กรุงเทพ--20 เม.ย--กระทรวงการต่างประเทศ
ในวันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2542 เวลา 11.00 น. จะมีพิธีลงนามอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ณ ห้องโถงหินอ่อน ชั้น 2 กระทรวงการต่างประเทศ วังสราญรมย์ โดย ฯพณฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และ ฯพณฯ นาย Adkham Sh. Bekmuradov รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐ อุซเบกิสถาน เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานสาระสำคัญของความตกลง ฯ มีดังต่อไปนี้
1. ขอบข่ายของความตกลง ฯ อนุสัญญา ฯ นี้จะใช้บังคับกับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือสาธารณรัฐอุซเบกิสถานหรือทั้งสองประเทศ และจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้
2. วิธีขจัดภาษีซ้อน กรณีประเทศไทยเป็นฝ่ายขจัดจะยอมให้นำภาษีอุซเบกิสถานที่เสียไว้แล้วมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในประเทศไทยในจำนวนที่ไม่เกินจำนวนภาษีไทยในส่วนที่ได้คำนวณไว้ก่อนนั้น และกรณีอุซเบกิสถานเป็นฝ่ายขจัดจะยอมให้นำภาษีไทยที่เสียไว้แล้วมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในอุซเบกิสถานในจำนวนที่ไม่เกินจำนวนภาษีอุซเบกิสถานในส่วนที่ได้คำนวณไว้ก่อนนั้น โดยทั้งสองประเทศจะยอมให้มีมาตรการ Tax Sparing Credit ด้วย กล่าวคือ กรณีได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุนในประเทศหนึ่ง อีกประเทศหนึ่งจะยอมให้นำจำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าวไปถือเป็นเครดิตภาษีได้อีก
3. การเก็บภาษีจากกำไรธุรกิจ ประเทศที่มีการจ่ายเงินได้จะเก็บภาษีจากผู้รับเงินได้ ซึ่งเป็นวิสาหกิจของอีกประเทศหนึ่งได้ต่อเมื่อวิสาหกิจนั้นดำเนินธุรกิจผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศที่มีการจ่ายเงินได้นั้น อย่างไรก็ดี หากวิสาหกิจหลีกเลี่ยงโดยขายสินค้าหรือให้บริการไม่ผ่านสถานประกอบการถาวร แต่ขายสินค้าหรือให้บริการทำนองเดียวกับที่สถานประกอบการถาวรกระทำอยู่ กำไรที่เกิดขึ้นจะถือว่า เป็นของสถานประกอบการถาวรด้วย (หลักการที่เรียกว่า FORCE OF ATTRACTION)
4. การเก็บภาษีจากการขนส่งระหว่างประเทศ เงินได้จากการขนส่งทางอากาศ รถไฟ และถนนระหว่างประเทศจะได้รับยกเว้นภาษีในประเทศแหล่งเงินได้ และให้ประเทศถิ่นที่อยู่ของผู้ประกอบการขนส่งเก็บภาษีฝ่ายเดียว ส่วนเงินได้จากการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ นั้น ผู้ประกอบการขนส่งทางเรือของประเทศหนึ่งจะเสียภาษีในอีกประเทศหนึ่งเพียงครึ่งหนึ่งของภาษีที่พึงชำระตามปกติ
5. การเก็บภาษีจากทรัพย์สิน กรณีเงินปันผล ดอกเบี้ย และค่าสิทธิ จะมีการจำกัดอัตราภาษีในประเทศผู้จ่ายโดยมิให้เก็บเกินกว่าอัตราตามที่อนุสัญญา ฯ กำหนดไว้ กรณีค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และผลได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ของสถานประกอบการถาวรให้ประเทศที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้ เว้นแต่ผลได้จากการจำหน่ายเรือ อากาศยาน และ ยานพาหนะทางรถไฟและถนนที่ใช้ในการ ขนส่งระหว่างประเทศให้เก็บภาษีได้เฉพาะในประเทศที่ผู้จำหน่ายมีถิ่นที่อยู่ ผลได้จากการขายหุ้น ทุนเรือนหุ้นของบริษัทที่มีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์อาจเก็บภาษีได้ในประเทศที่เงินได้เกิดขึ้น
6. การเก็บภาษีจากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากการจ้างแรงงาน การให้บริการส่วนบุคคล ครู นักวิจัย หากมีการให้บริการในประเทศใดให้ประเทศนั้นยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้แต่อาจได้รับยกเว้นภาษีตามเงื่อนไขที่ความตกลง ฯ กำหนดไว้
7. บทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ เช่น คำนิยามทั่วไป การไม่เลือกประติบัติ วิธีการเพื่อความ ตกลงร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ มีการบัญญัติขึ้นเพื่อให้การบังคับอนุสัญญา ฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างคนชาติ และได้มีการประสานงานเพื่อประโยชน์ในการบริการจัดเก็บภาษีของประเทศคู่สัญญา
