สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--4 พ.ย.--บิสนิวส์
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
สุกร : ราคาสุกรมีแนวโน้มลดลงอีก
_____________________________________________________________
รายการ กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม อัตราเพิ่มต่อเดือน(%)
_____________________________________________________________
ราคาที่เกษตรกรขายได้ (บาท/กก.)
ปี 2540 41.45 41.24 39.91 37.07 -3.61
ปี 2539 42.24 43.66 43.97 42.30 0.11
-------------------------------------------------------------
ต้นทุนการผลิต (บาท/กก.)
ปี 2540 35.31 34.95 35.94 37.51 2.12
ปี 2539 32.92 32.48 32.42 32.38 -0.51
-------------------------------------------------------------
ราคาอาหารสุกร (บาท/กก.)
ปี 2540 7.68 8.29 8.63 9.04 5.44
ปี 2539 6.95 6.87 6.97 7.06 0.62
-------------------------------------------------------------
ราคาลูกสุกร (บาท/ตัว)
ปี 2540 1,100 1,050 850 600 -18.37
ปี 2539 990 1,050 1,150 1,150 5.55
_____________________________________________________________
ในช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2540 จนกระทั่งปัจจุบัน เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรประสบปัญหาราคาสุกรขุนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาอาหารสัตว์ และราคาลูกสุกรหย่านมกลับปรับตัวสูงขึ้นตลอดมา และคาดว่าราคาสุกรขุนจะยังคงลดลงต่อไปอีก มีสาเหตุมาจาก
(1) ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ความต้องการบริโภคสุกรลดลง
(2) ระยะนี้เป็นช่วงที่สุกรออกสู่ตลาดมากกว่าปกติ เป็นเหตุให้สุกรขุนมีราคาลดลง ซึ่งจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของราคาสุกรตามฤดูกาลในระยะหลายปีที่ผ่านมา พบว่าราคาจะเริ่มลดลงตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมและต่อเนื่องไปถึงเดือนมีนาคมของปีต่อไป เพราะเป็นช่วงที่สภาพอากาศเย็นเหมาะสมต่อการผลิต ทำให้สุกรแม่พันธุ์ให้ผลผลิตได้ดีและสุกรขุนเจริญเติบโตเร็ว และ
(3) ราคาสุกรในช่วงปี 2538-2539 อยู่ในระดับที่สูงมากจึงจูงใจให้มีการขยายการผลิตสุกรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีสุกรออกสู่ตลาดในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ราคาสุกรจึงมีแนวโน้มลดลงดังกล่าว
จากการที่ราคาสุกรมีแนวโน้มลดลงดังกล่าว แม้โดยข้อเท็จจริงแล้วขณะนี้ผู้เลี้ยงสุกรอาจจะยังไม่ถึงกับขาดทุน แต่หากราคายังจะลดลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อาจทำให้การเลี้ยงสุกรมีปริมาณลดลงและเกิดปัญหาสุกรขาดแคลนได้ในวันข้างหน้า ดังนั้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2540 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้เข้าพบอธิบดีกรมการค้าภายใน เพื่อเจรจาขอเงินสนับสนุนจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงราคาสุกร โดยตัดวงจรแม่พันธุ์สุกรและลูกสุกรเพื่อลดปริมาณสุกร และชำแหละสุกรจำหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาถูก ซึ่งจะจูงใจให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น แต่จากการติดตามข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทราบว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดจำนวนเงินที่ขอสนับสนุนเพื่อดำเนินมาตรการดังกล่าว
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั้น ควรพิจารณาดำเนินมาตรการ ดังนี้
1. ให้มีการจำหน่ายเนื้อสุกรราคาถูก เพื่อจูงใจให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนให้กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร และสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรรวบรวมสุกรจากสมาชิกชำแหละจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง
2. ตัดวงจรสุกรแม่พันธุ์และลูกสุกร เพื่อลดปริมาณการผลิตสุกรให้สอดคล้องกับความต้องการ
3. สนับสนุนให้มีการชำแหละสุกรเก็บสต็อกในห้องเย็นในช่วงที่สุกรมีราคาตกต่ำมาก
4. สนับสนุนให้มีการส่งออกมากขึ้นทั้งในรูปสุกรชำแหละและผลิตภัณฑ์
นอกจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดังกล่าวแล้ว ควรจะได้มีการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อให้ราคาสุกรมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยการจดทะเบียนผู้เลี้ยงสุกรเพื่อให้ทราบข้อมูลที่จะใช้ในการวางแผนการผลิต และจะต้องมีมาตรการสนับสนุนให้สามารถกำหนดหรือควบคุมปริมาณการผลิตได้ด้วย
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
พืชฤดูแล้ง : เป้าหมายการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2540/41
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับโครงการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการ ได้ประชุมเพื่อพิจารณาและกำหนดเป้าหมายการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2540/41 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2540 ที่ผ่านมา โดยเน้นการพิจารณาสภาพน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ปรากฎว่าน้ำต้นทุนโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติดี และมีปริมาณน้ำที่สามารถใช้ได้ประมาณร้อยละ 50 - 100 ยกเว้นเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ แม่กวง กระเสียว และทับเสลา ที่มีปริมาณน้ำน้อย ประกอบกับสถานการณ์และแนวโน้มด้านการตลาดพืชฤดูแล้ง ทั้งข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และถั่วเขียว ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะความต้องการใช้ภายในประเทศสูงขึ้น รวมทั้งการที่ค่าเงินบาทลอยตัว ทำให้ราคานำเข้าสูง และการส่งออกมีลู่ทางแจ่มใส จึงได้กำหนดเป้าหมายในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้ทั้งสิ้น 8.0 ล้านไร่ ประกอบด้วย
ข้าวนาปรัง 4.000 ล้านไร่
- ในเขตชลประทาน 3.288 ล้านไร่
- นอกเขตชลประทาน 0.712 ล้านไร่
พืชไร่-พืชผัก 4.000 ล้านไร่
- ในเขตชลประทาน 1.130 ล้านไร่
- นอกเขตชลประทาน 2.870 ล้านไร่
โดยในพื้นที่ชลประทานต่างๆ สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ยกเว้นพื้นที่ชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ และพิษณุโลก ในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างซึ่งรับน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ต้องลดพื้นที่นาปรังลง โดยให้ทำนาปรังได้ไม่เกิน 2.7 ล้านไร่ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการสนับสนุนการปลูกพืชฤดูแล้งไว้ ดังนี้
1) ด้านน้ำชลประทาน ให้กรมชลประทานกำหนดเขตหมุนเวียนน้ำตามสายคลองพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และทำข้อตกลงกับเกษตรกรในพื้นที่ให้ชัดเจน และทำแผนรองรับไว้ในกรณีที่ไม่มีน้ำฝนมาเสริมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
2) ด้านการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ให้กำหนดเขตการเพาะปลูกข้าวนาปรัง และพืชไร่-พืชผักให้ชัดเจน ตลอดทั้งเร่งส่งเสริมพืชทดแทนข้าวนาปรัง โดยเน้นพืช-อาหารสัตว์ พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดทำโครงการร่วมกับภาคเอกชนแบบโครงการครบวงจร เช่น การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
3) ด้านการผลิตและสินเชื่อ ให้มีการกำหนดราคารับซื้อผลผลิตที่แน่นอน และให้ ธ.ก.ส. ใช้มาตรการสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรที่ทำนาปรังในเขตชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ และพิษณุโลก ไม่เกิน 2.7 ล้านไร่ นอกนั้นจะสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปลูกพืชไร่-พืชผัก เท่านั้น
4) ด้านการประชาสัมพันธ์ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยใช้สื่อต่าง ๆ ทั้งทางวิทยุ และโทรทัศน์
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 20-26 ตุลาคม 2540--
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
สุกร : ราคาสุกรมีแนวโน้มลดลงอีก
_____________________________________________________________
รายการ กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม อัตราเพิ่มต่อเดือน(%)
_____________________________________________________________
ราคาที่เกษตรกรขายได้ (บาท/กก.)
