การแถลงข่าวการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ประจำวันอังคารนี้ แถลงข่าวโดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และ นายนพดล ปัทมะ โดยกล่าวว่า นายสาทิตย์ วงค์หนองเตย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
"ในที่ประชุมวันนี้ก็ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องความพยายามที่จะเร่งให้กฎหมา ยซึ่งค้างระเบียบวาระอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วก็ดีหรือเรื่องที่วุฒิสภาได้พิจาร ณาเสร็จแล้วก็ดีแต่กฎหมายบางฉบับได้ ยกขึ้นมาพิจารณาในสภาเพื่อผ่านออกไป ไม่ว่าจะทางวุฒิสภา หรือการประกาศใช้ก็ดี ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าใน สัปดาห์ที่แล้ว ฝ่ายรัฐบาลเองก็มีองค์ประชุมที่พร้อมเพรียง แล้วก็สามารถที่จะผ่านกฎหมายที่สำคัญ ไปได้หลาย ฉบับซึ่งก็คาดว่าในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก็คงจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เกิดขึ้นฝ่ายรัฐบาลเองก็คงจะมีการประชุมโดย พร้อมเพรียง และสามารถผ่านกฎหมายออกไปในส่วนที่เป็นส่วนสำคัญได้นะครับ อย่างไรก็ตามในที่ประชุมใน วันนี้นั้น ได้มีการหยิบยกเรื่องหนึ่งขึ้นมา อภิปรายกันในพรรค ก็คือเรื่องที่มีข่าวปรากฎเกี่ยวข้อง กับเรื่องของ ทางกระทรวงกลาโกม ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังได้เสนอให้มีการปรับปรุงเป็นมติครม.ที่เก ี่ยวข้อง กับเรื่อง ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทำให้ข่าวที่ออกมา ค่อนข้างที่จะสับสน สมาชิกหลายท่านก็มีความเป็นห่วงเป็นใย ต่อ ข่าวที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีความสับสนของข่าวที่ออกมา และฝ่ายที่ไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจน ก็ได้มีความพยายามที่จะ กล่าวหา รัฐบาล และกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีส่วนที่มีความขัดแย้งกับทางฝ่ายของทหาร ซึ่งในที่ประชุม นั้น ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้มาชี้แจงในที่ประชุมด้วย
รวมทั้งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้โทรศัพท์ มาชี้แจงหลังจากฟังเรื่องชี้แจงทั้งสองฝ่ายแล้วขอชี้แจง ต่อพี่น้องประชาชน ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องการบริหาร เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ทางกระทรวงกลาโหมเองก็รับ ทราบว่ากระทรวงการคลังนั้นมีมาตรการประหยัด และได้เสนอมาตรการประหยัดนี้ไปให้ทุกกระทรวงไม่จำเพาะ กับกระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่ส่งให้ทุกกระทรวงให้มีมาตรการประหยัด
ซึ่งในเรื่องนี้ก็คงจะตอบคำถามกับเพื่อนสมาชิกในพรรคได้ ว่าไม่ใช่เรื่องเฉพาะกับกระทรวงกลาโหมเท่านั้น อีก ทั้งเรื่องนี้กระทรวงการคลัง ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงกลาโหมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2541 หลายเดือนมาแล้ว ไม่ได้ จำเพาะเสนอในห้วงเวลานี้แต่ประการใด โดยข้อสรุปของการชี้แจงในการประชุมในวันนี้ ก็ทราบว่าเรื่องนี้ยังไม่มี ข้อยุติว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร พรรคเองนั้นมีความเห็นใจและเข้าใจในทุกฝ่าย ก็ทราบว่ามาตรการประหยัด ก็ต้องมี แต่เรื่องนี้ก็ต้อง คุ้มครองคนซึ่งมีสิทธิ์ และควรจะได้รับด้วย และพรรคเองก็เห็นด้วยกับท่าที่ของการที่ กระทรวงการคลัง กับกระทรวงกลาโกมจำเป็นที่จะต้องจับมือกัน เพื่อที่จะชี้แจงทำความเข้าใจ กับประชาชนให้ เกิดความกระจ่างชัด เพราะขณะนี้ได้มีบางฝ่ายได้นำเรื่องนี้เป็นประเด็นในด้านการเมือง และบิดเบือนโจมตีรัฐบาล ว่ามีความขัดแย้งทางทหารซึ่งก็ทราบจากการชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ที่สำคัญก็คือมีความพยายามที่จะหยิบยก เรื่อง นี้ขยายให้เป็นความขัดแย้ง ระหว่างพรรค ประชาธิปัตย์กับฝ่ายทหาร ซึ่งต้องปฎิเสธว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลัมน์ ของหนังสือพิมพ์บางฉบับ ได้เขียนระบุลงไปชัดว่า ถ้าพรรคขึ้นมาแล้วจะมีปัญหากับ ทหารทุกครั้ง ต้องกราบเรียนว่าเรื่องนี้ไม่ใช้เรื่องพรรคประชาธิปัตย์ กับทหาร เป็นเรื่องรัฐบาล และพรรคเองก็มี ท่าที ที่จะสนับสนุน ทุกฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ ตาม ซึ่งต้องกราบ เรียนเรื่องนี้ให้ชัดเจน และในส่วนของพรรคเองก็จะได้ติดตามการชี้แจงข้อเท็จจริงของกระทรวงการคลัง ร่วมกับ กระทรวงกลาโหม เพื่อที่จะให้ส.ส.ของพรรค ไปทำความชี้แจงเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ต่อไป ในเรื่อง นี้เองก็ได้มีการสรุปในทีสุดว่า ก็ต้องรอการชี้แจงของกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่ง เนื่อง จากเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ ก็วิงวอนฝ่ายที่พยายามจะใช้เรื่องนี้ เป็นเกมทางด้านการเมือง เป็นประเด็นทางด้านการ เมืองก็ขอให้ อย่าได้สร้างความสับสนให้เกิดกับพี่น้องประชาชนอีก ส่วนเรื่องถัดไปที่อยากชี้แจงแถลงในวันนี้ ก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายบางฉบับ ก็ขอเชิญท่านรองนพดลได้เป็นผู้แถลงครับ"
นายนพดล ปัทมะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ "เราได้ทราบว่ามีกฎหมายที่ค้างอยู่ในระเบียบวาระและอยู่ในสภาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นกฎหมายที่ผ่านการ พิจารณาของคณะกรรมการสามัญที่จะรอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่ 2-3 และยังมีกฎหมายที่ยังไม่ ผ่านการพิจารณาแม้ในวาระแรก แต่รอการพิจารณามาเป็นเวลานาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญ เราคิดว่ามีกฎหมายหลายฉบับที่มีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันออกมาใช้บังคับ จึงได้มีการที่จะ เสนอเรื่องระเบียบวาระ คือกฎหมายพ.ร.บ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ขึ้นมาพิจาณาต่อจากร่างพ.ร.บ.การเช่า อสังหาริมทรัพย์ ที่กำหนด ทรัพยสิทธิ์ พศ. เพราะว่ากฎหมายฉบับนั้นเป็นกฎหมายที่สำคัญ ในการที่จะให้ สิทธิ์ และเสรีภาพแก่ พนักงานรัฐวิสาหกิจในการที่จะรวมตัวกัน เป็นสหภาพแรงงาน แล้วก็มีสิทธิเสรีภาพต่าง ๆ ตามรายละเอียดของกฎหมายฉบับนั้น ประเด็นที่สองที่อยากเรียนให้ทราบก็คือเรื่องของกฎหมายปปช. มี หลายท่านได้สอบถามว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริตอยู่ที่ไหน ผมอยากเรียนให้ทราบว่าในขณะนี้ทางวิปได้พิจารณา เมื่อวานนี้แล้วจะเร่งเสนอ กฎหมายฉบับนี้ซึ่งเป็นกฎหมาย ในระดับประกอบรัฐธรรมนูญ เข้าสู่สภาคิดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์หน้า จะสามารถผลักดันเข้าสู่สภาได้ ซึ่งใน ประเด็นที่เป็นประเด็นที่จะต้องทำความตกลงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็คือผ ู้รักษาการตามกฎหมายฉบับนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขไปว่าผู้ที่จะรักษาการก็คือนายกฯ และก็มีความคิดเห็น 2 ฝ่ายอีกฝ่ายหนึ่งก็อยากจะ ให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือประธานปปช. เป็นผู้รักษาการตาม กฎหมายฉบับนี้เหมือนกับกฎหมายฉบับอื่นเช่น พ.