กรุงเทพ--12 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ 8 ได้ขึ้นระหว่าง วันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2541 ที่โรงแรม Marriott Royal Garden Riverside กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมกับ ฯพณฯ สมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ที่ประชุมได้ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับความร่วมมือต่างๆ ระหว่างไทยและลาว ในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และวิชาการ รวมทั้งแผนงานที่จะสืบสานและดำเนินการต่อไปในปีหน้า สรุปผลของการประชุมได้ ดังนี้
1. ความร่วมมือด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ระหว่างกันตามชายแดนไทย-ลาวให้หมดสิ้นไปภายในปี 2546 โดยให้จัดทำแผนปฏิบัติการความมั่นคงชายแดน ทั้งนี้ เพื่อให้ชายแดนไทย-ลาว เป็นเขตแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกันอย่างแท้จริง
2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการลงนามความตกลง 3 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงขนส่ง ทางถนนไทย-ลาว ความตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ในระหว่างการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีลาว ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
3. ทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการค้า ยาเสพติด และการลักลอบนำเข้าสารเคมีที่ผลิตยาเสพติดจากประเทศที่สามอย่างเข้มแข็งต่อไป
4. ฝ่ายลาวได้ยกสถานะด่านท้องถิ่นชายแดนลาวให้เป็นด่านสากล 3 แห่ง ได้แก่ 1) ด่านบ้านวังเต่า แขวงจำปาสัก (ตรงข้ามด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ. อุบลราชธานี 2) ด่านเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน (ตรงข้ามด่าน อ.เมือง จ. นครพนม) และ 3) ด่านต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว (ตรงข้ามด่านเชียงแสน จ. เชียงราย) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
5. ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นความสำคัญของการจัดทำแผนแม่บทว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 4 ในสาขา ได้แก่ ไฟฟ้า คมนาคม-โทรคมนาคม การเกษตร-เกษตรอุตสาหกรรม และการลงทุน
6. ฝ่ายไทยได้ยืนยันการให้ความร่วมมือในโครงการพัฒนาต่างๆ ต่อลาว ได้แก่ การก่อสร้างถนนในกำแพงนครเวียงจันทน์ ตามโครงการความช่วยเหลือในการปรับปรุงถนนในนครเวียงจันทน์ สายท่าเดื่อ-โพนทัน-เรือนรับรองรัฐบาล ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2542 และโครงการสำรวจออกแบบก่อสร้างเส้นทางเมืองเงิน แขวงไซยะบุลี-ปากแบ่ง แขวงอุดมไซ จำนวน 10 ล้านบาท
7. ด้านความร่วมมือทางวิชาการในสาขาการเกษตร สาธารณสุข และการศึกษา ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยฝ่ายลาวมีควมยินดีที่จะเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของไทยไปเยือนลาวในปี 2542 สำหรับโครงการร่วมมือที่มีความต่อเนื่อง แม้ว่าฝ่ายไทยจะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ก็จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่ได้ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ดี อาจจำเป็นต้องชะลอโครงการใหม่บางโครงการไว้ก่อน
โดยสรุป การประชุมครั้งนี้ นับว่าประสบผลสำเร็จอย่างดีด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ คณะของทั้งสองฝ่ายซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ของไทยและลาวได้มีโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนทัศนะในด้านต่างๆ ซึ่ง ฯพณฯ สุรินทร์ พิศสุวรรณ ได้กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ในขณะที่ ฯพณฯ สมสะหวาด เล่งสะหวัด ได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การรับอย่างอบอุ่น และแสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของไทยและลาว จะอำนวยประโยชน์ให้กับประเทศทั้งสองยิ่งขึ้นต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ 8 ได้ขึ้นระหว่าง วันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2541 ที่โรงแรม Marriott Royal Garden Riverside กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมกับ ฯพณฯ สมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ที่ประชุมได้ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับความร่วมมือต่างๆ ระหว่างไทยและลาว ในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และวิชาการ รวมทั้งแผนงานที่จะสืบสานและดำเนินการต่อไปในปีหน้า สรุปผลของการประชุมได้ ดังนี้
1. ความร่วมมือด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ระหว่างกันตามชายแดนไทย-ลาวให้หมดสิ้นไปภายในปี 2546 โดยให้จัดทำแผนปฏิบัติการความมั่นคงชายแดน ทั้งนี้ เพื่อให้ชายแดนไทย-ลาว เป็นเขตแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกันอย่างแท้จริง
2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการลงนามความตกลง 3 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงขนส่ง ทางถนนไทย-ลาว ความตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ในระหว่างการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีลาว ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
3. ทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการค้า ยาเสพติด และการลักลอบนำเข้าสารเคมีที่ผลิตยาเสพติดจากประเทศที่สามอย่างเข้มแข็งต่อไป
4. ฝ่ายลาวได้ยกสถานะด่านท้องถิ่นชายแดนลาวให้เป็นด่านสากล 3 แห่ง ได้แก่ 1) ด่านบ้านวังเต่า แขวงจำปาสัก (ตรงข้ามด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ. อุบลราชธานี 2) ด่านเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน (ตรงข้ามด่าน อ.เมือง จ. นครพนม) และ 3) ด่านต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว (ตรงข้ามด่านเชียงแสน จ. เชียงราย) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
5. ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นความสำคัญของการจัดทำแผนแม่บทว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 4 ในสาขา ได้แก่ ไฟฟ้า คมนาคม-โทรคมนาคม การเกษตร-เกษตรอุตสาหกรรม และการลงทุน
6. ฝ่ายไทยได้ยืนยันการให้ความร่วมมือในโครงการพัฒนาต่างๆ ต่อลาว ได้แก่ การก่อสร้างถนนในกำแพงนครเวียงจันทน์ ตามโครงการความช่วยเหลือในการปรับปรุงถนนในนครเวียงจันทน์ สายท่าเดื่อ-โพนทัน-เรือนรับรองรัฐบาล ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2542 และโครงการสำรวจออกแบบก่อสร้างเส้นทางเมืองเงิน แขวงไซยะบุลี-ปากแบ่ง แขวงอุดมไซ จำนวน 10 ล้านบาท
7. ด้านความร่วมมือทางวิชาการในสาขาการเกษตร สาธารณสุข และการศึกษา ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยฝ่ายลาวมีควมยินดีที่จะเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของไทยไปเยือนลาวในปี 2542 สำหรับโครงการร่วมมือที่มีความต่อเนื่อง แม้ว่าฝ่ายไทยจะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ก็จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่ได้ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ดี อาจจำเป็นต้องชะลอโครงการใหม่บางโครงการไว้ก่อน
โดยสรุป การประชุมครั้งนี้ นับว่าประสบผลสำเร็จอย่างดีด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ คณะของทั้งสองฝ่ายซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ของไทยและลาวได้มีโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนทัศนะในด้านต่างๆ ซึ่ง ฯพณฯ สุรินทร์ พิศสุวรรณ ได้กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ในขณะที่ ฯพณฯ สมสะหวาด เล่งสะหวัด ได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การรับอย่างอบอุ่น และแสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของไทยและลาว จะอำนวยประโยชน์ให้กับประเทศทั้งสองยิ่งขึ้นต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--