ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. คาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสแรกปีนี้เป็นบวก ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ
ธปท. เปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในเดือน ก.พ. ที่จะประกาศออกมาจะเป็นตัวเลขเกินดุลไม่ใช่ขาดดุล
รวมทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดรวมในไตรมาสแรกปีนี้จะเป็นบวก เนื่องจากการท่องเที่ยวของประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อ
เนื่อง ซึ่ง ธปท. กำลังจับตาดูว่าการท่องเที่ยวในเดือน มี.ค. จะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ดูแนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การปรับเพิ่มขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 3 บาท จะช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงมาก
ในช่วงที่ผ่านมาให้ลดลงซึ่งอาจจะไม่เห็นใน 1-2 เดือนนี้ แต่ระยะยาวปริมาณการนำเข้าจะลดลงเข้าสู่ระดับที่
เหมาะสม ทำให้มีผลดีต่อดุลการค้าในอนาคตให้ปรับตัวดีขึ้น อาจจะกลับมาเป็นบวกหรือขาดดุลน้อยลง ซึ่งไม่เป็นห่วง
ในเรื่องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ และมั่นใจว่าดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีจะเป็นบวกได้และบวกในระดับที่สูง
ด้วย (บ้านเมือง)
2. ธปท. เตรียมออกเกณฑ์ควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ
สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า หลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบ
การทั้งที่เป็น ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ ธ.พาณิชย์นั้น คาดว่าจะประกาศใช้ได้ทันในเดือน เม.ย. เชื่อ
ว่าเกณฑ์ที่ออกมาน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ประกาศควบคุมไปแล้ว หากผู้ประกอบการเห็น
ว่าไม่เหมาะสมก็เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากในอนาคตการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อาจจะมี
รายการขอเก็บที่มากขึ้น เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยต้องมีเหตุผลที่รับฟังได้ชัดเจน มีต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือสูงกว่าที่
อัตราดอกเบี้ยที่ ธปท. ให้เก็บได้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธปท. ไม่มีอำนาจดูแลการปล่อยสินเชื่อของผู้ประกอบ
การที่เป็นนันแบงก์ แต่หากจะให้ ธปท. ควบคุมได้ทั้ง ธ.พาณิชย์และนันแบงก์ ต้องใช้อำนาจของ ก.คลัง โดยอาจ
จะออกเป็นประกาศ ก.คลัง เพื่อให้อำนาจ ธปท. ดูแลได้ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ธปท. เตรียมหารือ ธ.พาณิชย์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยไบบอร์ นางนิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้
ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. จะมีการหารือกับ ธ.พาณิชย์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
ตลาดกรุงเทพฯ (ไบบอร์) เพื่อพิจารณาปัญหาในการส่งข้อมูลอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากธุรกรรมที่อ้างอิงกับอัตราดอก
เบี้ยไบบอร์ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังมีไม่มากนัก ซึ่งน่าจะเป็นเพราะ
เพิ่งเริ่มต้นมีธุรกรรม คนจึงยังไม่ค่อยไว้วางใจเท่าที่ควร ประกอบกับการมีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงต้องใช้เวลามาก
ซึ่งในต่างประเทศก็ต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี อย่างไรก็ตาม ธปท. จะพยายามหาวิธีที่จะทำให้คนหันมากู้โดย
อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยไบบอร์มากขึ้น โดยอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงธนาคารที่เป็นผู้ส่งอัตราดอกเบี้ยมาที่ ธปท.
