ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. คาดน้ำมันดีเซลขึ้นราคาไม่กระทบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ
สายเสถียรภาพทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อทั่ว
ไป โดยเงินเฟ้อทั่วไปของปี 48 จะยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 — 3.5 ซึ่งเป็นตัวเลขเดิมที่คณะกรรมการนโยบาย
การเงินเคยประมาณการไว้แล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้ถือว่าเป็นการ
เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากเป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้การใช้พลังงานในประเทศมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเคลื่อนไหวตามกลไกของตลาดด้วย ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ รอง ผอ.สนง.
เศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ของ
ก.คลังที่ได้ประมาณการไว้ว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 6.1 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ระหว่างร้อยละ 3.5 — 4.0 (ไทยรัฐ)
2. ก.พาณิชย์ระดมสมองทูตพาณิชย์เพิ่มศักยภาพการส่งออกของไทย นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดี
กรมส่งเสริมการส่งออก ก.พาณิชย์ ได้เรียกประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) 53
แห่งทั่วโลก เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกในปี 48 และกำหนดเป้าหมายการส่งออกในแต่ละตลาดใหม่ให้สอด
คล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันก็จะรับฟังปัญหาและอุปสรรคการส่งออกสินค้าของแต่ละประเทศ เพื่อนำ
ข้อมูลมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 หรือมีมูลค่าการส่ง
ออกกว่า 112,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ จะประเมินสถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
ว่าจะกระทบต่อการส่งออกมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าค่าเงินบาทที่ระดับ 37 — 38 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. ผู้ส่ง
ออกยังสามารถแข่งขันได้ ยกเว้นถ้าค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่านี้อาจจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าไทยบ้าง เพราะทำ
ให้คู่ค้าหลายประเทศหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีนเนื่องจากมีราคาสินค้าถูกกว่าของไทย ซึ่งเห็นว่าผู้
ประกอบการไทยจะต้องหาแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตและให้ความสำคัญในเรื่องระบบโลจิสติกส์หรือการขนส่ง
สินค้า เพื่อให้มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง (โลกวันนี้)
3. กรมศุลกากรเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่อเนื่อง ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร ก.
คลัง เปิดเผยว่า กำลังเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่อเนื่อง โดยเริ่มปรับปรุงพิธีการทางศุลกากรด้วยการนำระบบ
อิเล็กทรอนิสก์มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการนำเข้า-ส่งออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือจัดทำเขตปลอดอากร ซึ่งจะส่ง
ผลดีในหลายด้าน เช่น ทำให้ต้นทุนลดลง ช่วยลดการคอร์รัปชั่น และส่งผลให้ขีดความสามารถการแข่งขันของภาค
เอกชนที่อยู่ในเขตปลอดอากรเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ กรมศุลกากรเตรียมเจรจาร่วมกับภาคเอกชนที่ให้บริการคลัง
สินค้าทัณฑ์บนจัดเก็บสินค้า จัดทำโครงการคลังสินค้าทัณฑ์บนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะคล้ายกับการจัดทำเขตปลอดอากร
แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยคลังสินค้าที่เข้าโครงการนี้จะได้รับสิทธิเหมือนเขตปลอดอากรทุกประการ คือ งดการจัดเก็บ
อากรและภาษีขาเข้าและขาออกทั้งหมดสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออก รวมถึงการได้รับสิทธิการคืน
ภาษีที่รวดเร็วขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. กรมสรรพากรเตรียมแก้ไขหลักเกณฑ์การยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นายศิโรตม์
สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจะเสนอรัฐบาลชุดใหม่ให้พิจารณาแก้ไขประมวล
รัษฎากรว่าด้วยผู้มีเงินได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะ
แก้ไขเป็นผู้มีเงินได้สุทธิไม่ถึงจำนวนที่ต้องเสียภาษีไม่จำเป็นต้องยื่นแบบเสียภาษี เพื่อลดภาระการยื่นแบบโดยไม่จำ
เป็น โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีภาษี 48 ในส่วนของผู้มีเงินได้จากเงินเดือนประจำ (ภ.ง.ด.91) ก่อน
เนื่องจากเห็นว่าคนที่ไม่ต้องเสียภาษีก็ไม่ต้องมายื่น เพราะตามกฎหมายปัจจุบันระบุว่าผู้มีเงินได้สุทธิ 0-1 แสนบาท
แรกไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้น คนที่มีเงินเดือนประมาณ 16,666 บาท ต่อเดือนขึ้นไป ถึงจะมีภาระต้องเสียภาษี
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีภาระต้องยื่นแบบ แต่ผู้เสียภาษีอาจจะต้องส่งจดหมาย 1 ฉบับ เพื่อให้กรมสรรพากรรับ
ทราบว่ามีเงินได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี (มติชน, โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเปลี่ยนไปถือเงินยูโรแทนเงินดอลลาร์ สรอ.มีส่วนทำให้ค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ.อ่อนตัวลง รายงานจากเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 21 ก.พ.48 จอร์จ โซรอส ซึ่งเป็น
เศรษฐีนักค้าเงินกล่าวต่อที่ประชุม the Jeddah Economic Forum ว่าเขาเห็นว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.