ร.บ.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และก็พ.ร.บ. ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้สอดคล้องกันโดยหลักการง่าย ๆ ก็คือว่าไม่ควารที่จะให้นายกฯไปรักษาการในกฎหมายที่นายกฯไม่มีอำนาจหน้าที ่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องควรที่จะ ให้ประมุขของฝ่ายนั้น เป็นผู้รักษาการ นี่คือความเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้เป็นมติของพรรค ประชาธิปัตย์ ก็ยังจะไปหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล ผมอยากเรียนอีกประเด็นสุดท้าย ก็คือเรื่องของการอภิปราย ไม่ไว้วางใจมีหนังสือพิมพ์บางฉบับเสนอข่าวในลัษณะที่ว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลม ีการตั้งกลุ่มในลักษณะที่เป็น องครักษ์พิทักรัฐมนตรี ในลักษณะนั้นอยากเรียนว่าจริงๆ แล้วการอภิปรายเป็นกระบวนการปกติที่ฝ่ายค้านเสนอ ข้อมูลข้อเท็จจริงในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ผมคิดว่าเราอยากจะให้การอภิปรายเป็นกลไกปกติของการ ทำงานการตรวจสอบการบริหารของฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วก็อยากจะให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายได้เสนอข้อเท็จจริงอย่าง เต็มที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีการตั้งคนที่จะมาคอยเป็นทีมประท้วง ตามที่มีการเสนอข่าวออกไป ผมอยากเรียน ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบเพียงเท่านี้ครับ"--จบ--
"ในที่ประชุมวันนี้ก็ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องความพยายามที่จะเร่งให้กฎหมา ยซึ่งค้างระเบียบวาระอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วก็ดีหรือเรื่องที่วุฒิสภาได้พิจาร ณาเสร็จแล้วก็ดีแต่กฎหมายบางฉบับได้ ยกขึ้นมาพิจารณาในสภาเพื่อผ่านออกไป ไม่ว่าจะทางวุฒิสภา หรือการประกาศใช้ก็ดี ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าใน สัปดาห์ที่แล้ว ฝ่ายรัฐบาลเองก็มีองค์ประชุมที่พร้อมเพรียง แล้วก็สามารถที่จะผ่านกฎหมายที่สำคัญ ไปได้หลาย ฉบับซึ่งก็คาดว่าในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก็คงจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เกิดขึ้นฝ่ายรัฐบาลเองก็คงจะมีการประชุมโดย พร้อมเพรียง และสามารถผ่านกฎหมายออกไปในส่วนที่เป็นส่วนสำคัญได้นะครับ อย่างไรก็ตามในที่ประชุมใน วันนี้นั้น ได้มีการหยิบยกเรื่องหนึ่งขึ้นมา อภิปรายกันในพรรค ก็คือเรื่องที่มีข่าวปรากฎเกี่ยวข้อง กับเรื่องของ ทางกระทรวงกลาโกม ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังได้เสนอให้มีการปรับปรุงเป็นมติครม.ที่เก ี่ยวข้อง กับเรื่อง ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทำให้ข่าวที่ออกมา ค่อนข้างที่จะสับสน สมาชิกหลายท่านก็มีความเป็นห่วงเป็นใย ต่อ ข่าวที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีความสับสนของข่าวที่ออกมา และฝ่ายที่ไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจน ก็ได้มีความพยายามที่จะ กล่าวหา รัฐบาล และกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีส่วนที่มีความขัดแย้งกับทางฝ่ายของทหาร ซึ่งในที่ประชุม นั้น ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้มาชี้แจงในที่ประชุมด้วย