โดยธนาคารที่ไม่มีธุรกรรมก็อาจจะไม่ให้ส่งอัตราดอกเบี้ย หรืออาจจะแก้ไขโดยการพยายามอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยสิน
เชื่อที่ ธปท. ให้กับภาคธุรกิจที่สำคัญกับอัตราไบบอร์มากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)
4. กลต. เตรียมตั้งกองทุนลงทุนในตราสารหนี้รองรับกองทุนอาเซียน บอนด์ นายธีระชัย ภูวนาถ
นรานุบาล เลขาธิการ สนง.กลต. เปิดเผยว่า กลต.จะจัดตั้งกองทุน Thailand Sub Fund โดยในช่วงแรกจะ
เปิดเฉพาะธนาคารกลางในประเทศเอเชียและแปซิฟิก 11 ประเทศ แต่ในอนาคตจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม
ลงทุนด้วย โดยผ่าน Exchange Traded Fund (ETF) หากจัดตั้งขึ้นแล้วจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์ฯ โดยมีผู้บริหารกองทุนเป็นผู้ดูแล รวมทั้งการติดตามราคาตลาด ETF เทียบกับราคาตราสารหนี้ที่กองทุน
ETF ลงทุน หากเห็นว่ามีความแตกต่างระหว่างราคา ผู้บริหารกองทุนก็จะทำหน้าที่ซื้อขายเพื่อลดความแตกต่างของ
ราคา เป็นการกระตุ้นความสนใจตราสารหนี้ในกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจาก
การตั้งกองทุนอาเซียน บอนด์ ระหว่างธนาคารกลาง 11 ประเทศ ซึ่งสามารถลงทุนในตราสารหนี้สกุลเอเชียต่าง
ๆ รวมทั้งตราสารหนี้ไทยด้วย กองทุนดังกล่าวจะเป็นการจัดตั้งกองทุนเฉพาะแต่ละประเทศ เพื่อลงทุนในตราสารหนี้
สกุลท้องถิ่นของประเทศ ส่วนของไทยคือ Thailand Sub Fund นอกจากนี้ กลต.อาเซียนจะเสนอ รมว.คลังอา
เซียน ในการเอื้ออำนวยความสะดวกหรือลดอุปสรรคให้เอกชนสามารถจัดตั้งกองทุนรวมที่มีโครงสร้างเหมือนกอง
ทุน ซึ่งจะลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียหลายประเทศโดยได้รับสิทธิพิเศษ เช่น การยกเว้นการ
หักภาษี ณ ที่จ่าย เกณฑ์การอนุญาตให้เสนอขายนักลงทุนรายย่อยข้ามประเทศ เป็นต้น (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 ในขณะที่การบริโภคใน
ประเทศลดลง รายงานจากโตเกียว เมื่อ 29 มี.ค.48 อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 หลังปรับตัว
เลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 สูงกว่าที่คาดไว้และสูงกว่าเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.5 โดยอัตราการ
ว่างงานของญี่ปุ่นลดลงมาโดยตลอดหลังจากอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 5.5 ในเดือน ม.ค.46 จาก
ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากการขยายตัวของการส่งออกทำให้ภาคธุรกิจมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราส่วน
ตำแหน่งงานว่างต่อจำนวนผู้สมัครในปัจจุบันอยู่ที่ 0.91 ซึ่งหมายความว่ามีตำแหน่งงานว่าง 91 ตำแหน่งต่อจำนวนผู้
สมัคร 100 คน ในขณะที่การใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีรายได้จากค่าจ้างมีจำนวน 301,372 เยนหรือประมาณ
2,809 ดอลลาร์ สรอ.ต่อเดือน ลดลงร้อยละ 4.1 ในเดือน ก.พ.48 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและลดลงร้อยละ
3.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกที่ลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.48 และลดลงร้อย
ละ 2.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบต่อปีนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.4 ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดต่อปีนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 40 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 จาก
เดือน ธ.ค.47 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดค้าปลีกในเดือน ก.พ.48 จะลดลงร้อยละ 2.9 ต่อปี จาก
จำนวนวันอาทิตย์ที่น้อยกว่าปีที่แล้วซึ่งเดือน ก.พ.มี 29 วัน เช่นเดียวกับรัฐบาลที่อ้างจำนวนวันในเดือน ก.พ.ปีนี้ที่
น้อยกว่าปีที่แล้วว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายของครัวเรือนลดลง (รอยเตอร์)
2. จีนวางแผนที่จะปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่
29 มี.ค. 48 ผวก.ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า จีนมีแผนที่จะปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนทีละน้อยตามแผนที่ได้กำหนดไว้