อ่อนตัวลงจะช่วยลดการขาดดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของ สรอ. แต่ในปัจจุบัน สรอ.ก็ยังขาดดุลบัญชี
เดินสะพัดมากกว่าร้อยละ 5 ของ GDP แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ สรอ.จะลดลงมาเป็นเวลา 3 ปีแล้วก็ตาม อย่างไร
ก็ดีค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับเงินยูโรและมีค่าเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับเงินเยน นอกจากนี้เขายังมีความเห็นว่าการที่ ธ.กลางของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันใน
ตะวันออกกลางและรัสเซียเปลี่ยนไปถือเงินยูโรแทนเงินดอลลาร์ สรอ.ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์ สรอ.มีค่า
ลดลง และเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นก็ทำให้มีปริมาณเงินดอลลาร์ สรอ.มากขึ้นที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นเงินยูโรซึ่งส่งผลให้ค่า
เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนตัวลงอีก โดยราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 55.67 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ
บาร์เรลเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและยังมีราคาสูงใกล้เคียง 50 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางญี่ปุ่นไม่วิตกกับดัชนีราคาผู้บริโภคในการดำเนินนโยบายการเงิน รายงานจากโตเกียวเมื่อ
วันที่ 21 ก.พ. 48 นาย Atsushi Mizuno กรรมาธิการนโยบายการเงินธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่าญี่ปุ่นจะยังไม่สิ้น
สุดนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนที่ได้ใช้มาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และผล
ของการขยายตัวของเศรษฐกิจดังกล่าวมีความสำคัญมากกว่าการเข้มงวดกับเงื่อนไขนโยบายการเงิน ทั้งนี้มี
ประชาชนเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินยังไม่น่าจะเกิดขึ้นจนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งแสดง
ภาวะเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น แต่หากว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและหากเกิดปัญหาข้างเคียงอาทิการ
เพิ่มสูงขึ้นของราคาสินทรัพย์ก็ต้องมีการอภิปรายกันเพื่อที่จะสิ้นสุดการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ทั้งนี้ธ.