รวมทั้งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้โทรศัพท์ มาชี้แจงหลังจากฟังเรื่องชี้แจงทั้งสองฝ่ายแล้วขอชี้แจง ต่อพี่น้องประชาชน ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องการบริหาร เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ทางกระทรวงกลาโหมเองก็รับ ทราบว่ากระทรวงการคลังนั้นมีมาตรการประหยัด และได้เสนอมาตรการประหยัดนี้ไปให้ทุกกระทรวงไม่จำเพาะ กับกระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่ส่งให้ทุกกระทรวงให้มีมาตรการประหยัด
ซึ่งในเรื่องนี้ก็คงจะตอบคำถามกับเพื่อนสมาชิกในพรรคได้ ว่าไม่ใช่เรื่องเฉพาะกับกระทรวงกลาโหมเท่านั้น อีก ทั้งเรื่องนี้กระทรวงการคลัง ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงกลาโหมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2541 หลายเดือนมาแล้ว ไม่ได้ จำเพาะเสนอในห้วงเวลานี้แต่ประการใด โดยข้อสรุปของการชี้แจงในการประชุมในวันนี้ ก็ทราบว่าเรื่องนี้ยังไม่มี ข้อยุติว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร พรรคเองนั้นมีความเห็นใจและเข้าใจในทุกฝ่าย ก็ทราบว่ามาตรการประหยัด ก็ต้องมี แต่เรื่องนี้ก็ต้อง คุ้มครองคนซึ่งมีสิทธิ์ และควรจะได้รับด้วย และพรรคเองก็เห็นด้วยกับท่าที่ของการที่ กระทรวงการคลัง กับกระทรวงกลาโกมจำเป็นที่จะต้องจับมือกัน เพื่อที่จะชี้แจงทำความเข้าใจ กับประชาชนให้ เกิดความกระจ่างชัด เพราะขณะนี้ได้มีบางฝ่ายได้นำเรื่องนี้เป็นประเด็นในด้านการเมือง และบิดเบือนโจมตีรัฐบาล ว่ามีความขัดแย้งทางทหารซึ่งก็ทราบจากการชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ที่สำคัญก็คือมีความพยายามที่จะหยิบยก เรื่อง นี้ขยายให้เป็นความขัดแย้ง ระหว่างพรรค ประชาธิปัตย์กับฝ่ายทหาร ซึ่งต้องปฎิเสธว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลัมน์ ของหนังสือพิมพ์บางฉบับ ได้เขียนระบุลงไปชัดว่า ถ้าพรรคขึ้นมาแล้วจะมีปัญหากับ ทหารทุกครั้ง ต้องกราบเรียนว่าเรื่องนี้ไม่ใช้เรื่องพรรคประชาธิปัตย์ กับทหาร เป็นเรื่องรัฐบาล และพรรคเองก็มี ท่าที ที่จะสนับสนุน ทุกฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ ตาม ซึ่งต้องกราบ เรียนเรื่องนี้ให้ชัดเจน และในส่วนของพรรคเองก็จะได้ติดตามการชี้แจงข้อเท็จจริงของกระทรวงการคลัง ร่วมกับ กระทรวงกลาโหม เพื่อที่จะให้ส.ส.ของพรรค ไปทำความชี้แจงเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ต่อไป ในเรื่อง นี้เองก็ได้มีการสรุปในทีสุดว่า ก็ต้องรอการชี้แจงของกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่ง เนื่อง จากเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ ก็วิงวอนฝ่ายที่พยายามจะใช้เรื่องนี้ เป็นเกมทางด้านการเมือง เป็นประเด็นทางด้านการ เมืองก็ขอให้ อย่าได้สร้างความสับสนให้เกิดกับพี่น้องประชาชนอีก ส่วนเรื่องถัดไปที่อยากชี้แจงแถลงในวันนี้ ก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายบางฉบับ ก็ขอเชิญท่านรองนพดลได้เป็นผู้แถลงครับ"