แล้ว แต่มิได้มีแผนที่จะปรับค่าเงินหยวนแต่ประการใด ทั้งนี้เป็นการส่งสัญญานจากรัฐบาลจีนว่าจะยังไม่รีบร้อนที่จะ
ปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์ สรอ. ซึ่งได้รับการตำหนิจากสรอ. และประเทศ
อื่นๆ ว่าส่งผลให้สินค้าส่งออกของจีนได้เปรียบจากราคาที่ถูกกว่า โดยผวก.ธ.กลางจีนกล่าวว่าการปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนของจีนจะเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง โปร่งใส และเป็นเวลาที่เหมาะสม นอกจากนั้นเขา
ยังได้พิจารณาผลกระทบของภูมิภาคและของโลกที่จะเกิดขึ้นจากการปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนที่อาจจะ
ไม่เพียงปรับอัตราแลกเปลี่ยนจากปัจจุบันที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไว้เกือบ 8.28 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์
สรอ. แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่สมบูรณ์ด้วย อนึ่งหากมองแนวโน้มดุลการชำระเงินระหว่าง
เทศแล้วงานในอนาคตที่สำคัญคือการปรับระบบกลไกอัตราแลกเปลี่ยนด้วยมิใช่เพียงปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เห็นว่าจีนจะค่อยๆขยายช่วงห่างของการซื้อ-ขายเงินหยวน
และมีความเป็นไปได้ว่าจะหยุดการผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สรอ.ด้วยการกำหนดค่าเงินหยวนกับเงินสกุลสำคัญใน
ระบบตะกร้าเงินแทน อนึ่งธ.กลางจีนต้องเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดในภาพรวมเศรษฐกิจจีนทั้งเงินเฟ้อและดัชนี
ต่างๆเพื่อกำหนดว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหรือไม่ ซึ่งเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาจีนได้ปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.27 อยู่ที่ร้อยละ 5.58 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี(รอยเตอร์)
3. เดือน ก.พ.48 ผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 28 มี.ค.48 ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.48 ลดลงต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 2 ร้อยละ 9.8 เทียบต่อเดือน ตรงข้ามกับการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุจากการ
ชะลอตัวของผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า การที่ผลผลิตโรงงาน
ลดลง อาจส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 ชะลอตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2
ปี และอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปี 48 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ร้อยละ 3-5 หลัง
จากที่ขยายตัวร้อยละ 8.4 ในปี 47 ทั้งนี้ เศรษฐกิจของสิงคโปร์ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 110 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ได้
แสดงสัญญาณการเติบโตมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 46 โดยเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 46 ขยายตัวถึงร้อยละ
7.9 หลังจากที่ประสบภาวะชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส (รอยเตอร์)
4. เดือน ก.พ.48 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ชะลอตัวลง ขณะที่การค้าส่งและค้าปลีกขยาย
ตัวเพิ่มขึ้น รายงานจากโซลเมื่อ 29 มี.ค.48 National Statistical Office เปิดเผยว่า ผลผลิต
อุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 4.6 เทียบต่อเดือน เป็นการลดลงสูงสุดนับตั้งแต่เดือน
มี.ค.41 ซึ่งลดลงร้อยละ 5.3 และเป็นการลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลง
เพียงร้อยละ 0.6 ในขณะที่ยอดขายส่งและขายปลีกกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน
ก.ค.42 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ส่งผลกระทบให้ราคา พธบ.รัฐบาลในตลาดซื้อขาย พธบ.ลดลง เนื่องจากผู้ลงทุน