กลางญี่ปุ่นได้ให้สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายการเงินให้เป็นไปในกรอบภายใต้เงื่อนไขเงินทุนส่วนเกินในตลาดการ
เงิน 10 ล้าน ล้านเยนจนกระทั่งดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน (Core CPI) เพิ่ม
ขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายเดือน รวมทั้งต้องมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเงินฝืดจะไม่หวนคืน
มาอีกครั้งและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมต้องมีความแข็งแกร่งจึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน นโยบายการเงินได้
โดยจะพิจารณาจากแนวโน้มมิใช่มองความเคลื่อนไหวในระยะเพียง 1 เดือนเท่านั้น (รอยเตอร์)
3. จำนวนประชากรของญี่ปุ่นขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 54 ปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ
21 ก.พ.48 Ministry of Internal Affairs and Communications เปิดเผยว่า ประชากรญี่ปุ่นมีจำนวนรวม
ทั้งสิ้น 127,687,000 คน ณ วันที่ 1 ต.ค.47 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.05 ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดใน
รอบ 54 ปี ก่อให้เกิดความกังวลว่าประชากรวัยชราของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบเงินช่วยเหลือของ
ทางการ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามปฏิรูปด้วยการลดอัตราการให้เงินช่วยเหลือและเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสมทบ
เข้าระบบของประชากร อนึ่ง รายงานระบุว่า จำนวนประชากรชายลดลงเป็นปีแรกร้อยละ 0.01 เหลือจำนวน
62.30 ล้านคน เนื่องจากมีการเดินทางออกไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และจำนวนประชากรหญิงเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.12 เป็นจำนวน 65.39 ล้านคน ในขณะที่จำนวนประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 นับ
เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดของจำนวนประชากรกลุ่มนี้ โดยมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 19.5 ของจำนวนประชากรโดยรวม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือน ม.ค.48 ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ร้อยละ 1.9
เทียบต่อปี รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 22 ก.พ.48 สำนักงานสถิติจีน เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือน
ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ร้อยละ 1.9 เทียบต่อปี เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.4 ในรอบ 1 ปี จนถึงเดือน ธ.ค.47 นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้
ยังเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในขณะที่หากเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6
ซึ่งนักวิเคราะห์จาก HSBC ในฮ่องกงเห็นว่า แม้จะเป็นตัวเลขต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ครั้งแรก แต่เขา
เตือนว่า ควรดูตัวเลขนี้ด้วยความรอบคอบ เพราะอาจจะมีการบิดเบือนบ้าง เนื่องจากเทศกาลตรุษจีนซึ่งราคาสินค้า
มักจะสูงขึ้น ในปีนี้ตรงกับเดือน ก.พ.ในขณะที่ปีก่อนตรงกับเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของจีนลดลง
อย่างต่อเนื่องหลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเดือน ก.ค.และ ส.ค.47 สูงสุดในรอบ 7 ปี โดยหัวหน้านักวิ
เคราะห์ให้หตุผลว่าเนื่องจากราคาอาหารที่มีเสถียรภาพจึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาหารเป็นปัจจัย
ที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 35-40 ของดัชนีราคาผู้บริโภค อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อต่อเดือนในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำสุด
ตั้งแต่เดือน ต.ค.46 ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่ส่งผล
ให้ ธ.กลางจีนตัดสินใจในเดือน ต.ค.47 ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.27 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.58 และ
ร้อยละ 2.25 สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี และเงินฝากระยะ 1 ปีตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต
ของจีนในเดือน ม.ค.48 ก็ชะลอตัวลง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 อันเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 8 เดือน
และลดลงจากเดือน ธ.ค. และ พ.ย.47 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 และ 8.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจ
จีนในปัจจุบัน รัฐบาลจีนกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาจส่งผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย
เฉพาะหากเงินเฟ้อและการลงทุนสินทรัพย์ถาวรมีทิศทางที่ผันผวนโดยลดลงในเดือนถัดไปและกลับสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่ง
สำนักงานสถิติจีนกล่าวว่า จีนยังคงต้องระวังเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกเพิ่ม
สูงขึ้นอันต่อส่งผลต่อราคาผู้บริโภค ขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลางกล่าวในเดือนก่อนหน้านี้ว่า ธ.กลางยังคงดำเนินนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนคลายเนื่องจากเงินเฟ้อในปัจจุบันได้ชะลอตัวลงแล้ว (รอยเตอร์)
5. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ 3.6
รายงานจากโซลเมื่อ 22 ก.พ.48 The National Statistical Office เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของ
เกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.48 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.6 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับร้อยละ 3.5 ในเดือนก่อน นับเป็น
การเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.6
ทั้งนี้ จากการชะลอตัวของภาคบริการเกาหลีใต้ ส่งผลให้ตลาดแรงงานในประเทศยังคงสะท้อนภาพความอ่อนแอ
แม้ว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการภายในประเทศก็ตาม (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 ก.พ. 48 21 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.576 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3735/38.6660 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875 - 2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 725.89/20.74 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) n.a. 40.15 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.49/15.19* 20.49/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. คาดน้ำมันดีเซลขึ้นราคาไม่กระทบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ
สายเสถียรภาพทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อทั่ว
ไป โดยเงินเฟ้อทั่วไปของปี 48 จะยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 — 3.5 ซึ่งเป็นตัวเลขเดิมที่คณะกรรมการนโยบาย
การเงินเคยประมาณการไว้แล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้ถือว่าเป็นการ
เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากเป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้การใช้พลังงานในประเทศมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเคลื่อนไหวตามกลไกของตลาดด้วย ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ รอง ผอ.สนง.
เศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ของ
ก.คลังที่ได้ประมาณการไว้ว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 6.1 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ระหว่างร้อยละ 3.5 — 4.0 (ไทยรัฐ)
2. ก.พาณิชย์ระดมสมองทูตพาณิชย์เพิ่มศักยภาพการส่งออกของไทย นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดี
กรมส่งเสริมการส่งออก ก.พาณิชย์ ได้เรียกประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) 53
แห่งทั่วโลก เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกในปี 48 และกำหนดเป้าหมายการส่งออกในแต่ละตลาดใหม่ให้สอด
คล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันก็จะรับฟังปัญหาและอุปสรรคการส่งออกสินค้าของแต่ละประเทศ เพื่อนำ
ข้อมูลมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 หรือมีมูลค่าการส่ง
ออกกว่า 112,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ จะประเมินสถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
ว่าจะกระทบต่อการส่งออกมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าค่าเงินบาทที่ระดับ 37 — 38 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. ผู้ส่ง
ออกยังสามารถแข่งขันได้ ยกเว้นถ้าค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่านี้อาจจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าไทยบ้าง เพราะทำ
ให้คู่ค้าหลายประเทศหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีนเนื่องจากมีราคาสินค้าถูกกว่าของไทย ซึ่งเห็นว่าผู้
ประกอบการไทยจะต้องหาแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตและให้ความสำคัญในเรื่องระบบโลจิสติกส์หรือการขนส่ง
สินค้า เพื่อให้มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง (โลกวันนี้)
3. กรมศุลกากรเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่อเนื่อง ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร ก.
คลัง เปิดเผยว่า กำลังเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่อเนื่อง โดยเริ่มปรับปรุงพิธีการทางศุลกากรด้วยการนำระบบ
อิเล็กทรอนิสก์มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการนำเข้า-ส่งออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือจัดทำเขตปลอดอากร ซึ่งจะส่ง
ผลดีในหลายด้าน เช่น ทำให้ต้นทุนลดลง ช่วยลดการคอร์รัปชั่น และส่งผลให้ขีดความสามารถการแข่งขันของภาค
เอกชนที่อยู่ในเขตปลอดอากรเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ กรมศุลกากรเตรียมเจรจาร่วมกับภาคเอกชนที่ให้บริการคลัง
สินค้าทัณฑ์บนจัดเก็บสินค้า จัดทำโครงการคลังสินค้าทัณฑ์บนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะคล้ายกับการจัดทำเขตปลอดอากร
แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยคลังสินค้าที่เข้าโครงการนี้จะได้รับสิทธิเหมือนเขตปลอดอากรทุกประการ คือ งดการจัดเก็บ
อากรและภาษีขาเข้าและขาออกทั้งหมดสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออก รวมถึงการได้รับสิทธิการคืน
ภาษีที่รวดเร็วขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. กรมสรรพากรเตรียมแก้ไขหลักเกณฑ์การยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นายศิโรตม์
สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจะเสนอรัฐบาลชุดใหม่ให้พิจารณาแก้ไขประมวล
รัษฎากรว่าด้วยผู้มีเงินได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะ
แก้ไขเป็นผู้มีเงินได้สุทธิไม่ถึงจำนวนที่ต้องเสียภาษีไม่จำเป็นต้องยื่นแบบเสียภาษี เพื่อลดภาระการยื่นแบบโดยไม่จำ
เป็น โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีภาษี 48 ในส่วนของผู้มีเงินได้จากเงินเดือนประจำ (ภ.ง.ด.91) ก่อน
เนื่องจากเห็นว่าคนที่ไม่ต้องเสียภาษีก็ไม่ต้องมายื่น เพราะตามกฎหมายปัจจุบันระบุว่าผู้มีเงินได้สุทธิ 0-1 แสนบาท
แรกไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้น คนที่มีเงินเดือนประมาณ 16,666 บาท ต่อเดือนขึ้นไป ถึงจะมีภาระต้องเสียภาษี
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีภาระต้องยื่นแบบ แต่ผู้เสียภาษีอาจจะต้องส่งจดหมาย 1 ฉบับ เพื่อให้กรมสรรพากรรับ
ทราบว่ามีเงินได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี (มติชน, โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเปลี่ยนไปถือเงินยูโรแทนเงินดอลลาร์ สรอ.มีส่วนทำให้ค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ.อ่อนตัวลง รายงานจากเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 21 ก.พ.48 จอร์จ โซรอส ซึ่งเป็น
เศรษฐีนักค้าเงินกล่าวต่อที่ประชุม the Jeddah Economic Forum ว่าเขาเห็นว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.
