กระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2548 13 — 24 สิงหาคม 2548 “เสริมแนวรุก เชื่อมไทยสู่โลก”
กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่ประจำการอยู่ใน 62 ประเทศทั่วโลก ขึ้นที่ กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่13 — 24 สิงหาคม 2548 ภายใต้หัวข้อหลัก “เสริมแนวรุก เชื่อมไทยสู่โลก” โดยมีวัตถุประสงค์ ส่งเสริมการดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุกของเอกอัครราชทูตในฐานะหัวหน้าคณะผู้บริหารประเทศไทยทั้ง 89 คน ในการสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยและให้สังคมไทยรู้เท่าทันกระแสโลกาภิวัตน์ ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ จะเน้นการระดมสมองเกี่ยวกับยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลและประเด็นเร่งด่วนที่ประเทศกำลังประสบอยู่ อาทิ การแก้ไขปัญหาพลังงาน การส่งเสริมการท่องเที่ยว การขยายตลาดในต่างประเทศ และการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้กับไทย รวมไปถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และการเตรียมความพร้อมของไทย เพื่อรองรับโลกาภิวัตน์
รูปแบบของการประชุมฯ จะเป็นการผสมผสานระหว่างการรับฟังนโยบายและการประชุม
หารือในด้านยุทธศาสตร์ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ภาครัฐ และภาคเอกชนในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการพบปะภาคประชาชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและปัญหาจากท้องถิ่น ซึ่งในปีนี้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยในการจัดพบปะระหว่างเอกอัครราชทูต CEO และ ผู้ว่าราชการจังหวัด CEO จาก 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันในเรื่องสำคัญๆ ประสานยุทธศาสตร์และผนึกกำลังกันในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศและการเชื่อมโยงไทยสู่โลก
สิ่งอันเป็นมงคลสูงสุด คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เข้าเฝ้าฯ ในวันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2548 ณ วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนั้น คณะจะได้เยี่ยมชมโครงการปรับปรุงโรงงานต้นแบบสกัดน้ำมันปาล์ม ณ นิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดำเนินงานตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงสนพระทัยการใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทน พิธีเปิดการประชุมฯ จะมีขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2548 โดยนายกรัฐมนตรีจะให้เกียรติมาเป็นประธาน และมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ โดยจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่นำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับบทบาทของคณะผู้แทนไทยในต่างประเทศในการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในประเด็นต่างๆ ด้วย จากนั้น ที่ประชุมจะได้รับฟังแนวนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม: สิ่งท้าทายในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่สามารถดำเนินบทบาทในการสนับสนุนยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในวันที่ 19 สิงหาคม 2548 เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจะได้รับฟังการบรรยายเรื่อง“คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติกับสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” จากนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ รวมทั้งจะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาและการสร้างความสมานฉันท์ในชาติ นอกจากนั้น ที่ประชุมยังจะได้รับฟังการบรรยายเรื่อง “การบริหารจัดการของไทยในรอบ 8 เดือนกับธรณีพิบัติภัย” ซึ่งจะเน้นประสบการณ์และความพร้อมของไทยในการบริหารจัดการภัยพิบัติ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จะมีโอกาสได้เยี่ยมชมพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย และพบปะตัวแทนภาครัฐและผู้ประกอบการ ที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่สามารถดำเนินบทบาทในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติคลื่นสึนามิ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่ประจำการอยู่ใน 62 ประเทศทั่วโลก ขึ้นที่ กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่13 — 24 สิงหาคม 2548 ภายใต้หัวข้อหลัก “เสริมแนวรุก เชื่อมไทยสู่โลก” โดยมีวัตถุประสงค์ ส่งเสริมการดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุกของเอกอัครราชทูตในฐานะหัวหน้าคณะผู้บริหารประเทศไทยทั้ง 89 คน ในการสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยและให้สังคมไทยรู้เท่าทันกระแสโลกาภิวัตน์ ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ จะเน้นการระดมสมองเกี่ยวกับยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลและประเด็นเร่งด่วนที่ประเทศกำลังประสบอยู่ อาทิ การแก้ไขปัญหาพลังงาน การส่งเสริมการท่องเที่ยว การขยายตลาดในต่างประเทศ และการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้กับไทย รวมไปถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และการเตรียมความพร้อมของไทย เพื่อรองรับโลกาภิวัตน์
รูปแบบของการประชุมฯ จะเป็นการผสมผสานระหว่างการรับฟังนโยบายและการประชุม
หารือในด้านยุทธศาสตร์ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ภาครัฐ และภาคเอกชนในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการพบปะภาคประชาชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและปัญหาจากท้องถิ่น ซึ่งในปีนี้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยในการจัดพบปะระหว่างเอกอัครราชทูต CEO และ ผู้ว่าราชการจังหวัด CEO จาก 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันในเรื่องสำคัญๆ ประสานยุทธศาสตร์และผนึกกำลังกันในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศและการเชื่อมโยงไทยสู่โลก
สิ่งอันเป็นมงคลสูงสุด คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เข้าเฝ้าฯ ในวันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2548 ณ วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนั้น คณะจะได้เยี่ยมชมโครงการปรับปรุงโรงงานต้นแบบสกัดน้ำมันปาล์ม ณ นิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดำเนินงานตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงสนพระทัยการใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทน พิธีเปิดการประชุมฯ จะมีขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2548 โดยนายกรัฐมนตรีจะให้เกียรติมาเป็นประธาน และมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ โดยจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่นำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับบทบาทของคณะผู้แทนไทยในต่างประเทศในการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในประเด็นต่างๆ ด้วย จากนั้น ที่ประชุมจะได้รับฟังแนวนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม: สิ่งท้าทายในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่สามารถดำเนินบทบาทในการสนับสนุนยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในวันที่ 19 สิงหาคม 2548 เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจะได้รับฟังการบรรยายเรื่อง“คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติกับสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” จากนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ รวมทั้งจะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาและการสร้างความสมานฉันท์ในชาติ นอกจากนั้น ที่ประชุมยังจะได้รับฟังการบรรยายเรื่อง “การบริหารจัดการของไทยในรอบ 8 เดือนกับธรณีพิบัติภัย” ซึ่งจะเน้นประสบการณ์และความพร้อมของไทยในการบริหารจัดการภัยพิบัติ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จะมีโอกาสได้เยี่ยมชมพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย และพบปะตัวแทนภาครัฐและผู้ประกอบการ ที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่สามารถดำเนินบทบาทในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติคลื่นสึนามิ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-