‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ระบุ เศรษฐกิจ3จว.ใต้วิกฤตหนัก เหตุ รบ.หลงทางในการแก้ปัญหา แนะต้องดึงท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น พร้อมเรียกร้องรบ.ต้องห่วงปากท้องพี่น้องประชาชนมากกว่าความมั่นคง
วันนี้(11 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากปัญหาวิกฤติการณ์ภาคใต้ ที่บัดนี้ผ่านมาร่วม 3 ปีแล้ว แต่แนวทางในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลก็ยังไม่มีวี่แววที่จะชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ร้ายต่างๆจะยุติลงในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของพี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างรุนแรง ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยวและการลงทุนต่างๆ ทำให้ส่งผลกระทบถึงการจ้างงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาความยากจนของประชาชนในพื้นที่มากขึ้น และแม้ว่ายางพาราจะมีราคาดีอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์สำหรับพี่น้องภาคใต้ เพราะเขาไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชนจึงไม่กล้าออกไปกรีดยาง หรือประกอบอาชีพอื่นๆ ซึ่งนั่นยิ่งเพิ่มความยากจนขึ้นเป็นทวีคูณ สร้างปัญหาให้พี่น้องใน 3 จังหวัดภาคใต้มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้แทบจะล้มกันทั้งระบบ ทั้งโรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ วันนี้ต้องยุติการดำเนินกิจการลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ลามมาถึงหาดใหญ่ จ.สงขลาที่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ซึ่งตนคิดว่าวันนี้รัฐบาลจะต้องใช้ช่องทางขององค์กรปกครองท้องถิ่นให้มากขึ้น ควรเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้น ทั้งในเรื่องของความมั่นคง ด้านการข่าว และเศรษฐกิจ นอกจากนั้นรัฐบาลควรให้ความไว้วางใจกับท้องถิ่น ในการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นลงไปดูแลเรื่องการท่องเที่ยว จัดอบรมสัมมนา โดยนำคนในพื้นที่มาฝึกอบรมอาชีพต่างๆ เช่น อบรมการทำบัญชี เป็นต้น และการจัดอบรมสัมมนาก็ไปจัดที่โรงแรมในพื้นที่ เพราะเมื่อโรงแรมไม่มีนักท่องเที่ยวมาพัก เราก็เอาคนในพื้นที่ไปจัดอบรมสัมมนา ก็จะช่วยให้โรงแรมและสถานการณ์การท่องเที่ยวดีขึ้นได้
นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นรัฐบาลต้องก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่อย่างแท้จริง ต้องสนับสนุนงบประมาณให้มีการจ้างงานในหมู่บ้าน หรือตำบล เช่น จ้างคนในหมู่บ้านขุดลอกคู คลอง หนอง บึง หรือ สร้างถนนคอนกรีตในหมู่บ้านโดยใช้แรงงานของคนในหมู่บ้านนั้นๆ เป็นต้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานในหมู่บ้านมากขึ้น อีกทั้งการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ให้ความคุ้มครองกับประชาชนในหมู่บ้านก็จะทำได้ทั่วถึง
“ผมคิดว่าเมื่อรัฐบาลยังแก้ปัญหาความมั่นคงไม่ได้ รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับปากท้องของพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย ไม่ใช่มองแค่เรื่องความมั่นคงด้านเดียว จนลืมเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน ลืมเรื่องเศรษฐกิจที่หล่อเลี้ยงภาคใต้ทั้งภาค วันนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้รุนแรงมากขึ้นทุกวัน แต่ทุกคนมัวหลงประเด็นอยู่แต่เรื่องความมั่นคง จนลืมประชาชน ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง” นายนิพนธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาโดยล่าสุดจะให้ครูพกอาวุธปืน นายนิพนธ์กล่าวว่า ตนไม่อยากจะไปตำหนิรัฐบาล แต่คิดว่ารัฐบาลก็ยังหลงทางอยู่ในวังวนเดิม ตนไม่อยากตำหนิว่าวุฒิภาวะของคนบางคนในกระทรวงศึกษาธิการในวันนี้น่าวิตกอย่างยิ่ง การที่จะให้ครูพกอาวุธเป็นเหมือนดาบสองคม และอาจจะยิ่งสร้างความกดดันและสร้างอันตรายให้เกิดขึ้นกับครูอาจารย์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะต่อไปนี้คนที่จะหาอาวุธ เมื่อไม่รู้จะไปเอาที่ไหนก็จะมาเอาจากครู ดังนั้นครูก็จะตกเป็นเป้ามากกว่าเดิม “ครูอาจารย์คงเป็นแหล่งอาวุธที่ดีอีกที่หนึ่ง กับคนที่ไม่หวังดีหรือคนที่จ้องจะหาอาวุธ จากที่คนเหล่านี้เคยโจมตีหน่วยราชการเพื่อเอาอาวุธ ตอนนี้ก็อาจจะหันมาโจมตีครู เพราะฉะนั้นการที่จะให้ครูพกอาวุธยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของการปฏิบัติหน้าที่ของภาครัฐมากยิ่งขึ้น ครูมีหน้าที่ให้ความรู้ แต่วันนี้ครูไม่มีโอกาสแม้จะคิดเรื่องการเตรียมการเรียนการสอนเลย แต่ต้องมาเตรียมเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง มันสะท้อนถึงความล้มเหลวความผิดพลาดในทางนโยบายอย่างชัดเจนที่สุด” นายนิพนธ์กล่าว
ทั้งนี้นายนิพนธ์ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมกันแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งใดที่เราทำได้ก็จะพยายามทำอย่างดีที่สุด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ท่านหัวหน้าพรรคก็ได้ให้นโยบายกับส.ส. และสาขาพรรค รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การระดมทุนในการขายสายรัดข้อมือเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2548--จบ--
