คำชี้แจงของ นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเชิญไปออกอากาศรายการ ‘ถึงลูกถึงคน’ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. เพื่อแสดงวิสัยทัศน์นโยบายของพรรค แต่เมื่อพรรคไทยรักไทยที่ได้รับเชิญไปออกอากาศรายการเดียวกัน ปฏิเสธที่จะออกรายการแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกันายอภิสิทธิ์ ทำให้ทางรายการต้องยกเลิกการสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ไปด้วย
ผู้บริหารของทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ท่านได้กล่าวว่า พรรคไทยรักไทยไม่ยินยอมให้ผู้แทนพรรคไทยรักไทยมาออกรายการวันนี้เพราะพรรคไทยรักไทยไม่มีนโยบายที่ให้ผู้แทนของพรรคออกรายการ ข้อสังเกตรูปแบบในรายการนั้นมีการพูดคุยและพูดโต้ตอบกัน และมีการให้ผู้แทน ที่ออกรายการก็จะมีพรรคมหาชน ชาติไทย ที่ได้ออกรายการแล้ว คิวต่อมาก็คือพรรคไทยรักไทย และประชาธิปัตย์ ที่น่าสังเกต นโยบายของพรรค ทรท คือไม่มีนโยบายให้พรรคนั้นออกมาออกรายการร่วมกับท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการสื่อสารที่ได้รับจากผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ ซึ่งโดยตำแหน่งนั้นท่านก็เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่มีความเกี่ยวเนื่องโดยตำแหน่งกับพรรคไทยรักไทย แม้ท่านจะมีความรับผิดชอบในตำแหน่งหน่วยงานของรัฐ ที่ต้องขึ้นกับนายกฯ การปฏิบัติหน้าที่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาล การที่ท่านสื่อสารแนวทางและทิศทางของพรรคการเมืองจึงเป็นที่น่าห่วงใยและเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และรายการถึงลูกถึงคนนั้นมีความตั้งใจและมีความพยายาม ในการสนับสนุนมุมมองที่เป็นนโบายความคิดที่หลากหลาย แต่ตกเป็นเหยื่อของการบีบคั้น กดดัน ผ่านสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9
ข้อห่วงใยที่สะท้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเยี่ยม จากผู้แทนองค์การเลือกตั้งระหว่างประเทศ และได้พูดคุยเรื่องของการใช้อำนาจรัฐมาสร้างในการทำให้ได้เปรียบ ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซึ่งองค์การเลือกตั้งระหว่างชาตินั้นก็ได้พูดกันอย่างชัดเจนว่า ซึ่งที่เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าห่วงใยนั้นก็คือการที่รัฐใช้อำนาจรัฐในการปิดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล น่าห่วงใยกว่านั้นโดยการที่รัฐจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางสื่อ โดยบังคับไม่ให้พูดสิ่งที่ตนคิด และนำไปสู่การจำกัดไม่ให้คนได้รับในสิ่งที่เป็นสิทธิและเสรีภาพในการปกครองระบบประชาธิปไตย ที่จะมีนั้นก็อาจจะกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งไม่เป็นการดำเนินการไปด้วยความเป็นธรรมจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่บ้านเมืองทำ งานวิจัยพบว่าการนำเสนอข้อมูลจากสื่อพบว่าไม่ได้มีการจ่ายเงินเพื่อซื้อสื่อนั้น เพราะมีการนำเสนอข้อมูลของพรรคไทยรักไทยมากกว่าอื่นๆ ถึงสองเท่า น่าสังเกตได้ว่าวันที่พรรคไทยรักไทย ได้ออกมาแสดงความจำนงค์ในการไม่ส่งตัวแทนพรรคในรายการที่มีพรรคอื่นเข้าร่วมนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทางหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการเกือบทุกส่วนได้มีการซื้อสื่อในช่วงเวลาหลังข่าว ละครและรายการเกมส์โชว์นำเสนอนโยบายที่พรรคใช้หาเสียงในปัจจุบันนี้ เช่น นโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน นโยบายกองทุนหมู่บ้าน นโยบายพักหนี้เกษตรกร หรือปลดหนี้โดยอาศัยข้ออ้างคือนำเสนอของการซื้อสื่อของรัฐวิสาหกิจขององค์การของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์และธนาคารออมสิน สำนักการแปรหนี้เป็นทุน สื่อต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นห่วงใยและไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
พรรคไทยรักไทย ใช้อำนาจในฐานะแกนนำของพรรครัฐบาล ผู้นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นราชการหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และผู้จัดรายการทั้งคุณสรยุทธและทีมงาน และสถานีช่อง 9 ที่ คงความเป็นกลางไว้แล้วนั้นก็ไม่วายที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคาม ของรัฐบาลภายใต้การกดดันของพรรคไทยรักไทย และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนนั้นเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
