร้างประเด็น ทางด้านการเมืองโจมตี รัฐบาล โดยปราศจากข้อเท็จจริง นี่เป็นสองเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีธารินทร์ ได้ชี้แจงที่ เป็นเรื่องขยายผลจากการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งท่านายกรัฐมนตรีได้พูดในที่ประชุมด้วยก็ได้ม ีการขึ้นมาพูด กับสมาชิก โดยท่านายกฯ นั้น ได้ย้ำให้สมาชิกให้ความสำคัญ กับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ มีการออกกฎหมาย โดยท่านได้ย้ำว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ก็ขอให้ทุกคนได้เข้าร่วมประชุม โดยพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากมี กฎหมาย สำคัญอีกหลายฉบับทั้งเป็นกฎหมาย ที่เป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมาย
ที่ต้องออกตาม รัฐธรรมนูญ กฎหมายซึ่งมีความสัมพันธ์ ต่อการเสริม มาตรการและนโยบายของรัฐบาล ท่านได้ย้ำให้สมาชิก ทุกท่าน ให้ความสำคัญกับกระบวนการรัฐสภา และเข้าประชุม โดยท่านได้พูดในที่ประชุมว่าท่าน เป็นห่วงว่า ฝ่ายค้านเอง ซึ่งท่าทีที่ผ่านมานั้นค่อนข้างจะมีท่าทีที่ไม่ค่อย
สนับสนุนนักกับกระบวน การออก กฎหมาย ของรัฐบาล ก็ไม่อยากให้เป็นตัวถ่วงรั้งต่อไป
ทั้งสองเรื่องนี้ก็มีการพูดคุยกันว่า สถานการณ์ทางด้านการเมือง ต่อไปนั้นสมาชิกในพรรคก็เป็นห่วงว่า รัฐบาล จะทำงานได้ยากขึ้น เป็นห่วงว่าเรื่องภายนอกสภาจะเป็นเรื่องที่ถ่วงรั้งการตัดสินใจของรัฐบาล ซึ่งใน ที่สุดแล้ว ที่ประชุมก็ได้มีการอภิปรายกันค่อนข้างกว้างขวาง และมีข้อสรุปประการหนึ่งว่ารัฐบาลเองจะต้องชี้ แจงข้อเท็จ จริงทุกเรื่องที่มีการกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ชี้แจง หรือเลขารัฐมนตรีชี้แจงก็ตาม โดยสมาชิก บางท่านถึง ขนาดตั้งข้อสังเกต ว่าขนาดเรื่องไอเอ็มเอฟ คนที่รับไอเอ็มเอฟเข้ามาเอง คือรัฐบาลพล.อ.ชวลิต รัฐบาล คุณ สมัคร ก็ยังมาโจมตีว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นคนรับเอาไอเอ็มเอฟเข้ามา ซึ่งเป็นการบิดเบือน อย่างเห็นได้ ชัดเจน และ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ก็ปรากฎในสภาฯแล้วยังกล่าวหาได้ ทำไมเรื่องอื่นจะกล่าวหาไม่ได้ดังนั้นรัฐบาล จึง จำเป็นที่จะ ต้องชี้แจงทุกเรื่องให้เกิดความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน อันนี้ก็เป็นเรื่องโดยสรุปทั่ว ๆ ไปที่มี การ หารือในวันนี้"--จบ--