8. การเริ่มใช้และการเลิกใช้อนุสัญญา ฯ เมื่อประเทศคู่สัญญาได้ดำเนินการตามแบบพิธีที่มีอยู่ตามกฎหมายภายในของตน อันที่จะทำให้อนุสัญญา ฯ มีผลบังคับ และได้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างกันแล้ว อนุสัญญา ฯ จะมีผลบังคับใช้ในกรณีของประเทศไทย ในส่วนของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย นั้น จะใช้บังคับกับเงินได้ที่จ่ายในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากปีซึ่งอนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับ และในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ นั้น อนุสัญญา ฯ จะมีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้ที่เกิดในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคม ถัดจากปีที่อนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับ ในกรณีของประเทศอุซเบกิสถาน ในส่วนของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย นั้น จะมีผลใช้บังคับกับเงินได้ที่ได้รับในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมในปีปฏิทินถัดจากเดือนที่อนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ นั้น จะมีผลใช้บังคับสำหรับภาษีที่ได้เก็บในปีภาษีที่เริ่มในหรือหลังวันแรกของเดือนมกราคม ในปีปฏิทินต่อจากเดือนที่อนุสัญญา ฯ นี้มีผลใช้บังคับ สำหรับการเลิกใช้นั้น ประเทศคู่สัญญาสามารถแจ้งการเลิกใช้ด้วยวิธีทางการทูตภายหลังที่อนุสัญญา ฯ ที่ใช้บังคับมาแล้ว 5 ปี โดยแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะมีผลเลิกใช้กับเงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีถัดไป
ประโยชน์ของความตกลง ฯ
1. ช่วยขจัดหรือบรรเทาภาระภาษีซ้ำซ้อนอันเป็นอุปสรรคของการลงทุนระหว่างประเทศ ให้หมดไปในระดับหนึ่ง จึงทำให้ภาระภาษีซึ่งถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของนักลงทุนลดต่ำลงด้วย
2. การมีอนุสัญญา ฯ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนจะทำให้เกิดหลักประกันในการเสียภาษีที่แน่นอนและชัดเจน ซึ่งเป็นการช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนและทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในการลงทุนระหว่างประเทศ อนุสัญญา ฯ จึงช่วยดึงดูดหรือจูงใจให้มีการลงทุนระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น
3. อนุสัญญา ฯ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน และเทคโนโลยีระหว่างประเทศมาก ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากอนุสัญญา ฯ ได้มีการจำกัดเพดานอัตราภาษีสำหรับเงินปันผล ดอกเบี้ย และค่าสิทธิ ไว้ด้วย
4. การมีอนุสัญญา ฯ นอกจากจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนระหว่างประเทศคู่สัญญาแล้ว ยังเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตอีกทางหนึ่งด้วย
5. การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่การบินระหว่างประเทศตามข้อกำหนดของอนุสัญญาฯ นี้ จะช่วยส่งเสริมการประกอบกิจการการขนส่งระหว่างประเทศ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนของการขนส่งระหว่างประเทศจะลดต่ำลงในระดับหนึ่ง อันเป็นผลมาจากการประหยัดรายจ่ายด้านภาษีของกิจการขนส่งระหว่างประเทศ และในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งของไทยได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีในประเทศคู่สัญญาก็จะมีผลให้ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวมีเงินได้เพื่อเสียภาษีในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
6. การมีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศไทยในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคเดียวกันและเป็นคู่แข่งในทางการค้าและการลงทุนกับไทย แต่ไม่มีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศคู่ค้า
7. การมีอนุสัญญา ฯ จะช่วยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนครู อาจารย์ นักวิจัย ระหว่างสถาบันการศึกษาของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากอนุสัญญา ฯ กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีให้แก่บุคคลดังกล่าวด้วย
8. การที่อนุสัญญา ฯ กำหนดให้หน่วยจัดเก็บภาษีของประเทศคู่สัญญาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างกัน ทำให้การหลีกเลี่ยงภาษีอากรระหว่างประเทศทั้งสอง เป็นไปได้ยาก จึงช่วยให้ประเทศคู่สัญญาสามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย--จบ--
ในวันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2542 เวลา 11.00 น. จะมีพิธีลงนามอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ณ ห้องโถงหินอ่อน ชั้น 2 กระทรวงการต่างประเทศ วังสราญรมย์ โดย ฯพณฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และ ฯพณฯ นาย Adkham Sh. Bekmuradov รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐ อุซเบกิสถาน เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานสาระสำคัญของความตกลง ฯ มีดังต่อไปนี้
1. ขอบข่ายของความตกลง ฯ อนุสัญญา ฯ นี้จะใช้บังคับกับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือสาธารณรัฐอุซเบกิสถานหรือทั้งสองประเทศ และจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้
2. วิธีขจัดภาษีซ้อน กรณีประเทศไทยเป็นฝ่ายขจัดจะยอมให้นำภาษีอุซเบกิสถานที่เสียไว้แล้วมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในประเทศไทยในจำนวนที่ไม่เกินจำนวนภาษีไทยในส่วนที่ได้คำนวณไว้ก่อนนั้น และกรณีอุซเบกิสถานเป็นฝ่ายขจัดจะยอมให้นำภาษีไทยที่เสียไว้แล้วมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในอุซเบกิสถานในจำนวนที่ไม่เกินจำนวนภาษีอุซเบกิสถานในส่วนที่ได้คำนวณไว้ก่อนนั้น โดยทั้งสองประเทศจะยอมให้มีมาตรการ Tax Sparing Credit ด้วย กล่าวคือ กรณีได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุนในประเทศหนึ่ง อีกประเทศหนึ่งจะยอมให้นำจำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าวไปถือเป็นเครดิตภาษีได้อีก
3. การเก็บภาษีจากกำไรธุรกิจ ประเทศที่มีการจ่ายเงินได้จะเก็บภาษีจากผู้รับเงินได้ ซึ่งเป็นวิสาหกิจของอีกประเทศหนึ่งได้ต่อเมื่อวิสาหกิจนั้นดำเนินธุรกิจผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศที่มีการจ่ายเงินได้นั้น อย่างไรก็ดี หากวิสาหกิจหลีกเลี่ยงโดยขายสินค้าหรือให้บริการไม่ผ่านสถานประกอบการถาวร แต่ขายสินค้าหรือให้บริการทำนองเดียวกับที่สถานประกอบการถาวรกระทำอยู่ กำไรที่เกิดขึ้นจะถือว่า เป็นของสถานประกอบการถาวรด้วย (หลักการที่เรียกว่า FORCE OF ATTRACTION)
4. การเก็บภาษีจากการขนส่งระหว่างประเทศ เงินได้จากการขนส่งทางอากาศ รถไฟ และถนนระหว่างประเทศจะได้รับยกเว้นภาษีในประเทศแหล่งเงินได้ และให้ประเทศถิ่นที่อยู่ของผู้ประกอบการขนส่งเก็บภาษีฝ่ายเดียว ส่วนเงินได้จากการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ นั้น ผู้ประกอบการขนส่งทางเรือของประเทศหนึ่งจะเสียภาษีในอีกประเทศหนึ่งเพียงครึ่งหนึ่งของภาษีที่พึงชำระตามปกติ
5. การเก็บภาษีจากทรัพย์สิน กรณีเงินปันผล ดอกเบี้ย และค่าสิทธิ จะมีการจำกัดอัตราภาษีในประเทศผู้จ่ายโดยมิให้เก็บเกินกว่าอัตราตามที่อนุสัญญา ฯ กำหนดไว้ กรณีค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และผลได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ของสถานประกอบการถาวรให้ประเทศที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้ เว้นแต่ผลได้จากการจำหน่ายเรือ อากาศยาน และ ยานพาหนะทางรถไฟและถนนที่ใช้ในการ ขนส่งระหว่างประเทศให้เก็บภาษีได้เฉพาะในประเทศที่ผู้จำหน่ายมีถิ่นที่อยู่ ผลได้จากการขายหุ้น ทุนเรือนหุ้นของบริษัทที่มีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์อาจเก็บภาษีได้ในประเทศที่เงินได้เกิดขึ้น
6. การเก็บภาษีจากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากการจ้างแรงงาน การให้บริการส่วนบุคคล ครู นักวิจัย หากมีการให้บริการในประเทศใดให้ประเทศนั้นยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้แต่อาจได้รับยกเว้นภาษีตามเงื่อนไขที่ความตกลง ฯ กำหนดไว้
7. บทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ เช่น คำนิยามทั่วไป การไม่เลือกประติบัติ วิธีการเพื่อความ ตกลงร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ มีการบัญญัติขึ้นเพื่อให้การบังคับอนุสัญญา ฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างคนชาติ และได้มีการประสานงานเพื่อประโยชน์ในการบริการจัดเก็บภาษีของประเทศคู่สัญญา