นายนพดล ปัทมะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ "เราได้ทราบว่ามีกฎหมายที่ค้างอยู่ในระเบียบวาระและอยู่ในสภาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นกฎหมายที่ผ่านการ พิจารณาของคณะกรรมการสามัญที่จะรอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่ 2-3 และยังมีกฎหมายที่ยังไม่ ผ่านการพิจารณาแม้ในวาระแรก แต่รอการพิจารณามาเป็นเวลานาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญ เราคิดว่ามีกฎหมายหลายฉบับที่มีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันออกมาใช้บังคับ จึงได้มีการที่จะ เสนอเรื่องระเบียบวาระ คือกฎหมายพ.ร.บ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ขึ้นมาพิจาณาต่อจากร่างพ.ร.บ.การเช่า อสังหาริมทรัพย์ ที่กำหนด ทรัพยสิทธิ์ พศ. เพราะว่ากฎหมายฉบับนั้นเป็นกฎหมายที่สำคัญ ในการที่จะให้ สิทธิ์ และเสรีภาพแก่ พนักงานรัฐวิสาหกิจในการที่จะรวมตัวกัน เป็นสหภาพแรงงาน แล้วก็มีสิทธิเสรีภาพต่าง ๆ ตามรายละเอียดของกฎหมายฉบับนั้น ประเด็นที่สองที่อยากเรียนให้ทราบก็คือเรื่องของกฎหมายปปช. มี หลายท่านได้สอบถามว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริตอยู่ที่ไหน ผมอยากเรียนให้ทราบว่าในขณะนี้ทางวิปได้พิจารณา เมื่อวานนี้แล้วจะเร่งเสนอ กฎหมายฉบับนี้ซึ่งเป็นกฎหมาย ในระดับประกอบรัฐธรรมนูญ เข้าสู่สภาคิดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์หน้า จะสามารถผลักดันเข้าสู่สภาได้ ซึ่งใน ประเด็นที่เป็นประเด็นที่จะต้องทำความตกลงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็คือผ ู้รักษาการตามกฎหมายฉบับนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขไปว่าผู้ที่จะรักษาการก็คือนายกฯ และก็มีความคิดเห็น 2 ฝ่ายอีกฝ่ายหนึ่งก็อยากจะ ให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือประธานปปช. เป็นผู้รักษาการตาม กฎหมายฉบับนี้เหมือนกับกฎหมายฉบับอื่นเช่น พ.ร.บ.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และก็พ.ร.บ. ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้สอดคล้องกันโดยหลักการง่าย ๆ ก็คือว่าไม่ควารที่จะให้นายกฯไปรักษาการในกฎหมายที่นายกฯไม่มีอำนาจหน้าที ่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องควรที่จะ ให้ประมุขของฝ่ายนั้น เป็นผู้รักษาการ นี่คือความเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้เป็นมติของพรรค ประชาธิปัตย์ ก็ยังจะไปหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล ผมอยากเรียนอีกประเด็นสุดท้าย ก็คือเรื่องของการอภิปราย ไม่ไว้วางใจมีหนังสือพิมพ์บางฉบับเสนอข่าวในลัษณะที่ว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลม ีการตั้งกลุ่มในลักษณะที่เป็น องครักษ์พิทักรัฐมนตรี ในลักษณะนั้นอยากเรียนว่าจริงๆ แล้วการอภิปรายเป็นกระบวนการปกติที่ฝ่ายค้านเสนอ ข้อมูลข้อเท็จจริงในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ผมคิดว่าเราอยากจะให้การอภิปรายเป็นกลไกปกติของการ ทำงานการตรวจสอบการบริหารของฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วก็อยากจะให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายได้เสนอข้อเท็จจริงอย่าง เต็มที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีการตั้งคนที่จะมาคอยเป็นทีมประท้วง ตามที่มีการเสนอข่าวออกไป ผมอยากเรียน ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบเพียงเท่านี้ครับ"--จบ--