วันนี้(11 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากปัญหาวิกฤติการณ์ภาคใต้ ที่บัดนี้ผ่านมาร่วม 3 ปีแล้ว แต่แนวทางในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลก็ยังไม่มีวี่แววที่จะชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ร้ายต่างๆจะยุติลงในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของพี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างรุนแรง ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยวและการลงทุนต่างๆ ทำให้ส่งผลกระทบถึงการจ้างงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาความยากจนของประชาชนในพื้นที่มากขึ้น และแม้ว่ายางพาราจะมีราคาดีอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์สำหรับพี่น้องภาคใต้ เพราะเขาไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชนจึงไม่กล้าออกไปกรีดยาง หรือประกอบอาชีพอื่นๆ ซึ่งนั่นยิ่งเพิ่มความยากจนขึ้นเป็นทวีคูณ สร้างปัญหาให้พี่น้องใน 3 จังหวัดภาคใต้มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้แทบจะล้มกันทั้งระบบ ทั้งโรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ วันนี้ต้องยุติการดำเนินกิจการลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ลามมาถึงหาดใหญ่ จ.สงขลาที่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ซึ่งตนคิดว่าวันนี้รัฐบาลจะต้องใช้ช่องทางขององค์กรปกครองท้องถิ่นให้มากขึ้น ควรเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้น ทั้งในเรื่องของความมั่นคง ด้านการข่าว และเศรษฐกิจ นอกจากนั้นรัฐบาลควรให้ความไว้วางใจกับท้องถิ่น ในการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นลงไปดูแลเรื่องการท่องเที่ยว จัดอบรมสัมมนา โดยนำคนในพื้นที่มาฝึกอบรมอาชีพต่างๆ เช่น อบรมการทำบัญชี เป็นต้น และการจัดอบรมสัมมนาก็ไปจัดที่โรงแรมในพื้นที่ เพราะเมื่อโรงแรมไม่มีนักท่องเที่ยวมาพัก เราก็เอาคนในพื้นที่ไปจัดอบรมสัมมนา ก็จะช่วยให้โรงแรมและสถานการณ์การท่องเที่ยวดีขึ้นได้
นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นรัฐบาลต้องก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่อย่างแท้จริง ต้องสนับสนุนงบประมาณให้มีการจ้างงานในหมู่บ้าน หรือตำบล เช่น จ้างคนในหมู่บ้านขุดลอกคู คลอง หนอง บึง หรือ สร้างถนนคอนกรีตในหมู่บ้านโดยใช้แรงงานของคนในหมู่บ้านนั้นๆ เป็นต้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานในหมู่บ้านมากขึ้น อีกทั้งการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ให้ความคุ้มครองกับประชาชนในหมู่บ้านก็จะทำได้ทั่วถึง
“ผมคิดว่าเมื่อรัฐบาลยังแก้ปัญหาความมั่นคงไม่ได้ รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับปากท้องของพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย ไม่ใช่มองแค่เรื่องความมั่นคงด้านเดียว จนลืมเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน ลืมเรื่องเศรษฐกิจที่หล่อเลี้ยงภาคใต้ทั้งภาค วันนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้รุนแรงมากขึ้นทุกวัน แต่ทุกคนมัวหลงประเด็นอยู่แต่เรื่องความมั่นคง จนลืมประชาชน ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง” นายนิพนธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาโดยล่าสุดจะให้ครูพกอาวุธปืน นายนิพนธ์กล่าวว่า ตนไม่อยากจะไปตำหนิรัฐบาล แต่คิดว่ารัฐบาลก็ยังหลงทางอยู่ในวังวนเดิม ตนไม่อยากตำหนิว่าวุฒิภาวะของคนบางคนในกระทรวงศึกษาธิการในวันนี้น่าวิตกอย่างยิ่ง การที่จะให้ครูพกอาวุธเป็นเหมือนดาบสองคม และอาจจะยิ่งสร้างความกดดันและสร้างอันตรายให้เกิดขึ้นกับครูอาจารย์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะต่อไปนี้คนที่จะหาอาวุธ เมื่อไม่รู้จะไปเอาที่ไหนก็จะมาเอาจากครู ดังนั้นครูก็จะตกเป็นเป้ามากกว่าเดิม “ครูอาจารย์คงเป็นแหล่งอาวุธที่ดีอีกที่หนึ่ง กับคนที่ไม่หวังดีหรือคนที่จ้องจะหาอาวุธ จากที่คนเหล่านี้เคยโจมตีหน่วยราชการเพื่อเอาอาวุธ ตอนนี้ก็อาจจะหันมาโจมตีครู เพราะฉะนั้นการที่จะให้ครูพกอาวุธยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของการปฏิบัติหน้าที่ของภาครัฐมากยิ่งขึ้น ครูมีหน้าที่ให้ความรู้ แต่วันนี้ครูไม่มีโอกาสแม้จะคิดเรื่องการเตรียมการเรียนการสอนเลย แต่ต้องมาเตรียมเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง มันสะท้อนถึงความล้มเหลวความผิดพลาดในทางนโยบายอย่างชัดเจนที่สุด” นายนิพนธ์กล่าว
ทั้งนี้นายนิพนธ์ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมกันแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งใดที่เราทำได้ก็จะพยายามทำอย่างดีที่สุด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ท่านหัวหน้าพรรคก็ได้ให้นโยบายกับส.ส. และสาขาพรรค รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การระดมทุนในการขายสายรัดข้อมือเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2548--จบ--