เกิดความไม่มั่นใจต่อสัญญาณทางเศรษฐกิจต่างๆ ว่าจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยั่งยืนหรือไม่ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 มี.ค. 48 28 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.114 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9296/39.2152 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.98/7.41 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,850/7,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 45.56 46.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. คาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสแรกปีนี้เป็นบวก ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ
ธปท. เปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในเดือน ก.พ. ที่จะประกาศออกมาจะเป็นตัวเลขเกินดุลไม่ใช่ขาดดุล
รวมทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดรวมในไตรมาสแรกปีนี้จะเป็นบวก เนื่องจากการท่องเที่ยวของประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อ
เนื่อง ซึ่ง ธปท. กำลังจับตาดูว่าการท่องเที่ยวในเดือน มี.ค. จะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ดูแนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การปรับเพิ่มขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 3 บาท จะช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงมาก
ในช่วงที่ผ่านมาให้ลดลงซึ่งอาจจะไม่เห็นใน 1-2 เดือนนี้ แต่ระยะยาวปริมาณการนำเข้าจะลดลงเข้าสู่ระดับที่
เหมาะสม ทำให้มีผลดีต่อดุลการค้าในอนาคตให้ปรับตัวดีขึ้น อาจจะกลับมาเป็นบวกหรือขาดดุลน้อยลง ซึ่งไม่เป็นห่วง
ในเรื่องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ และมั่นใจว่าดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีจะเป็นบวกได้และบวกในระดับที่สูง
ด้วย (บ้านเมือง)
2. ธปท. เตรียมออกเกณฑ์ควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ
สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า หลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบ
การทั้งที่เป็น ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ ธ.พาณิชย์นั้น คาดว่าจะประกาศใช้ได้ทันในเดือน เม.ย. เชื่อ
ว่าเกณฑ์ที่ออกมาน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ประกาศควบคุมไปแล้ว หากผู้ประกอบการเห็น
ว่าไม่เหมาะสมก็เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากในอนาคตการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อาจจะมี
รายการขอเก็บที่มากขึ้น เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยต้องมีเหตุผลที่รับฟังได้ชัดเจน มีต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือสูงกว่าที่
อัตราดอกเบี้ยที่ ธปท. ให้เก็บได้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธปท. ไม่มีอำนาจดูแลการปล่อยสินเชื่อของผู้ประกอบ
การที่เป็นนันแบงก์ แต่หากจะให้ ธปท. ควบคุมได้ทั้ง ธ.พาณิชย์และนันแบงก์ ต้องใช้อำนาจของ ก.คลัง โดยอาจ
จะออกเป็นประกาศ ก.คลัง เพื่อให้อำนาจ ธปท. ดูแลได้ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ธปท. เตรียมหารือ ธ.พาณิชย์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยไบบอร์ นางนิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้
ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. จะมีการหารือกับ ธ.พาณิชย์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
ตลาดกรุงเทพฯ (ไบบอร์) เพื่อพิจารณาปัญหาในการส่งข้อมูลอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากธุรกรรมที่อ้างอิงกับอัตราดอก
เบี้ยไบบอร์ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังมีไม่มากนัก ซึ่งน่าจะเป็นเพราะ
เพิ่งเริ่มต้นมีธุรกรรม คนจึงยังไม่ค่อยไว้วางใจเท่าที่ควร ประกอบกับการมีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงต้องใช้เวลามาก
ซึ่งในต่างประเทศก็ต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี อย่างไรก็ตาม ธปท. จะพยายามหาวิธีที่จะทำให้คนหันมากู้โดย
อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยไบบอร์มากขึ้น โดยอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงธนาคารที่เป็นผู้ส่งอัตราดอกเบี้ยมาที่ ธปท.