อ่อนตัวลงจะช่วยลดการขาดดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของ สรอ. แต่ในปัจจุบัน สรอ.ก็ยังขาดดุลบัญชี
เดินสะพัดมากกว่าร้อยละ 5 ของ GDP แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ สรอ.จะลดลงมาเป็นเวลา 3 ปีแล้วก็ตาม อย่างไร
ก็ดีค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับเงินยูโรและมีค่าเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับเงินเยน นอกจากนี้เขายังมีความเห็นว่าการที่ ธ.กลางของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันใน
ตะวันออกกลางและรัสเซียเปลี่ยนไปถือเงินยูโรแทนเงินดอลลาร์ สรอ.ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์ สรอ.มีค่า
ลดลง และเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นก็ทำให้มีปริมาณเงินดอลลาร์ สรอ.มากขึ้นที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นเงินยูโรซึ่งส่งผลให้ค่า
เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนตัวลงอีก โดยราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 55.67 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ
บาร์เรลเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและยังมีราคาสูงใกล้เคียง 50 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางญี่ปุ่นไม่วิตกกับดัชนีราคาผู้บริโภคในการดำเนินนโยบายการเงิน รายงานจากโตเกียวเมื่อ
วันที่ 21 ก.พ. 48 นาย Atsushi Mizuno กรรมาธิการนโยบายการเงินธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่าญี่ปุ่นจะยังไม่สิ้น
สุดนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนที่ได้ใช้มาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และผล
ของการขยายตัวของเศรษฐกิจดังกล่าวมีความสำคัญมากกว่าการเข้มงวดกับเงื่อนไขนโยบายการเงิน ทั้งนี้มี
ประชาชนเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินยังไม่น่าจะเกิดขึ้นจนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งแสดง
ภาวะเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น แต่หากว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและหากเกิดปัญหาข้างเคียงอาทิการ
เพิ่มสูงขึ้นของราคาสินทรัพย์ก็ต้องมีการอภิปรายกันเพื่อที่จะสิ้นสุดการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ทั้งนี้ธ.