8. การเริ่มใช้และการเลิกใช้อนุสัญญา ฯ เมื่อประเทศคู่สัญญาได้ดำเนินการตามแบบพิธีที่มีอยู่ตามกฎหมายภายในของตน อันที่จะทำให้อนุสัญญา ฯ มีผลบังคับ และได้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างกันแล้ว อนุสัญญา ฯ จะมีผลบังคับใช้ในกรณีของประเทศไทย ในส่วนของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย นั้น จะใช้บังคับกับเงินได้ที่จ่ายในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากปีซึ่งอนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับ และในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ นั้น อนุสัญญา ฯ จะมีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้ที่เกิดในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคม ถัดจากปีที่อนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับ ในกรณีของประเทศอุซเบกิสถาน ในส่วนของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย นั้น จะมีผลใช้บังคับกับเงินได้ที่ได้รับในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมในปีปฏิทินถัดจากเดือนที่อนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ นั้น จะมีผลใช้บังคับสำหรับภาษีที่ได้เก็บในปีภาษีที่เริ่มในหรือหลังวันแรกของเดือนมกราคม ในปีปฏิทินต่อจากเดือนที่อนุสัญญา ฯ นี้มีผลใช้บังคับ สำหรับการเลิกใช้นั้น ประเทศคู่สัญญาสามารถแจ้งการเลิกใช้ด้วยวิธีทางการทูตภายหลังที่อนุสัญญา ฯ ที่ใช้บังคับมาแล้ว 5 ปี โดยแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะมีผลเลิกใช้กับเงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีถัดไป
ประโยชน์ของความตกลง ฯ
1. ช่วยขจัดหรือบรรเทาภาระภาษีซ้ำซ้อนอันเป็นอุปสรรคของการลงทุนระหว่างประเทศ ให้หมดไปในระดับหนึ่ง จึงทำให้ภาระภาษีซึ่งถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของนักลงทุนลดต่ำลงด้วย
2. การมีอนุสัญญา ฯ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนจะทำให้เกิดหลักประกันในการเสียภาษีที่แน่นอนและชัดเจน ซึ่งเป็นการช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนและทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในการลงทุนระหว่างประเทศ อนุสัญญา ฯ จึงช่วยดึงดูดหรือจูงใจให้มีการลงทุนระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น
3. อนุสัญญา ฯ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน และเทคโนโลยีระหว่างประเทศมาก ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากอนุสัญญา ฯ ได้มีการจำกัดเพดานอัตราภาษีสำหรับเงินปันผล ดอกเบี้ย และค่าสิทธิ ไว้ด้วย
4. การมีอนุสัญญา ฯ นอกจากจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนระหว่างประเทศคู่สัญญาแล้ว ยังเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตอีกทางหนึ่งด้วย
5. การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่การบินระหว่างประเทศตามข้อกำหนดของอนุสัญญาฯ นี้ จะช่วยส่งเสริมการประกอบกิจการการขนส่งระหว่างประเทศ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนของการขนส่งระหว่างประเทศจะลดต่ำลงในระดับหนึ่ง อันเป็นผลมาจากการประหยัดรายจ่ายด้านภาษีของกิจการขนส่งระหว่างประเทศ และในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งของไทยได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีในประเทศคู่สัญญาก็จะมีผลให้ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวมีเงินได้เพื่อเสียภาษีในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
6. การมีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศไทยในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคเดียวกันและเป็นคู่แข่งในทางการค้าและการลงทุนกับไทย แต่ไม่มีอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศคู่ค้า
7. การมีอนุสัญญา ฯ จะช่วยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนครู อาจารย์ นักวิจัย ระหว่างสถาบันการศึกษาของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากอนุสัญญา ฯ กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีให้แก่บุคคลดังกล่าวด้วย
8. การที่อนุสัญญา ฯ กำหนดให้หน่วยจัดเก็บภาษีของประเทศคู่สัญญาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างกัน ทำให้การหลีกเลี่ยงภาษีอากรระหว่างประเทศทั้งสอง เป็นไปได้ยาก จึงช่วยให้ประเทศคู่สัญญาสามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย--จบ--