โดยธนาคารที่ไม่มีธุรกรรมก็อาจจะไม่ให้ส่งอัตราดอกเบี้ย หรืออาจจะแก้ไขโดยการพยายามอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยสิน
เชื่อที่ ธปท. ให้กับภาคธุรกิจที่สำคัญกับอัตราไบบอร์มากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)
4. กลต. เตรียมตั้งกองทุนลงทุนในตราสารหนี้รองรับกองทุนอาเซียน บอนด์ นายธีระชัย ภูวนาถ
นรานุบาล เลขาธิการ สนง.กลต. เปิดเผยว่า กลต.จะจัดตั้งกองทุน Thailand Sub Fund โดยในช่วงแรกจะ
เปิดเฉพาะธนาคารกลางในประเทศเอเชียและแปซิฟิก 11 ประเทศ แต่ในอนาคตจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม
ลงทุนด้วย โดยผ่าน Exchange Traded Fund (ETF) หากจัดตั้งขึ้นแล้วจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์ฯ โดยมีผู้บริหารกองทุนเป็นผู้ดูแล รวมทั้งการติดตามราคาตลาด ETF เทียบกับราคาตราสารหนี้ที่กองทุน
ETF ลงทุน หากเห็นว่ามีความแตกต่างระหว่างราคา ผู้บริหารกองทุนก็จะทำหน้าที่ซื้อขายเพื่อลดความแตกต่างของ
ราคา เป็นการกระตุ้นความสนใจตราสารหนี้ในกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจาก
การตั้งกองทุนอาเซียน บอนด์ ระหว่างธนาคารกลาง 11 ประเทศ ซึ่งสามารถลงทุนในตราสารหนี้สกุลเอเชียต่าง
ๆ รวมทั้งตราสารหนี้ไทยด้วย กองทุนดังกล่าวจะเป็นการจัดตั้งกองทุนเฉพาะแต่ละประเทศ เพื่อลงทุนในตราสารหนี้
สกุลท้องถิ่นของประเทศ ส่วนของไทยคือ Thailand Sub Fund นอกจากนี้ กลต.อาเซียนจะเสนอ รมว.คลังอา
เซียน ในการเอื้ออำนวยความสะดวกหรือลดอุปสรรคให้เอกชนสามารถจัดตั้งกองทุนรวมที่มีโครงสร้างเหมือนกอง
ทุน ซึ่งจะลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียหลายประเทศโดยได้รับสิทธิพิเศษ เช่น การยกเว้นการ
หักภาษี ณ ที่จ่าย เกณฑ์การอนุญาตให้เสนอขายนักลงทุนรายย่อยข้ามประเทศ เป็นต้น (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 ในขณะที่การบริโภคใน
ประเทศลดลง รายงานจากโตเกียว เมื่อ 29 มี.ค.48 อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 หลังปรับตัว
เลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 สูงกว่าที่คาดไว้และสูงกว่าเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.5 โดยอัตราการ
ว่างงานของญี่ปุ่นลดลงมาโดยตลอดหลังจากอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 5.5 ในเดือน ม.ค.46 จาก
ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากการขยายตัวของการส่งออกทำให้ภาคธุรกิจมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราส่วน
ตำแหน่งงานว่างต่อจำนวนผู้สมัครในปัจจุบันอยู่ที่ 0.91 ซึ่งหมายความว่ามีตำแหน่งงานว่าง 91 ตำแหน่งต่อจำนวนผู้
สมัคร 100 คน ในขณะที่การใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีรายได้จากค่าจ้างมีจำนวน 301,372 เยนหรือประมาณ
2,809 ดอลลาร์ สรอ.ต่อเดือน ลดลงร้อยละ 4.1 ในเดือน ก.พ.48 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและลดลงร้อยละ
3.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกที่ลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.48 และลดลงร้อย
ละ 2.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบต่อปีนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.4 ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดต่อปีนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 40 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 จาก
เดือน ธ.ค.47 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดค้าปลีกในเดือน ก.พ.48 จะลดลงร้อยละ 2.9 ต่อปี จาก
จำนวนวันอาทิตย์ที่น้อยกว่าปีที่แล้วซึ่งเดือน ก.พ.มี 29 วัน เช่นเดียวกับรัฐบาลที่อ้างจำนวนวันในเดือน ก.พ.ปีนี้ที่
น้อยกว่าปีที่แล้วว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายของครัวเรือนลดลง (รอยเตอร์)
2. จีนวางแผนที่จะปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่
29 มี.ค. 48 ผวก.ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า จีนมีแผนที่จะปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนทีละน้อยตามแผนที่ได้กำหนดไว้
แล้ว แต่มิได้มีแผนที่จะปรับค่าเงินหยวนแต่ประการใด ทั้งนี้เป็นการส่งสัญญานจากรัฐบาลจีนว่าจะยังไม่รีบร้อนที่จะ
ปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์ สรอ. ซึ่งได้รับการตำหนิจากสรอ. และประเทศ
อื่นๆ ว่าส่งผลให้สินค้าส่งออกของจีนได้เปรียบจากราคาที่ถูกกว่า โดยผวก.ธ.กลางจีนกล่าวว่าการปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนของจีนจะเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง โปร่งใส และเป็นเวลาที่เหมาะสม นอกจากนั้นเขา
ยังได้พิจารณาผลกระทบของภูมิภาคและของโลกที่จะเกิดขึ้นจากการปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนที่อาจจะ
ไม่เพียงปรับอัตราแลกเปลี่ยนจากปัจจุบันที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไว้เกือบ 8.28 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์
สรอ. แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่สมบูรณ์ด้วย อนึ่งหากมองแนวโน้มดุลการชำระเงินระหว่าง
เทศแล้วงานในอนาคตที่สำคัญคือการปรับระบบกลไกอัตราแลกเปลี่ยนด้วยมิใช่เพียงปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เห็นว่าจีนจะค่อยๆขยายช่วงห่างของการซื้อ-ขายเงินหยวน
และมีความเป็นไปได้ว่าจะหยุดการผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สรอ.ด้วยการกำหนดค่าเงินหยวนกับเงินสกุลสำคัญใน
ระบบตะกร้าเงินแทน อนึ่งธ.กลางจีนต้องเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดในภาพรวมเศรษฐกิจจีนทั้งเงินเฟ้อและดัชนี
ต่างๆเพื่อกำหนดว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหรือไม่ ซึ่งเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาจีนได้ปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.27 อยู่ที่ร้อยละ 5.58 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี(รอยเตอร์)
3. เดือน ก.พ.48 ผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 28 มี.ค.48 ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.48 ลดลงต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 2 ร้อยละ 9.8 เทียบต่อเดือน ตรงข้ามกับการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุจากการ
ชะลอตัวของผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า การที่ผลผลิตโรงงาน
ลดลง อาจส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 ชะลอตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2
ปี และอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปี 48 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ร้อยละ 3-5 หลัง
จากที่ขยายตัวร้อยละ 8.4 ในปี 47 ทั้งนี้ เศรษฐกิจของสิงคโปร์ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 110 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ได้
แสดงสัญญาณการเติบโตมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 46 โดยเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 46 ขยายตัวถึงร้อยละ
7.9 หลังจากที่ประสบภาวะชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส (รอยเตอร์)
4. เดือน ก.พ.48 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ชะลอตัวลง ขณะที่การค้าส่งและค้าปลีกขยาย
ตัวเพิ่มขึ้น รายงานจากโซลเมื่อ 29 มี.ค.48 National Statistical Office เปิดเผยว่า ผลผลิต
อุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 4.6 เทียบต่อเดือน เป็นการลดลงสูงสุดนับตั้งแต่เดือน
มี.ค.41 ซึ่งลดลงร้อยละ 5.3 และเป็นการลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลง
เพียงร้อยละ 0.6 ในขณะที่ยอดขายส่งและขายปลีกกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน
ก.ค.42 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ส่งผลกระทบให้ราคา พธบ.รัฐบาลในตลาดซื้อขาย พธบ.ลดลง เนื่องจากผู้ลงทุน
เกิดความไม่มั่นใจต่อสัญญาณทางเศรษฐกิจต่างๆ ว่าจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยั่งยืนหรือไม่ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 มี.ค. 48 28 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.114 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9296/39.2152 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.98/7.41 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,850/7,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 45.56 46.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--