ผู้บริหารของทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ท่านได้กล่าวว่า พรรคไทยรักไทยไม่ยินยอมให้ผู้แทนพรรคไทยรักไทยมาออกรายการวันนี้เพราะพรรคไทยรักไทยไม่มีนโยบายที่ให้ผู้แทนของพรรคออกรายการ ข้อสังเกตรูปแบบในรายการนั้นมีการพูดคุยและพูดโต้ตอบกัน และมีการให้ผู้แทน ที่ออกรายการก็จะมีพรรคมหาชน ชาติไทย ที่ได้ออกรายการแล้ว คิวต่อมาก็คือพรรคไทยรักไทย และประชาธิปัตย์ ที่น่าสังเกต นโยบายของพรรค ทรท คือไม่มีนโยบายให้พรรคนั้นออกมาออกรายการร่วมกับท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการสื่อสารที่ได้รับจากผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ ซึ่งโดยตำแหน่งนั้นท่านก็เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่มีความเกี่ยวเนื่องโดยตำแหน่งกับพรรคไทยรักไทย แม้ท่านจะมีความรับผิดชอบในตำแหน่งหน่วยงานของรัฐ ที่ต้องขึ้นกับนายกฯ การปฏิบัติหน้าที่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาล การที่ท่านสื่อสารแนวทางและทิศทางของพรรคการเมืองจึงเป็นที่น่าห่วงใยและเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และรายการถึงลูกถึงคนนั้นมีความตั้งใจและมีความพยายาม ในการสนับสนุนมุมมองที่เป็นนโบายความคิดที่หลากหลาย แต่ตกเป็นเหยื่อของการบีบคั้น กดดัน ผ่านสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9
ข้อห่วงใยที่สะท้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเยี่ยม จากผู้แทนองค์การเลือกตั้งระหว่างประเทศ และได้พูดคุยเรื่องของการใช้อำนาจรัฐมาสร้างในการทำให้ได้เปรียบ ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซึ่งองค์การเลือกตั้งระหว่างชาตินั้นก็ได้พูดกันอย่างชัดเจนว่า ซึ่งที่เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าห่วงใยนั้นก็คือการที่รัฐใช้อำนาจรัฐในการปิดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล น่าห่วงใยกว่านั้นโดยการที่รัฐจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางสื่อ โดยบังคับไม่ให้พูดสิ่งที่ตนคิด และนำไปสู่การจำกัดไม่ให้คนได้รับในสิ่งที่เป็นสิทธิและเสรีภาพในการปกครองระบบประชาธิปไตย ที่จะมีนั้นก็อาจจะกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งไม่เป็นการดำเนินการไปด้วยความเป็นธรรมจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่บ้านเมืองทำ งานวิจัยพบว่าการนำเสนอข้อมูลจากสื่อพบว่าไม่ได้มีการจ่ายเงินเพื่อซื้อสื่อนั้น เพราะมีการนำเสนอข้อมูลของพรรคไทยรักไทยมากกว่าอื่นๆ ถึงสองเท่า น่าสังเกตได้ว่าวันที่พรรคไทยรักไทย ได้ออกมาแสดงความจำนงค์ในการไม่ส่งตัวแทนพรรคในรายการที่มีพรรคอื่นเข้าร่วมนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทางหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการเกือบทุกส่วนได้มีการซื้อสื่อในช่วงเวลาหลังข่าว ละครและรายการเกมส์โชว์นำเสนอนโยบายที่พรรคใช้หาเสียงในปัจจุบันนี้ เช่น นโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน นโยบายกองทุนหมู่บ้าน นโยบายพักหนี้เกษตรกร หรือปลดหนี้โดยอาศัยข้ออ้างคือนำเสนอของการซื้อสื่อของรัฐวิสาหกิจขององค์การของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์และธนาคารออมสิน สำนักการแปรหนี้เป็นทุน สื่อต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นห่วงใยและไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
พรรคไทยรักไทย ใช้อำนาจในฐานะแกนนำของพรรครัฐบาล ผู้นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นราชการหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และผู้จัดรายการทั้งคุณสรยุทธและทีมงาน และสถานีช่อง 9 ที่ คงความเป็นกลางไว้แล้วนั้นก็ไม่วายที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคาม ของรัฐบาลภายใต้การกดดันของพรรคไทยรักไทย และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนนั้นเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-