ปี 2540 41.45 41.24 39.91 37.07 -3.61
ปี 2539 42.24 43.66 43.97 42.30 0.11
-------------------------------------------------------------
ต้นทุนการผลิต (บาท/กก.)
ปี 2540 35.31 34.95 35.94 37.51 2.12
ปี 2539 32.92 32.48 32.42 32.38 -0.51
-------------------------------------------------------------
ราคาอาหารสุกร (บาท/กก.)
ปี 2540 7.68 8.29 8.63 9.04 5.44
ปี 2539 6.95 6.87 6.97 7.06 0.62
-------------------------------------------------------------
ราคาลูกสุกร (บาท/ตัว)
ปี 2540 1,100 1,050 850 600 -18.37
ปี 2539 990 1,050 1,150 1,150 5.55
_____________________________________________________________
ในช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2540 จนกระทั่งปัจจุบัน เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรประสบปัญหาราคาสุกรขุนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาอาหารสัตว์ และราคาลูกสุกรหย่านมกลับปรับตัวสูงขึ้นตลอดมา และคาดว่าราคาสุกรขุนจะยังคงลดลงต่อไปอีก มีสาเหตุมาจาก
(1) ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ความต้องการบริโภคสุกรลดลง
(2) ระยะนี้เป็นช่วงที่สุกรออกสู่ตลาดมากกว่าปกติ เป็นเหตุให้สุกรขุนมีราคาลดลง ซึ่งจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของราคาสุกรตามฤดูกาลในระยะหลายปีที่ผ่านมา พบว่าราคาจะเริ่มลดลงตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมและต่อเนื่องไปถึงเดือนมีนาคมของปีต่อไป เพราะเป็นช่วงที่สภาพอากาศเย็นเหมาะสมต่อการผลิต ทำให้สุกรแม่พันธุ์ให้ผลผลิตได้ดีและสุกรขุนเจริญเติบโตเร็ว และ
(3) ราคาสุกรในช่วงปี 2538-2539 อยู่ในระดับที่สูงมากจึงจูงใจให้มีการขยายการผลิตสุกรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีสุกรออกสู่ตลาดในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ราคาสุกรจึงมีแนวโน้มลดลงดังกล่าว
จากการที่ราคาสุกรมีแนวโน้มลดลงดังกล่าว แม้โดยข้อเท็จจริงแล้วขณะนี้ผู้เลี้ยงสุกรอาจจะยังไม่ถึงกับขาดทุน แต่หากราคายังจะลดลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อาจทำให้การเลี้ยงสุกรมีปริมาณลดลงและเกิดปัญหาสุกรขาดแคลนได้ในวันข้างหน้า ดังนั้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2540 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้เข้าพบอธิบดีกรมการค้าภายใน เพื่อเจรจาขอเงินสนับสนุนจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงราคาสุกร โดยตัดวงจรแม่พันธุ์สุกรและลูกสุกรเพื่อลดปริมาณสุกร และชำแหละสุกรจำหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยตรง เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาถูก ซึ่งจะจูงใจให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น แต่จากการติดตามข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทราบว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดจำนวนเงินที่ขอสนับสนุนเพื่อดำเนินมาตรการดังกล่าว
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั้น ควรพิจารณาดำเนินมาตรการ ดังนี้
1. ให้มีการจำหน่ายเนื้อสุกรราคาถูก เพื่อจูงใจให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนให้กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร และสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรรวบรวมสุกรจากสมาชิกชำแหละจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง
2. ตัดวงจรสุกรแม่พันธุ์และลูกสุกร เพื่อลดปริมาณการผลิตสุกรให้สอดคล้องกับความต้องการ
3. สนับสนุนให้มีการชำแหละสุกรเก็บสต็อกในห้องเย็นในช่วงที่สุกรมีราคาตกต่ำมาก
4. สนับสนุนให้มีการส่งออกมากขึ้นทั้งในรูปสุกรชำแหละและผลิตภัณฑ์
นอกจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดังกล่าวแล้ว ควรจะได้มีการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อให้ราคาสุกรมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยการจดทะเบียนผู้เลี้ยงสุกรเพื่อให้ทราบข้อมูลที่จะใช้ในการวางแผนการผลิต และจะต้องมีมาตรการสนับสนุนให้สามารถกำหนดหรือควบคุมปริมาณการผลิตได้ด้วย
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
พืชฤดูแล้ง : เป้าหมายการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2540/41
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับโครงการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการ ได้ประชุมเพื่อพิจารณาและกำหนดเป้าหมายการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2540/41 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2540 ที่ผ่านมา โดยเน้นการพิจารณาสภาพน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ปรากฎว่าน้ำต้นทุนโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติดี และมีปริมาณน้ำที่สามารถใช้ได้ประมาณร้อยละ 50 - 100 ยกเว้นเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ แม่กวง กระเสียว และทับเสลา ที่มีปริมาณน้ำน้อย ประกอบกับสถานการณ์และแนวโน้มด้านการตลาดพืชฤดูแล้ง ทั้งข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และถั่วเขียว ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะความต้องการใช้ภายในประเทศสูงขึ้น รวมทั้งการที่ค่าเงินบาทลอยตัว ทำให้ราคานำเข้าสูง และการส่งออกมีลู่ทางแจ่มใส จึงได้กำหนดเป้าหมายในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไว้ทั้งสิ้น 8.0 ล้านไร่ ประกอบด้วย
ข้าวนาปรัง 4.000 ล้านไร่
- ในเขตชลประทาน 3.288 ล้านไร่
- นอกเขตชลประทาน 0.712 ล้านไร่
พืชไร่-พืชผัก 4.000 ล้านไร่
- ในเขตชลประทาน 1.130 ล้านไร่
- นอกเขตชลประทาน 2.870 ล้านไร่
โดยในพื้นที่ชลประทานต่างๆ สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ยกเว้นพื้นที่ชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ และพิษณุโลก ในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างซึ่งรับน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ต้องลดพื้นที่นาปรังลง โดยให้ทำนาปรังได้ไม่เกิน 2.7 ล้านไร่ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการสนับสนุนการปลูกพืชฤดูแล้งไว้ ดังนี้
1) ด้านน้ำชลประทาน ให้กรมชลประทานกำหนดเขตหมุนเวียนน้ำตามสายคลองพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และทำข้อตกลงกับเกษตรกรในพื้นที่ให้ชัดเจน และทำแผนรองรับไว้ในกรณีที่ไม่มีน้ำฝนมาเสริมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
2) ด้านการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ให้กำหนดเขตการเพาะปลูกข้าวนาปรัง และพืชไร่-พืชผักให้ชัดเจน ตลอดทั้งเร่งส่งเสริมพืชทดแทนข้าวนาปรัง โดยเน้นพืช-อาหารสัตว์ พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดทำโครงการร่วมกับภาคเอกชนแบบโครงการครบวงจร เช่น การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
3) ด้านการผลิตและสินเชื่อ ให้มีการกำหนดราคารับซื้อผลผลิตที่แน่นอน และให้ ธ.ก.ส. ใช้มาตรการสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรที่ทำนาปรังในเขตชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ และพิษณุโลก ไม่เกิน 2.7 ล้านไร่ นอกนั้นจะสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปลูกพืชไร่-พืชผัก เท่านั้น
4) ด้านการประชาสัมพันธ์ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยใช้สื่อต่าง ๆ ทั้งทางวิทยุ และโทรทัศน์
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 20-26 ตุลาคม 2540--