กลางญี่ปุ่นได้ให้สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายการเงินให้เป็นไปในกรอบภายใต้เงื่อนไขเงินทุนส่วนเกินในตลาดการ
เงิน 10 ล้าน ล้านเยนจนกระทั่งดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน (Core CPI) เพิ่ม
ขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายเดือน รวมทั้งต้องมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเงินฝืดจะไม่หวนคืน
มาอีกครั้งและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมต้องมีความแข็งแกร่งจึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน นโยบายการเงินได้
โดยจะพิจารณาจากแนวโน้มมิใช่มองความเคลื่อนไหวในระยะเพียง 1 เดือนเท่านั้น (รอยเตอร์)
3. จำนวนประชากรของญี่ปุ่นขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 54 ปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ
21 ก.พ.48 Ministry of Internal Affairs and Communications เปิดเผยว่า ประชากรญี่ปุ่นมีจำนวนรวม
ทั้งสิ้น 127,687,000 คน ณ วันที่ 1 ต.ค.47 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.05 ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดใน
รอบ 54 ปี ก่อให้เกิดความกังวลว่าประชากรวัยชราของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบเงินช่วยเหลือของ
ทางการ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามปฏิรูปด้วยการลดอัตราการให้เงินช่วยเหลือและเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสมทบ
เข้าระบบของประชากร อนึ่ง รายงานระบุว่า จำนวนประชากรชายลดลงเป็นปีแรกร้อยละ 0.01 เหลือจำนวน
62.30 ล้านคน เนื่องจากมีการเดินทางออกไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และจำนวนประชากรหญิงเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.12 เป็นจำนวน 65.39 ล้านคน ในขณะที่จำนวนประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 นับ
เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดของจำนวนประชากรกลุ่มนี้ โดยมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 19.5 ของจำนวนประชากรโดยรวม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือน ม.ค.48 ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ร้อยละ 1.9
เทียบต่อปี รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 22 ก.พ.48 สำนักงานสถิติจีน เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือน
ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ร้อยละ 1.9 เทียบต่อปี เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.4 ในรอบ 1 ปี จนถึงเดือน ธ.ค.47 นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้
ยังเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในขณะที่หากเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6
ซึ่งนักวิเคราะห์จาก HSBC ในฮ่องกงเห็นว่า แม้จะเป็นตัวเลขต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ครั้งแรก แต่เขา
เตือนว่า ควรดูตัวเลขนี้ด้วยความรอบคอบ เพราะอาจจะมีการบิดเบือนบ้าง เนื่องจากเทศกาลตรุษจีนซึ่งราคาสินค้า
มักจะสูงขึ้น ในปีนี้ตรงกับเดือน ก.พ.ในขณะที่ปีก่อนตรงกับเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของจีนลดลง
อย่างต่อเนื่องหลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเดือน ก.ค.และ ส.ค.47 สูงสุดในรอบ 7 ปี โดยหัวหน้านักวิ
เคราะห์ให้หตุผลว่าเนื่องจากราคาอาหารที่มีเสถียรภาพจึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาหารเป็นปัจจัย
ที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 35-40 ของดัชนีราคาผู้บริโภค อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อต่อเดือนในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำสุด
ตั้งแต่เดือน ต.ค.46 ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่ส่งผล
ให้ ธ.กลางจีนตัดสินใจในเดือน ต.ค.47 ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.27 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.58 และ
ร้อยละ 2.25 สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี และเงินฝากระยะ 1 ปีตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต
ของจีนในเดือน ม.ค.48 ก็ชะลอตัวลง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 อันเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 8 เดือน
และลดลงจากเดือน ธ.ค. และ พ.ย.47 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 และ 8.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจ
จีนในปัจจุบัน รัฐบาลจีนกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาจส่งผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย
เฉพาะหากเงินเฟ้อและการลงทุนสินทรัพย์ถาวรมีทิศทางที่ผันผวนโดยลดลงในเดือนถัดไปและกลับสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่ง
สำนักงานสถิติจีนกล่าวว่า จีนยังคงต้องระวังเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกเพิ่ม
สูงขึ้นอันต่อส่งผลต่อราคาผู้บริโภค ขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลางกล่าวในเดือนก่อนหน้านี้ว่า ธ.กลางยังคงดำเนินนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนคลายเนื่องจากเงินเฟ้อในปัจจุบันได้ชะลอตัวลงแล้ว (รอยเตอร์)
5. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ 3.6
รายงานจากโซลเมื่อ 22 ก.พ.48 The National Statistical Office เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของ
เกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.48 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.6 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับร้อยละ 3.5 ในเดือนก่อน นับเป็น
การเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.6
ทั้งนี้ จากการชะลอตัวของภาคบริการเกาหลีใต้ ส่งผลให้ตลาดแรงงานในประเทศยังคงสะท้อนภาพความอ่อนแอ
แม้ว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการภายในประเทศก็ตาม (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 ก.พ. 48 21 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.576 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3735/38.6660 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875 - 2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 725.89/20.74 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) n.a. 40.15 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.49/15.19* 20.49/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--